06 พฤษภาคม 2557 TG PHONE ระบุ ลดการลงทุนขยายสาขาเหลือ 30 สาขา และคุมสต๊อกเข้ม-ลุ้นครึ่งปีหลัง ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยเครื่องไฮเอนด์ที่ราคา 15,000 บาทขึ้นไปจะมีสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด
ประเด็นหลัก
นายไพโรจน์ ถาวรสภานันท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีจี เซลลูล่าร์ เวิลด์ จำกัด เจ้าของร้านค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ "ทีจี โฟน" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แผนเดิมปีนี้จะขยายสาขาเพิ่ม 50 แห่ง ทั้งตามห้างสรรพสินค้าเกิดใหม่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด แต่สถานการณ์การเมืองไม่สงบ รวมถึงเศรษฐกิจที่ไม่ดีจึงปรับแผนลดการลงทุนขยายสาขาเหลือ 70% เหลือ 30 สาขา เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ใช้จ่ายมากนัก
"การเปิดแต่ละสาขาใช้งบประมาณหลักล้านบาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมาทั้งค่าไฟและพนักงาน ดังนั้นต้องคำนวณให้ดี ยิ่งการเมืองยังไม่จบลูกค้าก็ไม่กล้ามาใช้จ่ายซื้อสินค้าต่าง ๆ ทำให้เราตัดสินใจปรับการเพิ่มสาขาให้น้อยลงเพื่อเซฟค่าใช้จ่ายไว้ก่อน"
และในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% มียอดขายจากสมาร์ทโฟนเกือบทั้งหมดตามเทรนด์ตลาดในกลุ่มสินค้าระดับกลางถึงล่างเป็นหลัก ที่ราคาระหว่าง 2,000-15,000 บาท แต่หากคิดเป็นมูลค่า เครื่องไฮเอนด์ที่ราคา 15,000 บาทขึ้นไปจะมีสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด
______________________________________
ทีจีโฟนปรับแผนรับชะลอซื้อ คุมสต๊อกเข้ม-ลุ้นครึ่งปีหลัง
เชนสโตร์ดัง "ทีจี โฟน" ยึดหลักเพลย์เซฟ ชะลอแผนขยายสาขา หลังการเมืองฉุดเศรษฐกิจไม่แจ่ม-กำลังซื้อวูบวาบ เดินหน้าคุมเข้มการบริหารจัดการสต๊อกสินค้า พร้อมโหมตลาดครึ่งหลังเต็มสูบ ตั้งเป้าปั้นยอดขายโต 20% โกยรายได้แตะหมื่นล้านบาท ฟันธงตลาดรวมโทรศัพท์ปีนี้อย่างเก่ง 20 ล้านเครื่อง แต่เป็นสมาร์ทโฟน 60% และมีค่ายมือถือเป็นคีย์แมนทำตลาดโต
นายไพโรจน์ ถาวรสภานันท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีจี เซลลูล่าร์ เวิลด์ จำกัด เจ้าของร้านค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ "ทีจี โฟน" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แผนเดิมปีนี้จะขยายสาขาเพิ่ม 50 แห่ง ทั้งตามห้างสรรพสินค้าเกิดใหม่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด แต่สถานการณ์การเมืองไม่สงบ รวมถึงเศรษฐกิจที่ไม่ดีจึงปรับแผนลดการลงทุนขยายสาขาเหลือ 70% เหลือ 30 สาขา เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ใช้จ่ายมากนัก
"การเปิดแต่ละสาขาใช้งบประมาณหลักล้านบาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมาทั้งค่าไฟและพนักงาน ดังนั้นต้องคำนวณให้ดี ยิ่งการเมืองยังไม่จบลูกค้าก็ไม่กล้ามาใช้จ่ายซื้อสินค้าต่าง ๆ ทำให้เราตัดสินใจปรับการเพิ่มสาขาให้น้อยลงเพื่อเซฟค่าใช้จ่ายไว้ก่อน"
สำหรับภาพรวมตลาดในไตรมาสแรกของปียังมีปัญหาการเมืองต่อเนื่องจากปีก่อน ประกอบกับจำนวนวันน้อยกว่าไตรมาสอื่น และโทรศัพท์รุ่นเรือธงของหลายแบรนด์ยังไม่ออกวางจำหน่ายมากนัก ทำให้เกิดการชะลอซื้ออย่างชัดเจน กระทบต่อยอดขายของบริษัทเช่นกัน เพราะเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมามีมูลค่าใกล้เคียงกัน เพราะสมาร์ทโฟนรุ่นล่างและกลางมียอดขายสูงกว่าปีก่อนทำให้มูลค่ารวมไม่ลดลง คาดว่าในไตรมาสสองตลาดจะฟื้นขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มคุ้นชินกับสถานการณ์ทางการเมือง และเริ่มมีโทรศัพท์รุ่นใหม่ออกมา เช่น ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส 5 แต่วันหยุดเยอะทำให้ยอดขายคงไม่เพิ่มมากนัก
ขณะเดียวกัน บริษัทจะมีการบริหารจัดการสินค้าในสต๊อกให้เข้มขึ้น จากเดิมเครื่องทั้งหมดต้องออกวางจำหน่ายหลังรับของเข้ามาภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่จากนี้จะตีกรอบเวลาให้ชัดเจนขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงกรณีสินค้าหลุดจากความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงในครึ่งปีหลังการทำตลาดมากขึ้นด้วยการจัดกิจกรรมต่อเนื่อง และเน้นร่วมกับโอเปอเรเตอร์ เพราะจะมีเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ออกมาอีกหลายรุ่น และหลายรุ่นเป็นรุ่นเรือธง เช่น โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย แซด 2 แต่จะมีการทำโปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์สินค้าบางเจ้าเสริมด้วย เพื่อสร้างความแตกต่างในการซื้อกับทีจี โฟน
และในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% มียอดขายจากสมาร์ทโฟนเกือบทั้งหมดตามเทรนด์ตลาดในกลุ่มสินค้าระดับกลางถึงล่างเป็นหลัก ที่ราคาระหว่าง 2,000-15,000 บาท แต่หากคิดเป็นมูลค่า เครื่องไฮเอนด์ที่ราคา 15,000 บาทขึ้นไปจะมีสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายข้างต้นวางไว้ตั้งแต่ต้นปีอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ คาดว่าจะมีการประเมินกันอีกครั้งในเดือน พ.ค.นี้ เพราะเป็นช่วงที่ภาพรวมตลาดค่อนข้างนิ่ง แต่คงยังไม่สามารถคาดการณ์สถานการณ์ทางการเมืองได้ว่าจะจบลงภายในครึ่งปีหลังได้หรือไม่
นายไพโรจน์กล่าวต่อว่า ตลาดรวมน่าจะมียอดขาย 20 ล้านเครื่อง ไม่เพิ่มจากปีที่แล้วมากนัก ไม่น่าถึง 23-25 ล้านเครื่องตามที่ค่ายมือถือคาด เพราะครึ่งปีแรกกำลังซื้อยังไม่กลับมา ขณะที่ครึ่งปีหลังไม่สามารถอ่านตลาดได้ แต่สมาร์ทโฟนใกล้เคียงกับที่โอเปอเรเตอร์คาดคือ 60% ของทั้งหมด เนื่องจากการใช้ดาต้าเพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์ก
"ปีนี้เป็นอีกปีที่โอเปอเรเตอร์จะเป็นคีย์แมน ต่างลงทุนโครงข่าย 3G เต็มที่ การจัดโปรโมชั่นเพื่อจูงใจลูกค้าที่ยังไม่เคยใช้ดาต้ามาก่อนจะเต็มไปหมด ส่งผลให้ผู้ค้าปลีกสมาร์ทโฟนได้รับประโยชน์ไปด้วย แต่ต้องวางแผนให้ดี หลายอย่างในปีนี้ยังคาดเดาไม่ได้ ถ้าพลาดมาเสียหายแน่"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1399261520
TG PHONE ระบุ ลดการลงทุนขยายสาขาเหลือ 30 สาขา และคุมสต๊อกเข้ม-ลุ้นครึ่งปีหลัง (15,000บาทขึ้นไปจะมีสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่ง)
ประเด็นหลัก
นายไพโรจน์ ถาวรสภานันท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีจี เซลลูล่าร์ เวิลด์ จำกัด เจ้าของร้านค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ "ทีจี โฟน" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แผนเดิมปีนี้จะขยายสาขาเพิ่ม 50 แห่ง ทั้งตามห้างสรรพสินค้าเกิดใหม่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด แต่สถานการณ์การเมืองไม่สงบ รวมถึงเศรษฐกิจที่ไม่ดีจึงปรับแผนลดการลงทุนขยายสาขาเหลือ 70% เหลือ 30 สาขา เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ใช้จ่ายมากนัก
"การเปิดแต่ละสาขาใช้งบประมาณหลักล้านบาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมาทั้งค่าไฟและพนักงาน ดังนั้นต้องคำนวณให้ดี ยิ่งการเมืองยังไม่จบลูกค้าก็ไม่กล้ามาใช้จ่ายซื้อสินค้าต่าง ๆ ทำให้เราตัดสินใจปรับการเพิ่มสาขาให้น้อยลงเพื่อเซฟค่าใช้จ่ายไว้ก่อน"
และในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% มียอดขายจากสมาร์ทโฟนเกือบทั้งหมดตามเทรนด์ตลาดในกลุ่มสินค้าระดับกลางถึงล่างเป็นหลัก ที่ราคาระหว่าง 2,000-15,000 บาท แต่หากคิดเป็นมูลค่า เครื่องไฮเอนด์ที่ราคา 15,000 บาทขึ้นไปจะมีสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด
______________________________________
ทีจีโฟนปรับแผนรับชะลอซื้อ คุมสต๊อกเข้ม-ลุ้นครึ่งปีหลัง
เชนสโตร์ดัง "ทีจี โฟน" ยึดหลักเพลย์เซฟ ชะลอแผนขยายสาขา หลังการเมืองฉุดเศรษฐกิจไม่แจ่ม-กำลังซื้อวูบวาบ เดินหน้าคุมเข้มการบริหารจัดการสต๊อกสินค้า พร้อมโหมตลาดครึ่งหลังเต็มสูบ ตั้งเป้าปั้นยอดขายโต 20% โกยรายได้แตะหมื่นล้านบาท ฟันธงตลาดรวมโทรศัพท์ปีนี้อย่างเก่ง 20 ล้านเครื่อง แต่เป็นสมาร์ทโฟน 60% และมีค่ายมือถือเป็นคีย์แมนทำตลาดโต
นายไพโรจน์ ถาวรสภานันท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีจี เซลลูล่าร์ เวิลด์ จำกัด เจ้าของร้านค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ "ทีจี โฟน" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แผนเดิมปีนี้จะขยายสาขาเพิ่ม 50 แห่ง ทั้งตามห้างสรรพสินค้าเกิดใหม่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด แต่สถานการณ์การเมืองไม่สงบ รวมถึงเศรษฐกิจที่ไม่ดีจึงปรับแผนลดการลงทุนขยายสาขาเหลือ 70% เหลือ 30 สาขา เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ใช้จ่ายมากนัก
"การเปิดแต่ละสาขาใช้งบประมาณหลักล้านบาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมาทั้งค่าไฟและพนักงาน ดังนั้นต้องคำนวณให้ดี ยิ่งการเมืองยังไม่จบลูกค้าก็ไม่กล้ามาใช้จ่ายซื้อสินค้าต่าง ๆ ทำให้เราตัดสินใจปรับการเพิ่มสาขาให้น้อยลงเพื่อเซฟค่าใช้จ่ายไว้ก่อน"
สำหรับภาพรวมตลาดในไตรมาสแรกของปียังมีปัญหาการเมืองต่อเนื่องจากปีก่อน ประกอบกับจำนวนวันน้อยกว่าไตรมาสอื่น และโทรศัพท์รุ่นเรือธงของหลายแบรนด์ยังไม่ออกวางจำหน่ายมากนัก ทำให้เกิดการชะลอซื้ออย่างชัดเจน กระทบต่อยอดขายของบริษัทเช่นกัน เพราะเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมามีมูลค่าใกล้เคียงกัน เพราะสมาร์ทโฟนรุ่นล่างและกลางมียอดขายสูงกว่าปีก่อนทำให้มูลค่ารวมไม่ลดลง คาดว่าในไตรมาสสองตลาดจะฟื้นขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มคุ้นชินกับสถานการณ์ทางการเมือง และเริ่มมีโทรศัพท์รุ่นใหม่ออกมา เช่น ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส 5 แต่วันหยุดเยอะทำให้ยอดขายคงไม่เพิ่มมากนัก
ขณะเดียวกัน บริษัทจะมีการบริหารจัดการสินค้าในสต๊อกให้เข้มขึ้น จากเดิมเครื่องทั้งหมดต้องออกวางจำหน่ายหลังรับของเข้ามาภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่จากนี้จะตีกรอบเวลาให้ชัดเจนขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงกรณีสินค้าหลุดจากความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงในครึ่งปีหลังการทำตลาดมากขึ้นด้วยการจัดกิจกรรมต่อเนื่อง และเน้นร่วมกับโอเปอเรเตอร์ เพราะจะมีเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ออกมาอีกหลายรุ่น และหลายรุ่นเป็นรุ่นเรือธง เช่น โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย แซด 2 แต่จะมีการทำโปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์สินค้าบางเจ้าเสริมด้วย เพื่อสร้างความแตกต่างในการซื้อกับทีจี โฟน
และในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% มียอดขายจากสมาร์ทโฟนเกือบทั้งหมดตามเทรนด์ตลาดในกลุ่มสินค้าระดับกลางถึงล่างเป็นหลัก ที่ราคาระหว่าง 2,000-15,000 บาท แต่หากคิดเป็นมูลค่า เครื่องไฮเอนด์ที่ราคา 15,000 บาทขึ้นไปจะมีสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายข้างต้นวางไว้ตั้งแต่ต้นปีอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ คาดว่าจะมีการประเมินกันอีกครั้งในเดือน พ.ค.นี้ เพราะเป็นช่วงที่ภาพรวมตลาดค่อนข้างนิ่ง แต่คงยังไม่สามารถคาดการณ์สถานการณ์ทางการเมืองได้ว่าจะจบลงภายในครึ่งปีหลังได้หรือไม่
นายไพโรจน์กล่าวต่อว่า ตลาดรวมน่าจะมียอดขาย 20 ล้านเครื่อง ไม่เพิ่มจากปีที่แล้วมากนัก ไม่น่าถึง 23-25 ล้านเครื่องตามที่ค่ายมือถือคาด เพราะครึ่งปีแรกกำลังซื้อยังไม่กลับมา ขณะที่ครึ่งปีหลังไม่สามารถอ่านตลาดได้ แต่สมาร์ทโฟนใกล้เคียงกับที่โอเปอเรเตอร์คาดคือ 60% ของทั้งหมด เนื่องจากการใช้ดาต้าเพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์ก
"ปีนี้เป็นอีกปีที่โอเปอเรเตอร์จะเป็นคีย์แมน ต่างลงทุนโครงข่าย 3G เต็มที่ การจัดโปรโมชั่นเพื่อจูงใจลูกค้าที่ยังไม่เคยใช้ดาต้ามาก่อนจะเต็มไปหมด ส่งผลให้ผู้ค้าปลีกสมาร์ทโฟนได้รับประโยชน์ไปด้วย แต่ต้องวางแผนให้ดี หลายอย่างในปีนี้ยังคาดเดาไม่ได้ ถ้าพลาดมาเสียหายแน่"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1399261520