ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงคนเลว และคนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว คนดีและคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี แก่เธอทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงฟัง จงทำไว้ในใจ เราจักกล่าวภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็คนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นคนฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ
ดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาท บุคคลนี้เราเรียกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นคนฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์
ลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการลักทรัพย์
ประพฤติผิดในกามด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นในการประพฤติผิดในกาม
พูดเท็จด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการพูดเท็จ
ดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาทด้วยตนเอง และ
ชักชวนผู้อื่นในการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาท
บุคคลนี้เราเรียกว่า คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการลักทรัพย์
งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม งดเว้นจากการพูดเท็จ
งดเว้นจากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาท
บุคคลนี้เราเรียกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตัวเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
เป็นผู้งดเว้นจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการลักทรัพย์อีกด้วย
เป็นผู้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกามด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดเท็จด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดเท็จ
เป็นผู้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาทด้วยตนเอง
และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาทอีกด้วย
บุคคลนี้เราเรียกว่าคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงคนเลว และคนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว คนดีและคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงทำไว้ในใจ เราจักกล่าวภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็คนเลวเป็นอย่างไร
เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ไม่มีหิริ(ไม่ละอาย)ไม่มีโอตตัปปะ(ไม่เกรงกลัวต่อบาป)
มีสุตะน้อย เป็นคนเกียจคร้าน มีสติหลงลืม มีปัญญาทราม บุคคลนี้เราเรียกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้ไม่มีศรัทธา และชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้ไม่มีศรัทธา
ตนเองไม่มีหิริและชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้ไม่มีหิริ
ตนเองเป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ และชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ
ตนเองมีสุตะน้อย และชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้มีสุตะน้อย
ตนเองเป็นผู้เกียจคร้านและชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้เกียจคร้าน
ตนเองมีสติหลงลืมและชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้มีสติหลงลืม
ตนเองมีปัญญาทรามและชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้มีปัญญาทราม
บุคคลผู้นี้เราเรียกว่าคนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศรัทธา มีหิริ(ความละอาย) มีโอตตัปปะ(ไม่เกรงกลัวต่อบาป)
เป็นพหูสูต ปรารภความเพียร มีสติ มีปัญญา บุคคลนี้เราเรียกว่าคนดี
ภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธาด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา
เป็นผู้มีหิริด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้มีหิริ เป็นผู้มีโอตตัปปะด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้มีโอตตัปปะ
เป็นผู้มีสติตั้งมั่นด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้มีสติตั้งมั่น
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญาด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยปัญญา
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงคนเลว และคนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว คนดีและคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงทำไว้ในใจ เราจักกล่าวภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็คนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นคนมักฆ่าสัตว์ มักลักทรัพย์ มักประพฤติผิดในกาม
มักพูดเท็จ มักพูดคำส่อเสียด มักพูดคำหยาบ มักพูดคำเพ้อเจ้อ บุคคลนี้เราเรียกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์
เป็นผู้มักลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ลักทรัพย์
เป็นผู้มักประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ประพฤติผิดในกาม
เป็นผู้มักกล่าวเท็จด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้กล่าวเท็จ
เป็นผู้มักกล่าวคำส่อเสียดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำส่อเสียด
เป็นผู้มักกล่าวคำหยาบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำหยาบ
เป็นผู้มักกล่าวคำเพ้อเจ้อด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำเพ้อเจ้อ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่า คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต(การฆ่าสัตว์)
งดเว้นจากอทินนาทาน(การลักทรัพย์ ) งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร(ประพฤติผิดในกาม)
งดเว้นจากมุสาวาท(การพูดเท็จ) งดเว้นจากปิสุณวาจา(พูดส่อเสียด)
งดเว้นจากผรุสวาจา(พูดคำหยาบ) งดเว้นจากสัมผัปปลาปะ(พูดคำเพ้อเจ้อ)
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
เป็นผู้งดเว้นจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการลักทรัพย์
เป็นผู้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดเท็จด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดเท็จ
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดส่อเสียดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดคำหยาบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดคำหยาบ
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดคำเพ้อเจ้อด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดคำเพ้อเจ้อ
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงคนเลว และคนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว คนดีและคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงทำไว้ในใจ เราจักกล่าวภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็คนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นคนมักฆ่าสัตว์ มักลักทรัพย์ มักประพฤติผิดในกาม
มักพูดเท็จ มักพูดคำส่อเสียด มักพูดคำหยาบ มักพูดคำเพ้อเจ้อ เป็นคนมักโลภ
มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์
เป็นผู้มักลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ลักทรัพย์
เป็นผู้มักประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ประพฤติผิดในกาม
เป็นผู้มักกล่าวเท็จด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้กล่าวเท็จ
เป็นผู้มักกล่าวคำส่อเสียดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำส่อเสียด
เป็นผู้มักกล่าวคำหยาบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำหยาบ
เป็นผู้มักกล่าวคำเพ้อเจ้อด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำเพ้อเจ้อ
เป็นคนมักโลภด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความมักโลภ
เป็นผู้มีจิตพยาบาทด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นในความพยาบาท
เป็นผู้มีความเห็นผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิด
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่า คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต(การฆ่าสัตว์)
งดเว้นจากอทินนาทาน(การลักทรัพย์ ) งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร(ประพฤติผิดในกาม)
งดเว้นจากมุสาวาท(การพูดเท็จ) งดเว้นจากปิสุณวาจา(พูดส่อเสียด)
งดเว้นจากผรุสวาจา(พูดคำหยาบ) งดเว้นจากสัมผัปปลาปะ(พูดคำเพ้อเจ้อ)
เป็นผู้ไม่มักโลภ ไม่มีจิตพยาบาท มีความเห็นชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
เป็นผู้งดเว้นจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการลักทรัพย์
เป็นผู้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดเท็จด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดเท็จ
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดส่อเสียดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดคำหยาบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดคำหยาบ
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดคำเพ้อเจ้อด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดคำเพ้อเจ้อ
เป็นผู้ไม่มักโลภด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความไม่โลภ
เป็นผู้ไม่มีจิตพยาบาทด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นในความไม่พยาบาท
เป็นผู้มีความเห็นชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นชอบ
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็คนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีมิจฺฉาทิฏฐิ(ความเห็นผิด) มิจฺฉาสังกัปปะ(ความดำริผิด)
มิจฺฉาวาจา(การพูดผิด)มิจฺฉากัมมันตะ(การทำการงานผิด) มิจฺฉาอาชีวะ(การเลี้ยงชีวิตผิด)
มิจฺฉาวายามะ(ความพยายามผิด) มิจฺฉาสติ(ตั้งสติผิด) มิจฺฉาสมาธิ(ความตั้งใจมั่นผิด)
บุคคลนี้เราเรียกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีมิจฺฉาทิฏฐิด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาทิฏฐิ
เป็นผู้มีมิจฺฉาสังกัปปะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาสังกัปปะ
เป็นผู้มีมิจฺฉาวาจาด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาวาจา
เป็นผู้มีมิจฺฉากัมมันตะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉากัมมันตะ
เป็นผู้มีมิจฺฉาอาชีวะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาอาชีวะ
เป็นผู้มีมิจฺฉาวายามะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาวายามะ
เป็นผู้มีมิจฺฉาสติด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาสติ
เป็นผู้มีมิจฺฉาสมาธิด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาสมาธิ
บุคคลนี้เราเรียกว่า คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ(ความเห็นชอบ)สัมมาสังกัปปะ(ความดำริชอบ)
สัมมาวาจา(การพูดจาชอบ)สัมมากัมมันตะ(การทำการงานชอบ)สัมมาอาชีวะ(การเลี้ยงชีวิตชอบ)
สัมมาวายามะ(ความพากเพียรชอบ)สัมมาสติ(ความระลึกชอบ)สัมมาสมาธิ(ความตั้งใจมั่นชอบ)
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาทิฏฐิ
เป็นผู้มีสัมมาสังกัปปะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาสังกัปปะ
เป็นผู้มีสัมมาวาจาด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาวาจา
เป็นผู้มีสัมมากัมมันตะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาวาจา
เป็นผู้มีสัมมาอาชีวะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาอาชีวะ
เป็นผู้มีสัมมาวายามะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาวายามะ
เป็นผู้มีสัมมาสติด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาสติ
เป็นผู้มีสัมมาสมาธิด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาสมาธิ
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๑
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
หน้าที่ ๒๐๖/๒๔๐หัวข้อที่ ๒๐๑-๒๑๐
คนเลว และคนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว คนดีและคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
เธอทั้งหลายจงฟัง จงทำไว้ในใจ เราจักกล่าวภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็คนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นคนฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ
ดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาท บุคคลนี้เราเรียกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นคนฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์
ลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการลักทรัพย์
ประพฤติผิดในกามด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นในการประพฤติผิดในกาม
พูดเท็จด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการพูดเท็จ
ดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาทด้วยตนเอง และ
ชักชวนผู้อื่นในการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาท
บุคคลนี้เราเรียกว่า คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการลักทรัพย์
งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม งดเว้นจากการพูดเท็จ
งดเว้นจากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาท
บุคคลนี้เราเรียกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตัวเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
เป็นผู้งดเว้นจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการลักทรัพย์อีกด้วย
เป็นผู้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกามด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดเท็จด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดเท็จ
เป็นผู้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาทด้วยตนเอง
และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาทอีกด้วย
บุคคลนี้เราเรียกว่าคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงคนเลว และคนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว คนดีและคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงทำไว้ในใจ เราจักกล่าวภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็คนเลวเป็นอย่างไร
เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ไม่มีหิริ(ไม่ละอาย)ไม่มีโอตตัปปะ(ไม่เกรงกลัวต่อบาป)
มีสุตะน้อย เป็นคนเกียจคร้าน มีสติหลงลืม มีปัญญาทราม บุคคลนี้เราเรียกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้ไม่มีศรัทธา และชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้ไม่มีศรัทธา
ตนเองไม่มีหิริและชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้ไม่มีหิริ
ตนเองเป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ และชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ
ตนเองมีสุตะน้อย และชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้มีสุตะน้อย
ตนเองเป็นผู้เกียจคร้านและชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้เกียจคร้าน
ตนเองมีสติหลงลืมและชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้มีสติหลงลืม
ตนเองมีปัญญาทรามและชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้มีปัญญาทราม
บุคคลผู้นี้เราเรียกว่าคนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศรัทธา มีหิริ(ความละอาย) มีโอตตัปปะ(ไม่เกรงกลัวต่อบาป)
เป็นพหูสูต ปรารภความเพียร มีสติ มีปัญญา บุคคลนี้เราเรียกว่าคนดี
ภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธาด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา
เป็นผู้มีหิริด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้มีหิริ เป็นผู้มีโอตตัปปะด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้เป็นผู้มีโอตตัปปะ
เป็นผู้มีสติตั้งมั่นด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้มีสติตั้งมั่น
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญาด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยปัญญา
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงคนเลว และคนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว คนดีและคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงทำไว้ในใจ เราจักกล่าวภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็คนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นคนมักฆ่าสัตว์ มักลักทรัพย์ มักประพฤติผิดในกาม
มักพูดเท็จ มักพูดคำส่อเสียด มักพูดคำหยาบ มักพูดคำเพ้อเจ้อ บุคคลนี้เราเรียกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์
เป็นผู้มักลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ลักทรัพย์
เป็นผู้มักประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ประพฤติผิดในกาม
เป็นผู้มักกล่าวเท็จด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้กล่าวเท็จ
เป็นผู้มักกล่าวคำส่อเสียดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำส่อเสียด
เป็นผู้มักกล่าวคำหยาบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำหยาบ
เป็นผู้มักกล่าวคำเพ้อเจ้อด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำเพ้อเจ้อ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่า คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต(การฆ่าสัตว์)
งดเว้นจากอทินนาทาน(การลักทรัพย์ ) งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร(ประพฤติผิดในกาม)
งดเว้นจากมุสาวาท(การพูดเท็จ) งดเว้นจากปิสุณวาจา(พูดส่อเสียด)
งดเว้นจากผรุสวาจา(พูดคำหยาบ) งดเว้นจากสัมผัปปลาปะ(พูดคำเพ้อเจ้อ)
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
เป็นผู้งดเว้นจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการลักทรัพย์
เป็นผู้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดเท็จด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดเท็จ
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดส่อเสียดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดคำหยาบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดคำหยาบ
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดคำเพ้อเจ้อด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดคำเพ้อเจ้อ
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงคนเลว และคนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว คนดีและคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงทำไว้ในใจ เราจักกล่าวภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็คนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นคนมักฆ่าสัตว์ มักลักทรัพย์ มักประพฤติผิดในกาม
มักพูดเท็จ มักพูดคำส่อเสียด มักพูดคำหยาบ มักพูดคำเพ้อเจ้อ เป็นคนมักโลภ
มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์
เป็นผู้มักลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ลักทรัพย์
เป็นผู้มักประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ประพฤติผิดในกาม
เป็นผู้มักกล่าวเท็จด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้กล่าวเท็จ
เป็นผู้มักกล่าวคำส่อเสียดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำส่อเสียด
เป็นผู้มักกล่าวคำหยาบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำหยาบ
เป็นผู้มักกล่าวคำเพ้อเจ้อด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำเพ้อเจ้อ
เป็นคนมักโลภด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความมักโลภ
เป็นผู้มีจิตพยาบาทด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นในความพยาบาท
เป็นผู้มีความเห็นผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิด
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่า คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต(การฆ่าสัตว์)
งดเว้นจากอทินนาทาน(การลักทรัพย์ ) งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร(ประพฤติผิดในกาม)
งดเว้นจากมุสาวาท(การพูดเท็จ) งดเว้นจากปิสุณวาจา(พูดส่อเสียด)
งดเว้นจากผรุสวาจา(พูดคำหยาบ) งดเว้นจากสัมผัปปลาปะ(พูดคำเพ้อเจ้อ)
เป็นผู้ไม่มักโลภ ไม่มีจิตพยาบาท มีความเห็นชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
เป็นผู้งดเว้นจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการลักทรัพย์
เป็นผู้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดเท็จด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดเท็จ
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดส่อเสียดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดคำหยาบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดคำหยาบ
เป็นผู้งดเว้นจากการพูดคำเพ้อเจ้อด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดคำเพ้อเจ้อ
เป็นผู้ไม่มักโลภด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความไม่โลภ
เป็นผู้ไม่มีจิตพยาบาทด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นในความไม่พยาบาท
เป็นผู้มีความเห็นชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นชอบ
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็คนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีมิจฺฉาทิฏฐิ(ความเห็นผิด) มิจฺฉาสังกัปปะ(ความดำริผิด)
มิจฺฉาวาจา(การพูดผิด)มิจฺฉากัมมันตะ(การทำการงานผิด) มิจฺฉาอาชีวะ(การเลี้ยงชีวิตผิด)
มิจฺฉาวายามะ(ความพยายามผิด) มิจฺฉาสติ(ตั้งสติผิด) มิจฺฉาสมาธิ(ความตั้งใจมั่นผิด)
บุคคลนี้เราเรียกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลวเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีมิจฺฉาทิฏฐิด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาทิฏฐิ
เป็นผู้มีมิจฺฉาสังกัปปะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาสังกัปปะ
เป็นผู้มีมิจฺฉาวาจาด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาวาจา
เป็นผู้มีมิจฺฉากัมมันตะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉากัมมันตะ
เป็นผู้มีมิจฺฉาอาชีวะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาอาชีวะ
เป็นผู้มีมิจฺฉาวายามะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาวายามะ
เป็นผู้มีมิจฺฉาสติด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาสติ
เป็นผู้มีมิจฺฉาสมาธิด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฺฉาสมาธิ
บุคคลนี้เราเรียกว่า คนเลวที่ยิ่งกว่าคนเลว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ(ความเห็นชอบ)สัมมาสังกัปปะ(ความดำริชอบ)
สัมมาวาจา(การพูดจาชอบ)สัมมากัมมันตะ(การทำการงานชอบ)สัมมาอาชีวะ(การเลี้ยงชีวิตชอบ)
สัมมาวายามะ(ความพากเพียรชอบ)สัมมาสติ(ความระลึกชอบ)สัมมาสมาธิ(ความตั้งใจมั่นชอบ)
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาทิฏฐิ
เป็นผู้มีสัมมาสังกัปปะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาสังกัปปะ
เป็นผู้มีสัมมาวาจาด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาวาจา
เป็นผู้มีสัมมากัมมันตะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาวาจา
เป็นผู้มีสัมมาอาชีวะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาอาชีวะ
เป็นผู้มีสัมมาวายามะด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาวายามะ
เป็นผู้มีสัมมาสติด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาสติ
เป็นผู้มีสัมมาสมาธิด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาสมาธิ
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๑
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
หน้าที่ ๒๐๖/๒๔๐หัวข้อที่ ๒๐๑-๒๑๐