[คำถาม] ขอสอบถามเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์หน่อยค่ะ

สวัสดีค่ะ คือที่ดิฉันตั้งกระทู้นี้เพราะตอนนี้เกิดเรื่องกับคุณแม่ของดิฉันน่ะค่ะ
(คำเตือน เนื้อหาภายในกระทู้ที่ดิฉันนำมาถามนั้น ดิฉันรับฟังจากที่แม่ท่านคุยทางโทรศัพท์กับทางนู้นเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้คุยเอง หรือได้ยินที่ทางนั้นพูดเลย ซึ่งบางครั้งอาจเป็นความผิดของคุณแม่ ก็สามารถชี้แจงได้นะคะ)

เริ่มเรื่องเลยคือ วันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ดิฉันและแม่ได้ขับรถไปยังวัดแถวบ้านอาของคุณแม่เพื่อที่จะไปสรงน้ำพระ
แล้วทางก่อนถึงบ้านยาย(อาของคุณแม่)นั้นก็เป็นทางแคบๆ ที่รถสามารถผ่านไปได้คันเดียว ถ้าสวนมาจะต้องมีคันใดคันหนึ่งหยุดก่อน
แล้วก่อนจะถึงบ้านยายสัก 300 เมตรก็มีเด็กยืนเล่นน้ำอยู่ แล้วด้วยความประมาทของตัวเด็ก ทำให้ถูกรถแม่ของดิฉันชน(ซึ่งทางนี้ดิฉันจะไม่พูดถึง เพราะตกลงกันได้แล้วว่าเด็กเป็นคนผิดเห็นๆ จากพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งเขาก็ไม่ได้เอาเรื่อง)
อย่างที่บอกไปว่าไม่เอาเรื่อง ดิฉันก็เห็นแผล ก็ไม่ลึกสาหัสเท่าไหร่ (จากที่เห็นในวันนั้น)
แม่เด็กก็พาเด็กไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เพราะเด็กมีประกันของทางโรงเรียน
เด็กก็ใช้ค่ารักษาในวงเงินประกันอย่างไม่มีปัญหาจนกระทั่งทำแผลเสร็จ แม่ดิฉันก็เข้าใจว่าจบเรื่องไปแล้ว
จนกระทั่งวันหนึ่งแม่ของเด็กคนนั้นก็โทรมาหาแม่ดิฉัน แล้วบอกว่าให้ช่วยเรื่องค่ารักษาหน่อย เพราะมันเกินวงเงินประกันของทางโรงเรียน (คือ 10,000 บาท)
แม่ดิฉันก็ถามที่มาที่ไป ก็ได้ความว่า เด็กคนนั้นไปทำแผลที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง (ซึ่งดิฉันจะขอเปิดเผยชื่อโรงพยาบาลออกมาเมื่อแน่ใจว่าดิฉันไม่ผิดจริงๆ เพราะถ้าดิฉันผิดมันจะเป็นการดูหมิ่นโรงพยาบาล ไม่อยากหน้าแตกน่ะค่ะ)
แล้วพอกลับไปบ้านได้ 2 วัน ก็เกิดแผลติดเชื้อ (ซึ่งแม่เด็กเล่าให้ฟังว่า เด็กกลับบ้านไปก็ไม่ได้วิ่งไปไหนเลย นอนอย่างเดียว)
จนแม่เด็กต้องนำเด็กมาขูดเนื้อ รักษาแผลใหม่ที่โรงพยาบาลเดิมที่เด็กมาทำแผลไว้
[ ส่วนนี้ทำไมดิฉันแอบคิดว่าเป็นความผิดของทางโรงพยาบาลที่พยาบาลทำแผลให้ลวกๆจนแผลติดเชื้อหว่า? อันนี้คหสต.ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหานะคะ ]
เด็กก็ถูกนอนโรงพยาบาล ซึ่งสองวันแรกนั้นทางโรงพยาบาลไม่ได้มาบอกค่าใช้จ่ายของเด็กคนนั้นเลย
แล้วแม่เด็กเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาตาสีตาสาไม่ได้รู้เรื่องอะไรก็ไม่ได้ถามเรื่องค่าใช้จ่ายกับทางโรงพยาบาล เพราะคิดว่าน่าจะอยู่ในวงเงินประกัน จึงไม่ได้แจ้ง
จนกระทั่งวันที่สามหมอมาบอกว่า “ค่ารักษาของเด็กเกินจากวงเงินประกัน ตอนนี้เพิ่มมาเป็นสามหมื่น(กว่า)แล้ว”
แม่เด็กก็ตกใจ เพราะมันเกินวงเงินประกันมามาก แล้วทางนั้นก็ไม่ค่อยมีเงิน หมอเขาจึงแนะนำ ย้ำตรงนี้เน้นๆนะคะ ‘หมอแนะนะ ให้ติดต่อกับคนชนเด็กให้เขาติดต่อประกันเพื่อนำเงินมาจ่ายค่ารักษาเด็ก
ซึ่งแม่เด็กก็ได้ติดต่อแม่ดิฉันมา ด้วยความที่เป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง แม่ดิฉันก็เลยยอมมีคดีเฉี่ยวชนเด็ก เพื่อให้ประกันและพรบ.เคลมให้ จ่ายให้
ซึ่งปกติจากที่ทางคนอื่นๆเขาเล่ามา แค่เราให้เอกสาร ใบแจ้งความอะไรแก่บริษัทประกันและพรบ.แล้ว ทางนั้นจะดำเนินเองทั้งหมด เราก็จะอยู่เฉยๆ มีหน้าที่ติดตามผลเท่านั้น
แต่กรณีของคุณแม่ดิฉัน ไม่ใช่ค่ะ!
แม่ดิฉันต้องวิ่งเต้นเองทุกอย่าง เพราะทางโรงพยาบาลนั้นไม่ยอมติดต่อกับบริษัทประกัน (ซึ่งตรงนี้ดิฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาไม่ติดต่อกัน ต้องให้แม่ดิฉันเป็นตัวกลาง คือโรงพยาบาลอยากได้เอกสารอะไร แม่ดิฉันก็ต้องโทรไปบอกบริษัทประกัน ทั้งๆที่ก็ให้เบอร์กันแล้ว)
จนกระทั่งผ่านมา 7 วัน ค่ารักษาก็พุ่งขึ้นมา เกือบแสน!! (แต่ตอนนี้ทะลุแสนเรียบร้อยแล้วค่ะ)
ขอย้ำอีกครั้งนะคะ เด็กเป็นแผลติดเชื้อที่เท้าเท่านั้น ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้เลย พยาบาลและหมอก็ได้แต่ขูดเนื้อออกเท่านั้น
[ ซึ่งตรงนี้คหสต.ของแม่ดิฉัน คือคิดว่าโรงพยาบาลเลี้ยงไข้เด็กค่ะ คือเห็นว่ามีประกันเลยรักษาเยอะ ค่อยๆขูดวันละนิดวันละหน่อย จะได้เก็บค่าห้องไปด้วย ]
แม่ดิฉันทำประกันประเภท 2+ ไว้ ซึ่งวงเงินค่ารักษาก็หลายแสน แน่นอนว่าไม่มีปัญหาค่ะ ถ้าโรงพยาบาลยอมรับเงินจากประกัน..
ที่ดิฉันพูดแบบนี้เพราะทางโรงพยาบาลเล่นตุกติก จะเอาแต่เงินสดท่าเดียวเลยค่ะ
ทางพรบ.และประกันนั้น ได้เปิดเคลมเรียบร้อยแล้ว คือแค่ส่งเอกสารค่าใช้จ่ายมา ก็พร้อมจะตีเชคกลับไปที่โรงพยาบาลทันที
แต่โรงพยาบาลอึกอัก อ้อมแอ้มจะให้แม่ดิฉันหาเงินสดไปให้ แล้วให้ไปเอาเงินจากประกันเอง
แม่ดิฉันก็ไม่ใช่คนรวย เงินเป็นแสนจะไปหามาจากที่ไหน แม่ดิฉันก็เลยต้องวิ่งเต้น ติดต่อกับโรงพยาบาลสลับกับพรบ.สลับกับประกัน
จนแม่ดิฉันทนไม่ไหวบอกให้ออกไปรักษาโรงพยาบาลอื่นแล้วใช้สิทธิ 30 บาท แทน
หมอให้ออก แต่โรงพยาบาลไม่ให้ออกค่ะ แล้วก็มาขู่กับแม่เด็กว่าถ้าไม่หาเงินมาจ่ายก็จะล๊อกตัวเด็กไว้ที่โรงพยาบาล
แม่ดิฉันได้ยินแม่เด็กเล่าแบบนั้นก็เลยบอกว่า เขาให้นอนก็นอนแอร์ต่อไป แต่ให้หาเงินสดมาให้ก็ไม่มีหรอกนะ ถ้าเขาไม่รับเชคของบิรษัทประกัน
[ ซึ่งตรงนี้แม่ดิฉันก็มีคหสต.อีกอย่างคือโรงพยาบาลกลัวโดนบริษัทประกันสอบสวนเรื่องค่ารักษาหรือเปล่า? เพราะมันแพงเกินจริงมาก เลยอยากตัดปัญหาให้แม่ดิฉันนำเงินสดมารักษาแทน ]
แล้วเมื่อประมาณสายๆของวันนี้ แม่ดิฉันก็ติดต่อกับทางบริษัทประกัน(หรือพรบ.เนี่ยแหละ ไม่แน่ใจค่ะ) ให้ลองต่อสายตรงถึงทางการเงินของโรงพยาบาลดูสิ
พอทางประกัน(หรือพรบ.)ติดต่อได้ก็โทรกลับมาหาแม่ดิฉัน แล้วบ่นเหมือนแม่ดิฉันเลยค่ะว่า “ทำไมการเงินของทางโรงพยาบาลพูดไม่รู้เรื่อง เหมือนไม่รู้อะไรสักอย่าง”
แล้วทางประกัน(และพรบ.)เขาก็บอกกับแม่ดิฉันเหมือนกันทั้งคู่ว่า เขาได้เปิดเคลมแล้ว ขอแค่โรงพยาบาลส่งเอกสารค่าใช้จ่ายมาให้เขาก็พร้อมจะทำเรื่องตีเชคกลับไปให้โรงพยาบาลทันที แต่ถ้าโรงพยาบาลไม่ส่งมาให้ หรือไม่รับเชค เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
แม่ดิฉันก็เลยลองติดต่อกับทางโรงพยาบาลอีกครั้งเมื่อสักครู่นี้ (จากที่ดิฉันจับใจความได้ขณะที่ท่านเล่าให้บริษัทประกันฟังนะคะ)
ทางโรงพยาบาลก็บอกว่าจะไม่รับประกัน เพราะทางโรงพยาลไม่มีนโยบายรับสองบริษัท (แม่ดิฉันทำพรบ.คนละบริษัทกับประกันภัย ซึ่งพรบ.จะช่วยจ่ายค่ารักษาตั้งแต่ 1-50,000 บาทแรก ส่วนทางประกันภัยจะรับผิดชอบค่ารักษาหลังจาก 50,000 บาทขึ้นไป ทำให้แม่ดิฉันต้องใช้ทั้งประกันภัยและ พรบ.)
แม่ดิฉันก็ถามกลับไปว่า ถ้าไม่รับประกัน(โรงพยาบาลจะรับแต่พรบ.)  ทำไมไม่บอกตั้งแต่ทีแรก แล้วทำไมหมอเขาถึงแนะนำมาให้ติดต่อกับแม่ดิฉันเพื่อใช้เงินประกัน (ย้อนกลับไปอ่านได้เลยค่ะว่าหมอพูดจริงๆ)
ทางโรงพยาบาลก็ตอบไม่ได้ ก็พูดอึกอักแบบเหมือนคนไม่รู้เรื่องว่า ทางโรงพยาบาลไม่มีนโยบาลรับสองบริษัท (วนลูปค่ะ)
แล้วจากที่จับใจความได้ โรงพยาบาลจนมุมหรืออะไรอันนี้ก็ไม่ทราบ ทางโรงพยาบาลก็พูดเหมือนประมาณว่าที่ไม่รับเชคบริษัทประกันเพราะกลัวเชคเด้งค่ะ
ซึ่งแม่ดิฉันได้เล่าตรงส่วนนี้ให้ดิฉันฟัง เราสองคนมองหน้ากันเลยว่า บริษัทประกันภัยที่แม่ดิฉันทำอยู่นั้นก็ไม่ใช่บริษัทเล็กๆ (แต่ดิฉันชื่อบริษัทไม่ได้ ต้องขออภัยด้วยค่ะ) ซึ่งวันๆนึงเขาต้องเคลมเป็นร้อยๆราย โอกาสที่เชคจะเด้งคงมีน้อยมาก

อันนี้ขอเล่าจนถึงปัจจุบันคือเหตุการณ์นี้นะคะ

สรุปสิ่งที่เราอยากทราบคือ
1.โรงพยาบาลมีสิทธิที่จะไม่รับประกันได้ไหมคะ?
2.แล้วดิฉันควรจะทำอย่างไรต่อไปดีคะ? (ประมาณว่า ถ้าโรงพยาบาลผิด แม่ดิฉันสามารถเอาเรื่องได้ไหม? หรือถ้าโรงพยาบาลไม่ผิด แม่ดิฉันจะต้องไปหาเงินมาจ่าย อะไรแบบนี้ค่ะ)

อันนี้ดิฉันมาสอบถามนะคะ ถ้าทางดิฉันผิด ก็ยอมรับตามผิด ถ้าดิฉันไม่ผิดก็ขอได้ช่วยชี้แจงทางที่ถูกต้องให้ดิฉันด้วยนะคะ เพราะตอนนี้เครียดไปหมดแล้ว
ขอบคุณมากค่ะ

ป.ล.ดิฉันอายุยังไม่มากเลยทำอะไรมากไม่ได้ ทางคุณแม่ท่านเองก็ไม่ได้มาเล่าอะไรให้ฟังมากนัก ดิฉันเลยต้องจับใจความเหตุการณ์จากที่คุณแม่ท่านคุยกับประกันและโรงพยาบาลเองค่ะ ซึ่งบางส่วนอาจดูงงๆก็ขออภัยด้วยค่ะ
ป.ล.2 ไม่ทราบว่าจะติดแท๊กไหนบ้างดี เลยขอติด 3 แท๊กนี้ไปก่อนนะคะ ถ้าผิดแท๊กหรืออยากให้เพิ่มแท๊กก็แนะนำมาได้ค่ะ

ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาต่อให้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่