ข่าวพาดหัวไม้หนังสือพิพม์หลายฉบับว่า พล.อ.สายหยุด เกิดผล คณะรัฐบุคคล หน้าแตก
เพราะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี แค่รับฟังข้อเสนอ คนกลาง เท่านั้น
ไม่ได้ตอบตกลงหรือเห็นด้วยใดๆทั้งสิ้น ตามที่ คนใกล้ชิด พล.อ.เปรม ออกมาปฏิเสธ ซึ่ง
งานนี้ พล.อ.สายหยุด อ้างว่า พล.อ.เปรม พยักหน้ารับแล้ว
ความกดดันยังมุ่งไปที่ตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ข้อหากลับลำ หนุน
ให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ใช่ความประสงค์ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.ที่ประกาศ
ท้าทาย ถึงจะมีการเลือกตั้งก็จะมีการขัดขวางทุกวิธีการ
เรื่องราวยังไม่จบเท่านั้น ยังเกี่ยวเอา แกนนำคนสำคัญทั้งในเครือญาติตระกูลชินวัตร และ
แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยมีข่าวไม่พอใจกับการเคลื่อนไหวในแนวทางของ กปปส.
มาแล้ว ร่วมวงไพบูลย์ด้วย
รวมทั้งความหวังที่จะกลับมาเป็นนายกฯอีกกระทอกของอภิสิทธิ์
จะเห็นว่าทั้งฉากหน้าและฉากหลังของการเมือง ไม่ได้เป็นไปตามครรลองของระบอบ
ประชาธิปไตยเลยแม้แต่น้อย นิยามความเป็นประชาธิปไตย โดยประชาชน ของประชาชน
และเพื่อประ-ชาชนถูกเก็บใส่ลิ้นชัก
การเมืองไทยเป็นไปตามความต้องการของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
มีนักวิชาการบางคนที่พยายามมอมเมาว่า ประเทศไทยถูกครอบงำโดยนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง
ตรงไปตรงมาก็คือ ขั้วพรรคเพื่อไทย อ้างว่าทั้งซื้อคนซื้อ ส.ส. เป็นเผด็จการทางรัฐสภา
ครอบงำประเทศเอาไว้ในมือ
แต่หากพิจารณาดูเส้นทางวิกฤติการเมืองอย่างถ่องแท้แล้ว การเปลี่ยนแปลงในบ้านเมือง
แต่ละยุคสมัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เกิดจาก คนกลุ่มน้อย หรือเสียงข้างน้อยในสังคมทั้งนั้น
เสียงส่วนใหญ่ของประเทศไม่มีความหมาย
เสียงข้างน้อยใหญ่คับฟ้า ใช้กำลังอำนาจเข้ายึดระบอบประชาธิปไตย นับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่
ที่เป่าหูกันว่า เป็น เผด็จการรัฐสภา แต่เพราะเสียงข้างน้อยทั้งในสภาและนอกสภาทุกครั้ง
ทำให้เกิดการยุบสภา หรือแม้กระทั่งฉีกรัฐธรรมนูญ
ถึงรัฐธรรมนูญจะให้อำนาจ ฝ่ายนิติบัญญัติ ในการออกกฎหมาย แก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังทำไม่สำเร็จ
เพราะถูกเบรกจาก เสียงข้างน้อยไม่กี่เสียงเท่านั้น จะทำให้ประชาธิปไตยเต็มใบ โดยการจัดให้มี
ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งหมด ไม่ต้องลากตั้งกันเข้ามาหมกเม็ด
แต่ในที่สุดเสียงข้างมากในสภาก็แพ้เสียงข้างน้อยไม่กี่เสียง
ฝ่ายที่มาจากการลากตั้งโดยคณะบุคคล กลับมีสิทธิมีเสียงมากกว่าฝ่ายที่มาจากการเลือกตั้งของ
ประชาชนทั้งประเทศ ถ้าจะเรียกว่า เป็นระบบเผด็จการให้ถูกต้อง ก็ต้องเรียกว่าเผด็จการเสียงข้าง
น้อยมากกว่า คนไทยทั้งประเทศอยากนั่งรถไฟความเร็วสูง ยังไม่ได้นั่ง เพราะความเห็นของเสียง
ข้างน้อยอีกนั่นแหละ
ไม่เคยเห็นเสียงข้างมากชนะเสียงข้างน้อยแม้แต่ครั้งเดียว.
หมัดเหล็ก
http://www.thairath.co.th/content/419771
แนวคิดอนุรักษนิยม โดย หมัดเหล็ก ไทยรัฐออนไลน์ "เผด็จการเสียงข้างน้อย"
เพราะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี แค่รับฟังข้อเสนอ คนกลาง เท่านั้น
ไม่ได้ตอบตกลงหรือเห็นด้วยใดๆทั้งสิ้น ตามที่ คนใกล้ชิด พล.อ.เปรม ออกมาปฏิเสธ ซึ่ง
งานนี้ พล.อ.สายหยุด อ้างว่า พล.อ.เปรม พยักหน้ารับแล้ว
ความกดดันยังมุ่งไปที่ตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ข้อหากลับลำ หนุน
ให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ใช่ความประสงค์ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.ที่ประกาศ
ท้าทาย ถึงจะมีการเลือกตั้งก็จะมีการขัดขวางทุกวิธีการ
เรื่องราวยังไม่จบเท่านั้น ยังเกี่ยวเอา แกนนำคนสำคัญทั้งในเครือญาติตระกูลชินวัตร และ
แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยมีข่าวไม่พอใจกับการเคลื่อนไหวในแนวทางของ กปปส.
มาแล้ว ร่วมวงไพบูลย์ด้วย
รวมทั้งความหวังที่จะกลับมาเป็นนายกฯอีกกระทอกของอภิสิทธิ์
จะเห็นว่าทั้งฉากหน้าและฉากหลังของการเมือง ไม่ได้เป็นไปตามครรลองของระบอบ
ประชาธิปไตยเลยแม้แต่น้อย นิยามความเป็นประชาธิปไตย โดยประชาชน ของประชาชน
และเพื่อประ-ชาชนถูกเก็บใส่ลิ้นชัก
การเมืองไทยเป็นไปตามความต้องการของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
มีนักวิชาการบางคนที่พยายามมอมเมาว่า ประเทศไทยถูกครอบงำโดยนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง
ตรงไปตรงมาก็คือ ขั้วพรรคเพื่อไทย อ้างว่าทั้งซื้อคนซื้อ ส.ส. เป็นเผด็จการทางรัฐสภา
ครอบงำประเทศเอาไว้ในมือ
แต่หากพิจารณาดูเส้นทางวิกฤติการเมืองอย่างถ่องแท้แล้ว การเปลี่ยนแปลงในบ้านเมือง
แต่ละยุคสมัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เกิดจาก คนกลุ่มน้อย หรือเสียงข้างน้อยในสังคมทั้งนั้น
เสียงส่วนใหญ่ของประเทศไม่มีความหมาย
เสียงข้างน้อยใหญ่คับฟ้า ใช้กำลังอำนาจเข้ายึดระบอบประชาธิปไตย นับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่
ที่เป่าหูกันว่า เป็น เผด็จการรัฐสภา แต่เพราะเสียงข้างน้อยทั้งในสภาและนอกสภาทุกครั้ง
ทำให้เกิดการยุบสภา หรือแม้กระทั่งฉีกรัฐธรรมนูญ
ถึงรัฐธรรมนูญจะให้อำนาจ ฝ่ายนิติบัญญัติ ในการออกกฎหมาย แก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังทำไม่สำเร็จ
เพราะถูกเบรกจาก เสียงข้างน้อยไม่กี่เสียงเท่านั้น จะทำให้ประชาธิปไตยเต็มใบ โดยการจัดให้มี
ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งหมด ไม่ต้องลากตั้งกันเข้ามาหมกเม็ด
แต่ในที่สุดเสียงข้างมากในสภาก็แพ้เสียงข้างน้อยไม่กี่เสียง
ฝ่ายที่มาจากการลากตั้งโดยคณะบุคคล กลับมีสิทธิมีเสียงมากกว่าฝ่ายที่มาจากการเลือกตั้งของ
ประชาชนทั้งประเทศ ถ้าจะเรียกว่า เป็นระบบเผด็จการให้ถูกต้อง ก็ต้องเรียกว่าเผด็จการเสียงข้าง
น้อยมากกว่า คนไทยทั้งประเทศอยากนั่งรถไฟความเร็วสูง ยังไม่ได้นั่ง เพราะความเห็นของเสียง
ข้างน้อยอีกนั่นแหละ
ไม่เคยเห็นเสียงข้างมากชนะเสียงข้างน้อยแม้แต่ครั้งเดียว.
หมัดเหล็ก
http://www.thairath.co.th/content/419771