กระทู้นี้ เป็นกระทู้รีวิวที่ 18 นะครับ
(เย่ ถ้าเปรียบเป็นอายุ ก็ดูหนัง 18+ ได้แล้ว...เอ่อ ไม่เกี่ยวๆ)
จากอันนี้
Link
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/photo.php?fbid=631032320284742&set=a.123113807743265.31053.105339522854027&type=1&theater
โห...แบบน่ากินมากมาย
มันคือการ Cross Culture ระหว่างอาหารสองชาติ
รสชาติจะเป็นอย่างไรนั้น ยังจินตนาการไม่ค่อยออก
บางคนบอกว่ามันน่าจะดีแค่สวยงาม ความคาวของสาหร่ายไม่น่าจะเข้ากันเท่าไหร่
ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องมานั่งมโนอะไรให้เสียเวลา จัดเองเลยละกัน
ก็จะทำแบบข้าวเหนียวมูนธรรมดา ไม่ใส่สีอะไรนะครับ (ไม่ชอบใส่สีให้ใคร)
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. ข้าวเหนียวมูน
2. มะม่วง
3. สาหร่ายแผ่นสำหรับห่อซูชิ
4. ไม้สำหรับห่อมากิซูชิ
5. กะทิ..อิ๊อิ๊
ข้าวเหนียวมูนนี่ ผมไม่มาเสียเวลาทำครับ
เพราะว่าถึงจะอยากทำก็ไม่เคยทำ ทำไม่เป็น(อ้าว) กลัวไม่อร่อย
มะม่วงก็เหมือนกันครับ ไม่อยากปลูกเองครับ เสียเวลา
กว่าต้นมันจะโต กว่าจะให้ผล ไม่ต้องรีวิวกันพอดีครับ ไปซื้อดีกว่า
ก็เลยไปซื้อข้าวเหนียวมูนกับมะม่วงที่ร้านข้าวเหนียวมานะ
ร้านข้าวเหนียวมะม่วงที่อยู่มายาวนาน ตั้งแต่ผมยังหัวเกรียน
(อยู่ข้างโรงเรียนยุพราช เชียงใหม่...นี่ไม่ได้โฆษณาให้เขานะ)
ส่วนสาหร่ายก็ไม่ต้องไปเด็ดเอาเองจากทะเลนะครับ
ไปซื้อได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีขายนะครับ (ไม่มีขายแล้วจะไปทำไม?)
เอาละ ลุยเลย
เอ่อ...ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ภาพชุดนี้อาจไม่ค่อยสวยนะครับ
เพราะว่ากล้องประจำที่ผมใช้ ตอนนี้เอากลับไปซ่อมอยู่ครับ เลยต้องใช้กล้องมือถือเอา
ภาพมันจะติดสีออกขาวๆหน่อย ไม่ได้ใช้แฟลชด้วย...แต่คุณภาพก็พอใช้ได้อะนะ
1. มะม่วงน้อยกลอยใจ
2. ข้าวเหนียวดวงจันทร์ อันนี้ก็ซื้อมาสามสิบบาท ได้ 2 ขีดนิดๆครับ
3. สาหร่ายแผ่นสำหรับห่อมากิซูชิ...เอ่อ.. แต่อันนี้เหมือนเอาไว้ห่อคิมบับ เพราะมีแดจังกึมมายืนโชว์หรา
แต่ก็เอาเหอะ ห่อได้เหมือนกัน....เอาจริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังแยกไม่ออก ว่าคิมบับกับมากิซูชิมันต่างกันยังไง? = ="
4. อันนี้ก็สำคัญ ไม้สำหรับห่อมากิซูชินี่เอง... ถ้าใครไม่มี ไปซื้อได้ที่ไดโซะ มีขายถมถืดครับ
5. แก้ผ้า...เอ๊ย!! ปอกเปลือกมะม่วงออกให้เรียบร้อย
6. หั่นมะม่วงเป็นเส้นๆยาวๆนะครับ เพราะเราจะเอาไปใส่เป็นไส้มากิซูชิ
มาหั่นขวางๆแบบปกติ มันก็จะห่อไม่ได้อะนะ
7. เอาสาหร่ายมาวางบนไม้สำหรับห่อมากิซูชิ
8. เอาข้าวเหนียวมูนใส่ลงไป เนื่องจากไม่เคยทำมากิซูชิเองเลย ในภาพนี้ผมใส่ข้าวเหนียวมูนลงไปหมดเลย
ก็ 2 ขีดนิดๆ ซึ่งส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันเยอะไปนะ.. ซักขีดเดียวก็น่าจะพอแล้วล่ะ (มาคิดได้ทีหลังแล้ว = =")
ใครจะบี้ไม่บี้ก็แล้วแต่ แต่ผมบี้ให้ข้าวมันติดสาหร่ายด้วยความมันมือ บี้แล้วรู้สึกสนุกมาก
(อาการทางจิต?)
9. นำมะม่วงที่หั่นไว้ใส่ลงไปตรงกลาง เรียงเกลี่ยๆให้มันพอๆกันทั้งแถว
10. ม้วน!!... อ้าว มะม่วงทะลักไหลออกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง = ="
ไม่เป็นไร ไม่ใช่เชฟ แค่ทะลักนิดหน่อยอย่าถือสาน่า
11. หั่นหัวกับท้าย เอาเก็บไว้กินทีหลังเพราะมันไม่สวย(หรือจะกินเลยก็ได้นะ)
12. หั่นให้เป็นคำๆ ขนาดพอๆกัน
13. เนื่องจากยังเป็นมือใหม่ในการม้วนสาหร่าย จะเห็นว่าไส้มะม่วงลงมากองอยู่ข้างล่าง
คงต้องไปฝึกหัดการม้วนสาหร่ายเพิ่มเติมอะนะ = ="
14. จัดเรียงให้สวยงาม... ให้ชื่อว่า "ดอกไม้มากิซูชิข้าวเหนียวมะม่วง"
(เอามาทั้งดุ้น แถมเติมดอกไม้ข้างหน้าให้ยาวเล่นๆ = =")
15. ดูไปดูมาก็...เอ้อ สวยๆๆ มีเซนส์เหมือนกันนะเนี่ย
ตอนนี้เราก็เตรียมกะทิใส่ถ้วยไว้(ได้จากตอนซื้อข้าวเหนียวมูนอะนะ)
ก็จะเอาไว้จิ้มต่างโชยุ...
ไม่ต้องไปหาวาซาบิมาใส่เลยนะ ไม่ได้ต้องการอะไรบรรเจิดขนาดนั้น = ="
เอาล่ะ...ได้เวลาแห่งความจริง!!
อ้ำ!!
...
โคเดวะ?!
...หน่าหนีนีนีนีนีนีนี!!! (ขออุทานเป็นภาษาญี่ปุ่น ให้เข้ากับซูชิอะนะ)
อร่อยโฮก!! แสงออกปาก!! สวรรค์ที่สัมผัสได้ด้วยลิ้น!!
ตอนแรกก็คิดว่า มันคงจะงั้นๆ แต่นี่มันอร่อยเกินคาดมากไปแล้ว
ความหอมของข้าวเหนียวมูน ผสมได้ดีกับความหวานของมะม่วง
กลิ่นสาหร่ายเจอจางนิดๆ รสสาหร่ายช่วยเสริมรสเด่นของข้าวเหนียวมะม่วงเข้าไปอีก
เกิดคอนทราสต์ในรสชาติ สร้างปรากฏการณ์อันอัศจรรย์ในปากเกินจะพรรณนา
น้ำตาแทบจะทะลักออกจากตาทั้งสองข้างด้วยความปลื้มปิติ รู้สึกดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้
ยังไงก็แล้วแต่ อย่าเอาไปจุ่มกับกะทิทั้งยวงนะ
เพราะว่ากลิ่นกะทิจะกลบกลิ่นสาหร่ายหมด แค่เหยาะกะทินิดๆพอให้เค็มมันหน่อยๆ
สวรรค์รำไรก็รออยู่ในกำมือท่านแล้ว
(อนึ่ง กะทิร้านนี้ไม่ค่อยข้นเลยแฮะ กะทิจางไปหน่อยอะนะ...แต่ก็ยังพาไปสวรรรค์ได้อยู่ดี)
.............
ข้าวเหนียวมูนใช้ไปหมดแล้ว ไหนๆก็ไหนๆ มะม่วงยังเหลืออยู่ สาหร่ายก็ยังมี
ลองทำมากิซูชิมะม่วงแบบไร้ข้าวละกัน
16. เอามะม่วงมาใส่กลางสาหร่าย พร้อมห่อ...
ขณะกำลังม้วน ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้...ไม่มีข้าว แล้วสาหร่ายมันจะติดกันได้ยังไง?
มะม่วงก็ลื่นเลื่อมมาบๆเป็นจั๊กกะเล้อเกลี้ยง(จิ้งเหลน)
มันก็ไหลไปมาในส่าหร่าย ช่างน่ารักน่าเอ็นดู(ตรงไหน?)
17. ...ได้แค่นี้ก็เอาละ ช่างมัน
18. พอไม่มีข้าวเหนียวมูน ก็เป็นมะม่วงสุกกับสาหร่ายธรรมดาๆ รสชาติไม่ได้ตื่นเต้นอะไร
19. แต่ก็กินหมดอยู่ดี = =
สรุป
1. อร่อยแบบแอนิมอลแอนิมอลเลยอะ... ไม่ได้ล้อเล่นนะ ไม่เชื่อไปลองเอง
2. ถ้าร้านอาหารญี่ปุ่นร้านไหนจะลองทำขายเป็นขนม ผมว่ามันก็เป็นเมนูที่ไม่เลวเลยนะ
ช่วงของแถม...
ไม่มี... น้องสาวยังไม่กลับครับ
ช่วงทุกข์ชาวเน็ต
1. ถาม : จิตใจทำด้วยอะไร?
- ตอบ : คำถามอจินไตยเกินไปครับ ตอบไม่ได้อะนะ = ="
2. ถาม : มีเมนูไหนทำให้อ้วกรึยังครับ?
- ตอบ : ยังนะ..แต่ถ้าขี้ปุ้งนี่มีแล้วหนึ่งเมนูครับ
3. ถาม : จะกินอะไรพิสดารมากมาย?
- ตอบ : ไปถามคนคิดนู่น ตูเป็นหนูทดลองเฉยๆเฟ้ย!! หัวกระทู้ก็บอกไว้หมดแล้ว อ่านหน่อยจิ = ="
จบละ...แค่นี้นะ...
เอวังฯ
[CR] Review : มากิซูชิข้าวเหนียวมะม่วง
กระทู้นี้ เป็นกระทู้รีวิวที่ 18 นะครับ
(เย่ ถ้าเปรียบเป็นอายุ ก็ดูหนัง 18+ ได้แล้ว...เอ่อ ไม่เกี่ยวๆ)
จากอันนี้
Link [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โห...แบบน่ากินมากมาย
มันคือการ Cross Culture ระหว่างอาหารสองชาติ
รสชาติจะเป็นอย่างไรนั้น ยังจินตนาการไม่ค่อยออก
บางคนบอกว่ามันน่าจะดีแค่สวยงาม ความคาวของสาหร่ายไม่น่าจะเข้ากันเท่าไหร่
ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องมานั่งมโนอะไรให้เสียเวลา จัดเองเลยละกัน
ก็จะทำแบบข้าวเหนียวมูนธรรมดา ไม่ใส่สีอะไรนะครับ (ไม่ชอบใส่สีให้ใคร)
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. ข้าวเหนียวมูน
2. มะม่วง
3. สาหร่ายแผ่นสำหรับห่อซูชิ
4. ไม้สำหรับห่อมากิซูชิ
5. กะทิ..อิ๊อิ๊
ข้าวเหนียวมูนนี่ ผมไม่มาเสียเวลาทำครับ
เพราะว่าถึงจะอยากทำก็ไม่เคยทำ ทำไม่เป็น(อ้าว) กลัวไม่อร่อย
มะม่วงก็เหมือนกันครับ ไม่อยากปลูกเองครับ เสียเวลา
กว่าต้นมันจะโต กว่าจะให้ผล ไม่ต้องรีวิวกันพอดีครับ ไปซื้อดีกว่า
ก็เลยไปซื้อข้าวเหนียวมูนกับมะม่วงที่ร้านข้าวเหนียวมานะ
ร้านข้าวเหนียวมะม่วงที่อยู่มายาวนาน ตั้งแต่ผมยังหัวเกรียน
(อยู่ข้างโรงเรียนยุพราช เชียงใหม่...นี่ไม่ได้โฆษณาให้เขานะ)
ส่วนสาหร่ายก็ไม่ต้องไปเด็ดเอาเองจากทะเลนะครับ
ไปซื้อได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีขายนะครับ (ไม่มีขายแล้วจะไปทำไม?)
เอาละ ลุยเลย
เอ่อ...ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ภาพชุดนี้อาจไม่ค่อยสวยนะครับ
เพราะว่ากล้องประจำที่ผมใช้ ตอนนี้เอากลับไปซ่อมอยู่ครับ เลยต้องใช้กล้องมือถือเอา
ภาพมันจะติดสีออกขาวๆหน่อย ไม่ได้ใช้แฟลชด้วย...แต่คุณภาพก็พอใช้ได้อะนะ
1. มะม่วงน้อยกลอยใจ
2. ข้าวเหนียวดวงจันทร์ อันนี้ก็ซื้อมาสามสิบบาท ได้ 2 ขีดนิดๆครับ
3. สาหร่ายแผ่นสำหรับห่อมากิซูชิ...เอ่อ.. แต่อันนี้เหมือนเอาไว้ห่อคิมบับ เพราะมีแดจังกึมมายืนโชว์หรา
แต่ก็เอาเหอะ ห่อได้เหมือนกัน....เอาจริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังแยกไม่ออก ว่าคิมบับกับมากิซูชิมันต่างกันยังไง? = ="
4. อันนี้ก็สำคัญ ไม้สำหรับห่อมากิซูชินี่เอง... ถ้าใครไม่มี ไปซื้อได้ที่ไดโซะ มีขายถมถืดครับ
5. แก้ผ้า...เอ๊ย!! ปอกเปลือกมะม่วงออกให้เรียบร้อย
6. หั่นมะม่วงเป็นเส้นๆยาวๆนะครับ เพราะเราจะเอาไปใส่เป็นไส้มากิซูชิ
มาหั่นขวางๆแบบปกติ มันก็จะห่อไม่ได้อะนะ
7. เอาสาหร่ายมาวางบนไม้สำหรับห่อมากิซูชิ
8. เอาข้าวเหนียวมูนใส่ลงไป เนื่องจากไม่เคยทำมากิซูชิเองเลย ในภาพนี้ผมใส่ข้าวเหนียวมูนลงไปหมดเลย
ก็ 2 ขีดนิดๆ ซึ่งส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันเยอะไปนะ.. ซักขีดเดียวก็น่าจะพอแล้วล่ะ (มาคิดได้ทีหลังแล้ว = =")
ใครจะบี้ไม่บี้ก็แล้วแต่ แต่ผมบี้ให้ข้าวมันติดสาหร่ายด้วยความมันมือ บี้แล้วรู้สึกสนุกมาก
(อาการทางจิต?)
9. นำมะม่วงที่หั่นไว้ใส่ลงไปตรงกลาง เรียงเกลี่ยๆให้มันพอๆกันทั้งแถว
10. ม้วน!!... อ้าว มะม่วงทะลักไหลออกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง = ="
ไม่เป็นไร ไม่ใช่เชฟ แค่ทะลักนิดหน่อยอย่าถือสาน่า
11. หั่นหัวกับท้าย เอาเก็บไว้กินทีหลังเพราะมันไม่สวย(หรือจะกินเลยก็ได้นะ)
12. หั่นให้เป็นคำๆ ขนาดพอๆกัน
13. เนื่องจากยังเป็นมือใหม่ในการม้วนสาหร่าย จะเห็นว่าไส้มะม่วงลงมากองอยู่ข้างล่าง
คงต้องไปฝึกหัดการม้วนสาหร่ายเพิ่มเติมอะนะ = ="
14. จัดเรียงให้สวยงาม... ให้ชื่อว่า "ดอกไม้มากิซูชิข้าวเหนียวมะม่วง"
(เอามาทั้งดุ้น แถมเติมดอกไม้ข้างหน้าให้ยาวเล่นๆ = =")
15. ดูไปดูมาก็...เอ้อ สวยๆๆ มีเซนส์เหมือนกันนะเนี่ย
ตอนนี้เราก็เตรียมกะทิใส่ถ้วยไว้(ได้จากตอนซื้อข้าวเหนียวมูนอะนะ)
ก็จะเอาไว้จิ้มต่างโชยุ...
ไม่ต้องไปหาวาซาบิมาใส่เลยนะ ไม่ได้ต้องการอะไรบรรเจิดขนาดนั้น = ="
เอาล่ะ...ได้เวลาแห่งความจริง!!
อ้ำ!!
...
โคเดวะ?!
...หน่าหนีนีนีนีนีนีนี!!! (ขออุทานเป็นภาษาญี่ปุ่น ให้เข้ากับซูชิอะนะ)
อร่อยโฮก!! แสงออกปาก!! สวรรค์ที่สัมผัสได้ด้วยลิ้น!!
ตอนแรกก็คิดว่า มันคงจะงั้นๆ แต่นี่มันอร่อยเกินคาดมากไปแล้ว
ความหอมของข้าวเหนียวมูน ผสมได้ดีกับความหวานของมะม่วง
กลิ่นสาหร่ายเจอจางนิดๆ รสสาหร่ายช่วยเสริมรสเด่นของข้าวเหนียวมะม่วงเข้าไปอีก
เกิดคอนทราสต์ในรสชาติ สร้างปรากฏการณ์อันอัศจรรย์ในปากเกินจะพรรณนา
น้ำตาแทบจะทะลักออกจากตาทั้งสองข้างด้วยความปลื้มปิติ รู้สึกดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้
ยังไงก็แล้วแต่ อย่าเอาไปจุ่มกับกะทิทั้งยวงนะ
เพราะว่ากลิ่นกะทิจะกลบกลิ่นสาหร่ายหมด แค่เหยาะกะทินิดๆพอให้เค็มมันหน่อยๆ
สวรรค์รำไรก็รออยู่ในกำมือท่านแล้ว
(อนึ่ง กะทิร้านนี้ไม่ค่อยข้นเลยแฮะ กะทิจางไปหน่อยอะนะ...แต่ก็ยังพาไปสวรรรค์ได้อยู่ดี)
.............
ข้าวเหนียวมูนใช้ไปหมดแล้ว ไหนๆก็ไหนๆ มะม่วงยังเหลืออยู่ สาหร่ายก็ยังมี
ลองทำมากิซูชิมะม่วงแบบไร้ข้าวละกัน
16. เอามะม่วงมาใส่กลางสาหร่าย พร้อมห่อ...
ขณะกำลังม้วน ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้...ไม่มีข้าว แล้วสาหร่ายมันจะติดกันได้ยังไง?
มะม่วงก็ลื่นเลื่อมมาบๆเป็นจั๊กกะเล้อเกลี้ยง(จิ้งเหลน)
มันก็ไหลไปมาในส่าหร่าย ช่างน่ารักน่าเอ็นดู(ตรงไหน?)
17. ...ได้แค่นี้ก็เอาละ ช่างมัน
18. พอไม่มีข้าวเหนียวมูน ก็เป็นมะม่วงสุกกับสาหร่ายธรรมดาๆ รสชาติไม่ได้ตื่นเต้นอะไร
19. แต่ก็กินหมดอยู่ดี = =
สรุป
1. อร่อยแบบแอนิมอลแอนิมอลเลยอะ... ไม่ได้ล้อเล่นนะ ไม่เชื่อไปลองเอง
2. ถ้าร้านอาหารญี่ปุ่นร้านไหนจะลองทำขายเป็นขนม ผมว่ามันก็เป็นเมนูที่ไม่เลวเลยนะ
ช่วงของแถม...
ไม่มี... น้องสาวยังไม่กลับครับ
ช่วงทุกข์ชาวเน็ต
1. ถาม : จิตใจทำด้วยอะไร?
- ตอบ : คำถามอจินไตยเกินไปครับ ตอบไม่ได้อะนะ = ="
2. ถาม : มีเมนูไหนทำให้อ้วกรึยังครับ?
- ตอบ : ยังนะ..แต่ถ้าขี้ปุ้งนี่มีแล้วหนึ่งเมนูครับ
3. ถาม : จะกินอะไรพิสดารมากมาย?
- ตอบ : ไปถามคนคิดนู่น ตูเป็นหนูทดลองเฉยๆเฟ้ย!! หัวกระทู้ก็บอกไว้หมดแล้ว อ่านหน่อยจิ = ="
จบละ...แค่นี้นะ...
เอวังฯ