เรื่องเต็มน่ารัก ตอนที่ 1/4-1/5 24 เม.ย. 2557

กระทู้สนทนา



ม้าเร็วมาถึงลานสนามหญ้า ที่ติดธงทิวไสวสวยงาม พลม้าเร็วชะเง้อมองไปมามองไปยังที่ประทับ ก่อนรีบลงจากม้า
       ประธานมนตรีธูลลุ้นเชียร์ฝั่งสีขาวออกรสชาติ สมุหราอูลกำลังหันไปยิ้มกับหญิงสาวสูงวัยที่นั่งใกล้ๆ
       “โอ้วๆ...เยี่ยม เยี่ยมมาก” ท่านประธานปรบมือชอบใจ “เด็กคนนั้นใครน่ะ ราอูล”
       ราอูลรีบหันมา “พะยะค่ะ”
       “เด็กฝ่ายสีขาวน่ะ ที่ชู้ตเอา ชู้ตเอาอยู่นั่นนะ ใครกัน”
       สมุหราอูล พยายามเมียงมอง แต่เห็นไม่ถนัด เพราะคนอื่นในสนามบัง
       “อ้อ...” ราอูลมองหาอยู่ ยังไม่เห็น แต่อ้อไปก่อน “ไม่ทราบเกล้าพะยะค่ะ”
       “เด็กคนนั้นนั่นละ ถ้าแข่งเสร็จไปเรียกมาหาฉันหน่อยนะ จะให้รางวัล” ประธานธูลบอก
       “อ้อ พะยะค่ะ” ยิ้มแหะๆ มองหาต่อ คนไหน
       ชีฟอง พระพี่เลี้ยงองค์หญิงโลลิต้า ที่ยืนอยู่ริมสนาม ท่ามกลางเหล่ากองเชียร์ ก็ยืนปรบมือส่งเสียงยินดีกับฝ่ายสีขาวอย่างสนุกสนานไปมา
       พลม้าเร็ววิ่งกระหืดกระหอบมาถึงที่ประทับ ทางด้านหลังของท่านธูล
       “ฝ่าบาท...มีเรื่องแล้วพะยะค่ะ”
       “มีอะไรล่ะ ไม่เห็นรึว่า ฝ่าบาทกำลังสำราญพระหฤทัยอยู่” ราอูลตำหนิ
       “คือเมื่อครู่นี้ ที่ด่านชายแดนประตูเหนือ รายงานมาว่า…”
       พลันเสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์นำขบวน ก็บีบดังลั่น นำขบวนรถเก๋งซาลูนที่แล่นโผล่มาเทียบจอดกึก ทุกคนในสนามและบริเวณโดยรอบต่างตกใจ หันไปดู แม้แต่กีฬาในสนามก็หยุด
       พลขบวนตะโกนดัง “เจ้าชายชองปอล องค์รัชทายาทจากฮวาซาเหนือเสด็จแล้ว!”
       ท่านธูลตกใจ ชีฟองเบิกตาโตตกใจมาก
       
       ฯพณฯ พันเอก ชองปอล ว่าที่คู่หมั้นของเจ้าหญิงโลลิต้า สวมแว่นดำเท่ห์ แต่งตัวจัดเหมือนนักร้องจะขึ้นคอนเสิร์ต ก้าวลงจากรถมา ท่าทางหล่อเหลาสง่างาม
       ชองปอลกวาดตามองรอบผ่านแว่นดำ ก่อนก้าวเดินอย่างมั่น และในก้าวแรกนั้นก็เหยียบลงไปกับกองขี้ม้าของม้าเช่าที่ผูกไว้แถวๆนั้น
       ชองปอลถอดแว่นตาออกมอง “โอ้ว....พระเจ้า!”
       ทุกคนตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านประธานธูล
       โลลิต้ามองผ่านผู้คนในสนาม เห็นเหล่าองครักษ์ 2 นายของชองปอล กำลังช่วยกันดึงชองปอลเดินออกมาจากกองขี้ม้า กุลีกุจอถอดรองเท้าเช็ดให้พัลวัน ทางราอูลและทหารฝ่ายใต้วิ่งเข้าไปหาดูแลชุลมุนวุ่นวาย
       โลลิต้ามีสีหน้าตกใจ
       ส่วนอีกมุม ชีฟองที่ชะเง้อมองๆ จนแน่ใจว่าเป็นใครก็มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน
       “ท่านชองปอลเสด็จ!”
       
       ชีฟองหันไปมองทางสนามกีฬา เห็นร่างเล็กๆ ของโลลิต้าวิ่งผละออกจากสนาม ชีฟองวิ่งตามไปทันควัน

  โลลิต้าวิ่งๆ ๆ วิ่งไปๆๆๆ โดยมีชีฟองวิ่งๆๆ ตามไม่ลดละ สุดท้ายโลลิต้าวิ่งมาหยุดที่สวนดอกไม้มุมหนึ่งห่างออกมาจากลานแข่งกีฬา ที่ผู้คนกำลังวุ่นวายกับชองปอล ชีฟองเหนื่อยหอบวิ่งตามหลังมาถึงติดๆ
       
       “องค์หญิง..เดี๋ยวสิเพคะ..องค์หญิง”
       โลลิต้าหยุดวิ่ง ถอดหมวกออก แล้วหันมายิ้มรอชีฟอง
       ชีฟองหยุด “ทรงหนีออกมาทำไมเพคะ”
       “จะให้เราอยู่ไปทำไมล่ะ ในเมื่อคนที่เราไม่ชอบหน้า เค้ามาอยู่ตรงนี้แล้ว”
       ชีฟองยังหอบแฮ่กๆๆ ตามประสาสาวชาววัง ที่ไม่เคยวิ่งควาย
       “ทำไมถึงได้วิ่งเร็วอย่างนี้น่ะเพคะ พี่ชีฟองเหนื่อยตับจะแตกอยู่แล้ว” เจ้าหญิงรัชทายาทหัวเราะแล้ววิ่งออกไปอีก ชีฟองตาเหลือก
       “รอเดี๋ยวสิเพคะ...รอด้วยเพคะ” ชีฟองออกวิ่งตามไปอีก
       
       ด้านแนวหน้าเดินตุปัดตุเป๋เหน็ดเหนื่อยมาตามทาง หยุดพักดื่มน้ำจากกระติกที่ทหารทิ้งไว้ให้
       “เดินขึ้นเนินเรื่อยๆ แบบนี้ เมื่อไหร่มันจะถึงวะ”
       แนวหน้ามองไปรอบๆ ตัวแล้วชะงัก ที่โล่งด้านหน้า ทำให้เห็นว่ากำลังอยู่ในเขตเมืองที่มีภูเขาสลับซับซ้อนสวยงาม
       แนวหน้าเดินไปมอง ที่ต่ำลงไปจะเห็นวิวของเมืองฮวาซาใต้ ที่เป็นเมืองเล็กๆ โอบล้อมด้วยภูเขา มีทะเลสาบสวยงาม แผ่นน้ำกระทบแสงแดดเช้าเป็นประกายระยิบระยับอยู่ข้างหน้า สวยงามแทบลืมหายใจ
       “เนี่ยเหรอ..ฮวาซา”
       แนวหน้าตะลึงมองราวต้องมนต์ ก่อนจะได้สติ หยิบเอากล้องมารัวถ่ายไม่ยั้ง
       
       ภายในโถงพระราชวัง เท้าของชองปอลใส่สลิปเปอร์หนังแทนรองเท้าเดิมแล้ว แต่ชองปอลทำหน้าตารังเกียจ ขยะแขยง ในมือกำลังรูดหน้าจอแทบเล็ตเล่นเกมไปมา มีองครักษ์ยืนอยู่ใกล้ๆ ชองปอลบ่นบ้าไม่หยุด
       “ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ...ชองปอลไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมจนป่านนี้ เขาไปนิวเคลียร์ ดิจิตอล ไอโอเอสโฟร์จี ไฟฟ์จี กันจนหมดโลกแล้ว แต่ฮวาซาใต้ยังไม่พัฒนาไปถึงไหน ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ดูซิ แท็บเบล็ตบลูทูธของชองปอลใช้ติดต่ออะไรไม่ได้เลย..โอว”
       ชองปอลโยนแท็บเล็ตลงบนพื้นอย่างอารมณ์เสีย องครักษ์รีบก้มเก็บแทบไม่ทัน
       “แม้แต่ไอ้พวกหมูหมากาไก่ก็ยังอยู่กันไม่เป็นระเบียบ สกปรก สกปรกสิ้นดี...โอวรองเท้าหนังกระทิงอัฟริกันคู่นั้น ชั้นเพิ่งสั่งมาจากเคปทาว์นนะ..พัง พังหมดเลย”
       ประตูห้องเปิดออก ท่านธูลเข้ามาพร้อมกับราอูล ทุกคนเปลี่ยนท่าที ก้มทำความเคารพ
       “ท่านชองปอล โปรดอภัยด้วยที่ข้าไม่อาจจัดการต้อนรับท่านได้อย่างสมเกียรติทันท่วงที เพราะทีแรกข้าได้รับจดหมายจากฮวาซาเหนือว่า ท่านชองปอลมีหมายกำหนดมาเยือนอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า”
       ชองปอลสะดุด เหลือบมองท่านธูลเล็กน้อย “ก็อย่ารับสั่งเช่นนั้นสิท่าน ฮวาซาเหนือฮวาซาใต้ใช่ว่าจะไกลกัน พอดีที่ฝรั่งเศสก็ไม่มีอะไรทำแล้ว แค่รอกลับไปรับใบปริญญา ชองปอลเลยกลับมาเร็วกว่ากำหนด แล้วก็อยากมาเจอหน้าน้องหญิงไวไว ก็เลยตัดสินใจมาก่อนหมาย...ก็เท่านั้นเอง”
       “ท่านชองปอลให้เกียรติกับฮวาซาใต้ยิ่ง อย่างไรเสีย ข้าและฮวาซาใต้ ก็ยินดีและพร้อมต้อนรับท่านเสมอด้วยความเต็มใจ และต้องทูลขอประทานอภัยในเรื่องรองพระบาท” ท่านทูลว่า
       ชองปอลหันขวับ ราอูลนำรองเท้าที่ใส่มาในถาดอย่างดี มาถวาย
       “ทางห้องเครื่องต้นได้นำไปทำความสะอาดอย่างดี และขัดด้วยไขปลาวาฬมาแล้วพะยะค่ะ”
       ชองปอลหันมาทางท่านธูล “เป็นพระกรุณาหาที่เปรียบมิได้”
       องครักษ์ของชองปอลรับมา แล้วใส่ให้    
       “อ๋อ...ท่านพ่อฝากมาทูลเตือนท่านธูล เรื่องสนธิสัญญาการรวมประเทศฮวาซาเหนือและฮวาซาใต้..มันใกล้ถึงเวลาเต็มทีแล้วนะฝ่าบาท ฮวาซาเหนือของกระหม่อม ถึงแม้กำลังก้าวเดินหน้าพัฒนาประเทศไปไกลมากแล้ว แต่เราก็ไม่ลืมและพร้อมที่จะรับฮวาซาใต้เข้ามารวม และหยิบยื่นการพัฒนาให้เดินหน้าไปพร้อมกัน นี่มันก็ห้าปีตามที่ท่านธูลขอไว้ในสนธิสัญญาแล้ว เราเลิกรบกันมาห้าปี และก็ไม่หวังที่จะมาห้ำหั่นกันอีก ก็อยู่ที่ฝ่าบาทไม่ควรนิ่งเฉยอยู่ ควรเริ่มเข้าสู่การเจรจากับเราได้แล้ว ทั้งหมดนี้..ก็เพื่อความมั่นคงไพบูลย์ของชาวประชาลุ่มน้ำฮวาซาทั้งมวล”
       ท่านธูลอึดอัด “ทั้งหมดที่ท่านกล่าวมาข้าเข้าใจดี แต่ฮวาซาใต้อาจจะยังไม่พร้อม บางทีการเจรจาขอขยายระยะเวลาในสนธิสัญญาออกไปอีกซักหน่อย อาจเป็นหนทางที่ดีที่สุดในตอนนี้”
       ชองปอลหันขวับมาหน้าตาถทึง “นี่ท่านจะขอเลื่อนเหรอ”
       ท่านธูลพยักหน้า “อาจเป็นเช่นนั้น”
       “ทำไมต้องเลื่อน ถ้าเลื่อนแล้วงานหมั้นของกระหม่อมกับน้องหญิงโลลิต้าจะต้องเลื่อนด้วยไหม”
       “เรื่องนั้นย่อมไม่เกี่ยวข้องกัน...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับโลลิต้า”
       ชองปอลยิ้มแฉ่ง “ค่อยยังชั่วนี่เป็นข่าวที่น่ายินดีที่สุด ชองปอลจะรีบไปทูลกับท่านพ่อทันที ว่าแต่...น้องหญิงละ อยู่ไหน กระหม่อมยังไม่เห็นหน้าน้องหญิงเลยตั้งแต่มา”
       
       ท่านธูลผงะเล็กน้อย มองหน้าราอูล
นางกำนัลหน้าห้องกึ่งวิ่งกึ่งเดินท่าทีเร่งรีบหน้าตื่น มาหยุดที่หน้าห้องเจ้าหญิงโลลิต้า
       
       “องค์หญิงเพคะ...องค์หญิง”
       นางหน้าห้องยืนรอฟังคำตอบ ก่อนจะเคาะประตูอีกครั้ง
       “องค์หญิงเพคะ ท่านประธานมนตรีให้มาทูลเชิญเพคะ”
       ทุกอย่างนิ่งเงียบ นางหน้าห้องตัดสินใจเปิดประตูเข้ามา ภายในห้องว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่
       “องค์หญิงเพคะ” นางมองรอบห้องอย่างตกใจ
       
       ที่โรงเลี้ยงม้า ภายในเขตพระราชวังฮวาวาใต้ คนเลี้ยงม้าที่เพิ่งทำความสะอาดม้าเสร็จ ถือกระป๋องน้ำ และแปรง เดินกลับไป
       โลลิต้าย่องเข้ามาในโรงเลี้ยง แล้วค่อยๆ โผล่หน้าดู จนแน่ใจว่าคนเลี้ยงไปไกลแล้ว ก่อนส่งสัญญาณโบกมือให้ชีฟองตามมา
       โลลิต้าย่องมาลูบหัวม้าสีหมอกประจำพระองค์ ชื่อ เจ้าอองรี แล้วปลดเชือกดึงไป
       ชีฟองจับมือรั้งไว้ “จะเสด็จไหนเพคะ”
       “เราไปเที่ยวในหมู่บ้านกันเถอะพี่ชีฟอง”
       โลลิต้าขึ้นม้าควบออกไป ชีฟองตาเหลือก วิ่งไปที่ม้าอีกตัวหนึ่งกระโดดขึ้นควบตามไป
       
       บริเวณทางหน้าหมู่บ้านเชิงเขา แลเห็นธงทิวประดับ สวยงาม ชาวบ้านเดินเข้าออกประปราย แต่งหน้าเขียนสีกันน่าสนใจ
       ฟากแนวหน้าเดินกระปลกกะเปลี้ยมาตามทาง หยุดนวดขา แล้วถอดรองเท้าออกดูรอยบวมแดง
       “กูจะบ้าตาย...คอยดูนะเจอกันเมื่อไหร่ กูจะลาออกแล้วต่อยหน้า พี่ชายก็พี่ชายเหอะวะ”
       มีผู้คนเดินผ่าน ทาหน้าเป็นสีๆ แนวหน้ามองตาม
       แนวหน้าหันมองไป เบื้องหน้าเป็นหมู่บ้านเชิงเขา ที่ดูคึกคัก ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทาย ส่วนใหญ่ขีดหน้าเขียนตาเป็นริ้วสี บ้านเรือนก็ประดับตกแต่งไปด้วยดอกไม้หลากสี และริ้วผ้าสีสันสวยงาม
       แนวหน้าตื่นเต้น คว้ากล้องขึ้นมาทันที
       “อย่างนี้มันค่อยน่าสนใจหน่อย”
       พร้อมกับรีบใส่รองเท้า แล้วเดินตรงไปที่หมู่บ้านทันที
       
       แนวหน้าเดินเข้ามาในหมู่บ้าน ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศแปลกตา ความสนุกสนาน และการตกแต่งเทศกาลของชาวฮวาซา เสียงร้องรำ เสียงเครื่องดนตรี เสียงหัวเราะของผู้คนดังอื้ออึง
       “โวว..นี่ละที่แนวต้องการ”
       แนวหน้ายกกล้องเล็งถ่ายมุมต่างๆ มุมแล้วมุมเล่า ทั้งภาพสิ่งของ ภาพผู้คน ที่ยิ้มแย้มให้กัน
       แนวหน้าเข้าไปขอถ่ายรูปหญิงสาวบ้าง เด็กๆ บ้าง อย่างสนุกสนาน พยายามส่งภาษาให้เข้าใจ
       เด็กคนหนึ่งเล่นกล้องสุดฤทธิ์ โพสท่าสู้ตาย ยิ้มแฉ่งตาปิด แนวหน้าถ่ายอย่างเอ็นดู
       “หมู่บ้านนี้เค้ามีงานอะไรกันเหรอไอ้หนู”
       เด็ก 1 บอก “เค้าฉลองเทศกาลเก็บเกี่ยว”
       เด็ก 2 ว่าเสริม “แล้วก็ฉลองเจ้าหญิงอายุ 18 ขวบด้วย”
       แนวพยักหน้ารับรู้ แล้วออกเดินถ่ายรูป มีคณะเด็กตามเป็นขบวนอย่างตื่นเต้นที่ได้เห็นนักท่องเที่ยว
       
       อีกด้าน โลลิต้าจูงชีฟอง ที่ขีดสีแต่งหน้ากันมาเหมือนคนอื่นๆ แล้ว เดินร่าเริง สนุกสนานไปกับชาวบ้านและเด็กๆ ที่กำลังร้องรำทำเพลง
       แนวหน้าถูกแก๊งเด็กๆ รุมกันเขียนสีแต่งหน้าให้ เขายกกล้องถ่ายรูปถ่ายตัวเองกับแก๊งเด็กอย่างสนุกสนาน
       แนวหน้าเดินสวนกับเจ้าหญิงโลลิต้าไปแว้บๆ
       
       เสียงเพลงยังดังสนุกสนาน แนวหน้ายกกล้องจับภาพไปเรื่อยๆ จนไปจับภาพโลลิต้าที่กำลังหัวเราะสดใส หยอกล้อกับชาวบ้าน และเด็กๆ อยู่มุมหนึ่ง แนวหน้าถึงกับชะงัก หยุดมอง
       เด็กวิ่งกลับมาดึงแขน “พี่ๆ...มาทางนี้เร็ว” แนวหน้าถูกเด็กลากออกไป
       
       ขณะเดียวกันโลลิต้าที่เดินอยู่นึกได้ “ว้าย..ไม่ทันแล้วเร็วพี่ชีฟอง”
       โลลิต้าออกวิ่ง ชีฟองที่มัวดูของอยู่ตามไม่ทัน
       “รอด้วยเพคะ”
       
       ท่านประธานมนตรีธูลกำลังกังวล มีราอูล นางหน้าห้องยืนหน้าเสียอยู่ใกล้ๆ พลันทหารองค์รักษ์เหงื่อซิกวิ่งเข้ามา
       “ว่ายังไงบ้าง” ราอูลถาม
       “ตอนนี้ทหารวังตามหาจนทั่วแล้วขอรับ แต่...ยังไม่พบ” ทหารรายงานจ๋อยๆ
       ราอูลตกใจร้อง “หา”
       “ลูกหญิงไปไหน แล้วทำไมไม่มีใครเห็นเลย ช่วยตอบหน่อยสิ นี่มันอีกไม่นานจะได้เวลาออกท้องพระโรงแล้ว” ท่านธูลแปลกใจ
       ราอูลอึกอัก “เอ่อ...”
       ทุกคนนิ่งเงียบอึ้งไปทั้งแถบ
       ราอูลสั่งการกับทหาร “รีบไปหาอีก ทำยังไงก็ได้ พาองค์หญิงมาให้ทันตามหมายกำหนดการ”
       “ขอรับ ท่านราอูล” ทหารองค์รักษ์หน้าซีด รีบถอยออกจากห้องไป
       ท่านธูลมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่