ผมเปนไส้เลื่อนมาตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ แต่มันมาแรงๆ เป็นปัญหากับชีวิต ช่วง ปี สาม ปี สี่ คือต้องใส่ สป็อตเตอร์ ตลอด ไม่งั้นไม่จะเลื่อนลงมา แล้วจะรู้สึก ปวดๆ หน่วงๆ ทรมาร กดมันกลับเข้าไปคืนแล้วก็จะโล่ง ไม่อยากเดินไปไหน มันจะลงมาเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ยืน หรือนั่ง นอน ไม่ค่อยลง เรียกว่าเป็นปัญหาชีวิต มันทำให้ เสียบุคลิคด้วย เดินห้าง หรือไปเที่ยว ทำงาน สักพักมันก็จะไหลแล้ว ไหลค่อนข้างบ่อย ผมก็ต้องหามุมแอบ กดมันเข้าไป ช่วงแรกๆ สป็อตเตอร์ พอจะช่วยได้ ช่วยหลังๆ เอาไม่อยู่ รัดไป เหมือนปวดกว่าเดิม แถมอากาศร้อน สป็อตเตอร์ฟิตๆ ใส่แล้วไม่ไหวแย่ครับ ตัดสินใจผ่าซะ จะได้โล่งๆไปเลย!
ผ่าใส้เลื่อนมีสองวิธี
ทีนี้ก็ไปหาข้อมูลทราบว่าการผ่าตัดใส้เลื่อนมีสองแบบ คือ แบบเปิดแผล กับแบบ ส่องกล้อง อ่านข้อมูลทั้งสองตัว มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ผมสนใจการผ่าตัดแบบส่องกล้องมากๆ เพราะเหนว่า แผลเล็ก แค่สามแผล ผ่าเสร็จไม่เจ็บแผลมาก ผ่าเสร็จ นอน รพ ต่อเพียง 1-2 วันก็ออกได้แล้ว ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน โอเค จัดไปเลยครับ เอาวิธีนี้แหละ
เลือกโรงพยาบาล
ผมเลือก รพ ตำรวจ ครับ เพราะผมใช้สิทธิประกันสังคม ก็เลยดุ่ยๆไปจัดแจง ให้หมอตรวจนัดวันผ่า รอ คิวประมาณ หนึ่งเดือนครับ คุณหมอนัด นอน รพ ก่อนหนึ่งวัน คือวัน พฤหัสที่ 17 ที่ผ่านมา และ ผ่าวันที่ศุกร์ที่ 18 อ้อ การผ่าตัดส่องกล้อง ผมแจ้งคุณหมอว่า
ผม "ได้ยินว่ามีการผ่าตัดส่องกล้องด้วย..."
คุณหมอ "อ้อ อยากผ่าส่องกล้องใช่ไหม ได้เลย"
ผมยิ้มเลย ดีใจ
ถึงวันนัดสักที
ผมกะว่าชิวๆ คิดว่า นอน รพ วันพฤหัส ผ่า ศุกร์ เสาคงกลับได้ สบายๆ เดินฉิวๆ (คิดไปเองล้วนๆๆๆ) วันที่ 17 ผม ก็ไป รพ พร้อมคุณพ่อกับคุณแม่ เจาะเลือด เอกซเรปอด เดินชิวไปมา รอบ รพ สบายฝุดๆ จะมีพยาบาลมาหาเรา มีหมอมาหาเรา มาแจ้งว่าพรุ่งนี้จะผ่าตัด ให้เปลี่ยนชุดรอในห้อง เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จากห้องผ่าตัดจะมารับเอง ส่วนจะได้ช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายนั้น คุณหมอจะเป็นคนเลือกเองค่ะ การผ่าแบบส่องกล้องคนไข้ต้องหลับนะคะ จะเป็นการฉีดยาสลบเข้าทางสายน้ำเกลือ หลังผ่าตัด คนไข้จะตื่นขึ้นมาจะเจ็บคอนิดหน่อย และจะเจ็บอวัยวะเพศ เพราะมีการต่อสายฉี่ คนไข้จะตื่นมาในห้องพักฟื้น หากตื่นมาแล้ว ไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไร ก็จะนำกลับมาที่ห้องพักคนไข้ได้ และการเอาท่อฉี่ออกจะมีสองกรณีคือ ตื่นขึ้นมาในห้องพักฟื้นไม่มีท่อฉี่คออยู่(สวน) กับตื่นมาแล้วเจอท่อฉี่ กรณีนี้ขึ้นกับคุณหมอคะ ถ้ามีท่อฉี่เราอาจจะมาเอาออกให้ตอนเย็นๆ แล้วก็จะเจ็บคะ เราจะไม่โกหกคนไข้ (จำได้เลยเค้าพูดงี้จริงๆ) ตอนนั้นภาวณาเลยว่า ขอให้ตื่นมาไม่มีท่อฉี่ ... เคยแต่เอาเข้า ไม่เคยเจอเอาเข้ามาก่อน อุ่ยย แอบ 18+ แหะๆ จนก่อนนอน ก็จะมีคุณพยาบาลเอา ชุดผ่าตัดมาให้บอก พรุ่งนี้ใส่ชุดนี้นะค่ะ เอาละเริ่มตื่นเต้นแล้ว
วันผ่า
พอถึงวันผ่า ผมตื่นขึ้นมาตื่นเต้นกับการให้น้ำเกลือนิดๆ เพราะกลัวเจ็บ เข็มใหญ่เกือบเท่าหลอดยาคู้ แต่คุณพยาบาลเจาะไม่ค่อยเจ็บเท่าไร เจ็บน้อยกว่าที่กลัวไว้ แหะๆ ก็ต้องนอนรอที่ห้อง คาสายน้ำเกลือกับคุณพ่อคุณแม่ อ่อ ให้งดอาหารก่อนเที่ยงคืนด้วย ก็นอนรอ ลุ้นว่าจะได้ผ่า เช้าหรือบ่าย ปรากฏว่าผมได้ผ่าเช้าครับเย่ มีเจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดมารับตัวนั่งรถเข็นไปครับ
อารมย์นั่งรถเข็นไปห้องผ่าตั ก็เหมือนเล่นเกมส์ half life เลยครับ เป็นตอนเข้าฉากก่อนเล่นนะครับ เป็น intro เค้าจะเข็นเราไปเรื่อยๆ เราก็เห็นภาพผ่านไป แต่ก็ควบคุมทางอะไรไม่ได้ครับ ตื่นเต้นฝุดๆ จนถึงห้องรอเข้าห้องผ่าตัด หนาวมากๆ พยาบาลให้ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วหาผ้าห่มให้ ตอนแรกผมสั่นเลย สักพัก ก็หายสั่นไปเอง
ห้านาทีก่อนหายไปจากโลกนี้
จนสุดท้ายผมก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดครับ ในห้องเปิดเพลงเบาๆ เป็ฯเพลงบอสซ่า ผมจำได้เลย มีอุปกกรณ์เครื่องมือ เตียงเป็นแบบ กางแขน เหมือนบูชายัณ มีหมอมีพยาบาล ล้อมเยอะแยะไปหมด บรรยากาศวุ่นวาย มีหมอบางคนมาถามผมว่า กลัวไหม ผ่าครั้งแรกรึปล่าว ผมว่าใช่ครับ แต่กลัวหลังจากผ่าเสร็จมากกว่า แล้วผมก็โดนย้ายไปเตียง ผ่าตัดครับ โดนรัดแขน แก้ผ้าร่อนจ้อนแต่ยังเอาผ้าคลุมตัวผมอยู่ คงกลัวผมเขิล ให้ผมหลัก่อนค่อยเปิดกระมัง
ครับ จากนั้นก็มีคนเอาออกซิเจนให้ผมดมครับ มันรู้สึกเย็นๆ จากนั้น ก็ได้ยินเสียงลอยมาว่า "เด๋วจะทำให้หลับแล้วนะค่ะ" ก็รู้สึกถึง ยาสลบที่เข้ามาจากสายน้ำเกลือ เข้ามาถึงแขน จนถึงตามตัวเลยครับ รู้สึกเหมือนโดนกดลงไปในทุกอนูที่ฤทธิ์ยาเข่าสู่ร่างกาย แล้วก็จนถึงใบหน้า ตอนนั้นมึนทันที ตาปรือ บังคับไม่ได้ กระทันหันเลยครับ ผมก็พยายามฝืนดูครับ แต่เปลือตาหนักมาก บังคับไม่ได้ จนได้ยินเสียงลอยมาอีกว่า "ถ้าง่วงก็หลับเลยนะคะ" โอเค หลับก็ได้ครับ จากนั้นผมก็หลับตา แล้วก็หายไปเลยครับ
ตื่นขึ้นมา
ตื่นขึ้นมามึนมากครับ มีออกซิเจนครอบอยู่ เจ็บท้องมากๆ ก็ถูกฉีดมอฟีน แก้ปวดเข้าไปครับ จำได้ว่า คำถามแรกที่ผมกลั้นใจถามคือ "เอาสายที่สวนฉี่ออกรึยังครับ" คำตอบคือ.... "ยังคะ" เอาาาละครัสสสส สนุกหละงานที่ ถ่อววววววววววว จากนั้นผมก็โดนเข็นไปจนถึงห้องพัก ทรมารมากตอนต้องตะแคงตัวเพื่อเปลี่ยนเตียงสองครั้งได้ เจ็บมากๆ แต่ก็ต้องกัดฟันครับ สุดท้ายก็มานอนในห้อง เมามาก จะอ้วก เหมือนเมาเหล้ากินเหล้าหนักเมื่อคืนตื่นมาแล้วแฮงค์ รู้สึกปวดฉี่ตลอดเวลาเพราะโดนสวน ไม่อยากนึกภาพ สาายสวน ใหญ่พอๆ กะหลอดเซเว่น สงสารน้องชายมากๆ T_T ผมมองนาฬิกา เป็นเวลา บ่าย สามกว่าๆ วันนั้นทั้งวันขยับตัวไม่ได้เลย เจ็บท้อง เจ็บน้องด้วย T_T ทรมารมาก วันนั้นเป็นวันที่เวลาผ่านไปเชื่องช้ามาก พยายามหลับได้ทุกครั้งที่ตื่นขึ้น หิวน้ำ คอแห้ง ก็ผ่านวันนั้นไปครับ
วันที่ 1 หลังการผ่าตัด
ตื่นขึ้นมาวันรุ่งขึ้น ก็ยังเจ็บท้องอยู่ อยากเอาสายฉี่ออกมากๆ ไม่กล้าขยับตัว กลัวเจ็บน้องชาย มันเสียวๆ มากๆ T_T ทรมารกับทั้งแผล กระดิกตัวไปไหนไม่ได้อีกวัน แผลที่ผ่า ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ มีสามแผลที่หน้าท้อง แต่เราจะเจ็บหน้าท้องมากๆ เห็นมีการใส่กล้ามเนื้อเทียมเข้าไปด้วย วันนั้นก็ทรมารอีกวัน แต่ก็ต้อง ฝืนลุกมากกินน้ำ ดีหน่อยเตียงปรับงอได้ ให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยประคอง คิดไว้ว่า วันนี้หรือวันพรุ่งนี้ เดินออกจาก รพ ไม่ไหวแน่เลย
วันที่ 2 หลังการผ่าตัด
ผมอ้อนพยาบาลทุกครั้งว่าให้เอาสายฉี่ออกให้หน่อย ทรมารมาก จนสุดท้ายวันนี้วันดี คุณพยาบาลเอาสายสวนฉี่ออกให้ครับ! เจ็บมาก 5555 แสบๆ ร้อนๆ คุณพยาบาลบอกให้กลั้นใจ มันช่วยได้บ้างครับ พอเอาออกมาโล่งเลย แต่มาลำคาญสายน้ำเกลือที่คามืออยู่ต่อครับ วันนั้นเริ่มลุกเดินได้(เพราะไม่ติดสายฉี่แล้ว ไม่อยากเดินแล้วถือถุงฉี่ไปด้วย) แต่ก็เจ็บมาเวลาเดิน เจ็บหน้าท้อง เหมือนเราซิทอับเยอะๆ จนลุกไม่ไหวเลยครับ แต่วันนั้นก็ทำให้พอกินข้าวได้ ถ่ายได้ กินน้ำได้ รู้สึกดีขึ้นเยอะมากๆๆๆ แต่ก็กินได้น้อยครับ กินนิดเดียวก็อิ่มแล้ว จะลุก หรือเดิน ต้องให้พ่อพยุงครับใช้กล้ามเนื้อท้องไม่ได้เลยเจ็บมาก แต่วันนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าต้นขาตัวเองชาครับ คงจะชามาตั้งแต่หลังผ่าตัดแต่เราไปโฟกัสเรื่องเจ็บท้องมากกว่าครับ
วันที่ 3 หลังการผ่าตัด
อยากออกแล้วครับ! พ่อแม่ก็เริ่มเบื่อแล้ว อ้อนคุณพยาบาลอีกแล้ว คุณพยาบาลก็มาเอา สายน้ำเกลืออกให้ครับ คิดว่าน่าจะได้กลับแล้ว ปรากฏว่า ผมดันไข้ขึ้นวันนั้นหลังจากเอาสายน้ำเกลืออกเลยครับ ท่อววว น้ำตาจิไหล คุณหมอ คุณพยาบาลกังวลอาการแทรกซ้อน ให้กลับไม่ได้ครับ ต่อสายน้ำเกลือใหม่ รอบนี้เป็นมือขวา เพราะมือซ้ายพึ่งเจาะไป T_T ถนัดขวาซะด้วยซิ จากนั้นก็มีการฉีดยาฆ่าเชื้อให้เรื่อยๆครับ
วันที่ 4
คุณพ่อคุณแม่เก็บของรอ อยากกลับสุดๆ 55 เราก็เห็นใจ มาวัดไข้อีกครั้ง ไข้ไม่ขึ้นแล้วครับ สุดท้าย คุณหมอให้กลับได้ อาการล่าสุดตอนนั้นคือ
เดินได้บ้างครับ ลุกได้เองโดยให้คุณพ่อช่วยน้อยลง เดินช้าครับ เดินไวไม่ได้เจ็บ ต้นขาชาครับ ขณะเขียนอยู่นีก็ชาอยู่ นิ้วก้อยซาชา ตอนนี้ก็ยังชาอยู่เช่นกัน แล้วก็ออกจาก รพ พร้อม ยาฆ่าเชื้อ ที่ติดแผลกันน้ำ ยาระบาย ยาแก้ปวดครับ
วันนี้ก็เป็นวันที่ 7 ครับผมอยู่ที่บ้าน แผลที่หน้าท้องเจ็บน้อยลงมากๆ เดินได้เกือบจะปกติแล้วครับ แต่พออาการเจ็บหน้าที่โฟกัสอยู่แรกๆ เริ่มหายไป เริ่มมาสังเกตว่า อัณฑะบวมครับ บวมข้างขวา(ผมผ่าไส้เลื่อนข้างขวา) วันแรก หมอมาจิ้มๆ ถามผมเหมือนกันว่า บวมไหม เจ็บไหม ผมบอกไม่เจ็บ คงเพราะเจ็บแผลหน้าท้องมากกว่า วันนี้เลย เห็นเลยว่ามันบวม แล้วเวลาเดินถ้าไปเบียดๆ สีๆ ก็จะเจ็บๆ เสียวๆ กังวลเรื่อง น้องชายแทนเลยครับ
สรุปอาการที่มีอยู่ วันที่ 7 หลังผ่าตัดคือ นิ้วก้อยซ้ายผมชา ต้นขาขวาชา และ อัณฑะบวม ครับ แต่ไม่เป็นไร วันจันทร์ที่จะถึงนี้ คุณหมอนัดผมไปตรวจอีกครั้ง คิดว่าคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ลึกผมกังวล 555 ว่าขาจะหายชาไหม นิ้วก้อยจะหายชาไหม น้องไข่ จะหายบวมรึปล่าว ตามประสาคนไม่เคยผ่าตัดครับ
ใครที่คิดจะผ่า หรือกำลังจะผ่า ไส้เลื่อน ก็เข้ามาคุยๆกันได้นะครับ ถ้าเป็นผ่าเถอะครับ โลกน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย 55555
ไปผ่าตัดไส้เลื่อนแบบส่องกล้องมา เผื่อใครเป็นอยู่คิดว่าจะผ่า หรือกำลังเตรียมตัวผ่า จะมาเหลาให้ฟังครับ(ละเอียดเลย)
ผ่าใส้เลื่อนมีสองวิธี
ทีนี้ก็ไปหาข้อมูลทราบว่าการผ่าตัดใส้เลื่อนมีสองแบบ คือ แบบเปิดแผล กับแบบ ส่องกล้อง อ่านข้อมูลทั้งสองตัว มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ผมสนใจการผ่าตัดแบบส่องกล้องมากๆ เพราะเหนว่า แผลเล็ก แค่สามแผล ผ่าเสร็จไม่เจ็บแผลมาก ผ่าเสร็จ นอน รพ ต่อเพียง 1-2 วันก็ออกได้แล้ว ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน โอเค จัดไปเลยครับ เอาวิธีนี้แหละ
เลือกโรงพยาบาล
ผมเลือก รพ ตำรวจ ครับ เพราะผมใช้สิทธิประกันสังคม ก็เลยดุ่ยๆไปจัดแจง ให้หมอตรวจนัดวันผ่า รอ คิวประมาณ หนึ่งเดือนครับ คุณหมอนัด นอน รพ ก่อนหนึ่งวัน คือวัน พฤหัสที่ 17 ที่ผ่านมา และ ผ่าวันที่ศุกร์ที่ 18 อ้อ การผ่าตัดส่องกล้อง ผมแจ้งคุณหมอว่า
ผม "ได้ยินว่ามีการผ่าตัดส่องกล้องด้วย..."
คุณหมอ "อ้อ อยากผ่าส่องกล้องใช่ไหม ได้เลย"
ผมยิ้มเลย ดีใจ
ถึงวันนัดสักที
ผมกะว่าชิวๆ คิดว่า นอน รพ วันพฤหัส ผ่า ศุกร์ เสาคงกลับได้ สบายๆ เดินฉิวๆ (คิดไปเองล้วนๆๆๆ) วันที่ 17 ผม ก็ไป รพ พร้อมคุณพ่อกับคุณแม่ เจาะเลือด เอกซเรปอด เดินชิวไปมา รอบ รพ สบายฝุดๆ จะมีพยาบาลมาหาเรา มีหมอมาหาเรา มาแจ้งว่าพรุ่งนี้จะผ่าตัด ให้เปลี่ยนชุดรอในห้อง เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จากห้องผ่าตัดจะมารับเอง ส่วนจะได้ช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายนั้น คุณหมอจะเป็นคนเลือกเองค่ะ การผ่าแบบส่องกล้องคนไข้ต้องหลับนะคะ จะเป็นการฉีดยาสลบเข้าทางสายน้ำเกลือ หลังผ่าตัด คนไข้จะตื่นขึ้นมาจะเจ็บคอนิดหน่อย และจะเจ็บอวัยวะเพศ เพราะมีการต่อสายฉี่ คนไข้จะตื่นมาในห้องพักฟื้น หากตื่นมาแล้ว ไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไร ก็จะนำกลับมาที่ห้องพักคนไข้ได้ และการเอาท่อฉี่ออกจะมีสองกรณีคือ ตื่นขึ้นมาในห้องพักฟื้นไม่มีท่อฉี่คออยู่(สวน) กับตื่นมาแล้วเจอท่อฉี่ กรณีนี้ขึ้นกับคุณหมอคะ ถ้ามีท่อฉี่เราอาจจะมาเอาออกให้ตอนเย็นๆ แล้วก็จะเจ็บคะ เราจะไม่โกหกคนไข้ (จำได้เลยเค้าพูดงี้จริงๆ) ตอนนั้นภาวณาเลยว่า ขอให้ตื่นมาไม่มีท่อฉี่ ... เคยแต่เอาเข้า ไม่เคยเจอเอาเข้ามาก่อน อุ่ยย แอบ 18+ แหะๆ จนก่อนนอน ก็จะมีคุณพยาบาลเอา ชุดผ่าตัดมาให้บอก พรุ่งนี้ใส่ชุดนี้นะค่ะ เอาละเริ่มตื่นเต้นแล้ว
วันผ่า
พอถึงวันผ่า ผมตื่นขึ้นมาตื่นเต้นกับการให้น้ำเกลือนิดๆ เพราะกลัวเจ็บ เข็มใหญ่เกือบเท่าหลอดยาคู้ แต่คุณพยาบาลเจาะไม่ค่อยเจ็บเท่าไร เจ็บน้อยกว่าที่กลัวไว้ แหะๆ ก็ต้องนอนรอที่ห้อง คาสายน้ำเกลือกับคุณพ่อคุณแม่ อ่อ ให้งดอาหารก่อนเที่ยงคืนด้วย ก็นอนรอ ลุ้นว่าจะได้ผ่า เช้าหรือบ่าย ปรากฏว่าผมได้ผ่าเช้าครับเย่ มีเจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดมารับตัวนั่งรถเข็นไปครับ
อารมย์นั่งรถเข็นไปห้องผ่าตั ก็เหมือนเล่นเกมส์ half life เลยครับ เป็นตอนเข้าฉากก่อนเล่นนะครับ เป็น intro เค้าจะเข็นเราไปเรื่อยๆ เราก็เห็นภาพผ่านไป แต่ก็ควบคุมทางอะไรไม่ได้ครับ ตื่นเต้นฝุดๆ จนถึงห้องรอเข้าห้องผ่าตัด หนาวมากๆ พยาบาลให้ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วหาผ้าห่มให้ ตอนแรกผมสั่นเลย สักพัก ก็หายสั่นไปเอง
ห้านาทีก่อนหายไปจากโลกนี้
จนสุดท้ายผมก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดครับ ในห้องเปิดเพลงเบาๆ เป็ฯเพลงบอสซ่า ผมจำได้เลย มีอุปกกรณ์เครื่องมือ เตียงเป็นแบบ กางแขน เหมือนบูชายัณ มีหมอมีพยาบาล ล้อมเยอะแยะไปหมด บรรยากาศวุ่นวาย มีหมอบางคนมาถามผมว่า กลัวไหม ผ่าครั้งแรกรึปล่าว ผมว่าใช่ครับ แต่กลัวหลังจากผ่าเสร็จมากกว่า แล้วผมก็โดนย้ายไปเตียง ผ่าตัดครับ โดนรัดแขน แก้ผ้าร่อนจ้อนแต่ยังเอาผ้าคลุมตัวผมอยู่ คงกลัวผมเขิล ให้ผมหลัก่อนค่อยเปิดกระมัง
ครับ จากนั้นก็มีคนเอาออกซิเจนให้ผมดมครับ มันรู้สึกเย็นๆ จากนั้น ก็ได้ยินเสียงลอยมาว่า "เด๋วจะทำให้หลับแล้วนะค่ะ" ก็รู้สึกถึง ยาสลบที่เข้ามาจากสายน้ำเกลือ เข้ามาถึงแขน จนถึงตามตัวเลยครับ รู้สึกเหมือนโดนกดลงไปในทุกอนูที่ฤทธิ์ยาเข่าสู่ร่างกาย แล้วก็จนถึงใบหน้า ตอนนั้นมึนทันที ตาปรือ บังคับไม่ได้ กระทันหันเลยครับ ผมก็พยายามฝืนดูครับ แต่เปลือตาหนักมาก บังคับไม่ได้ จนได้ยินเสียงลอยมาอีกว่า "ถ้าง่วงก็หลับเลยนะคะ" โอเค หลับก็ได้ครับ จากนั้นผมก็หลับตา แล้วก็หายไปเลยครับ
ตื่นขึ้นมา
ตื่นขึ้นมามึนมากครับ มีออกซิเจนครอบอยู่ เจ็บท้องมากๆ ก็ถูกฉีดมอฟีน แก้ปวดเข้าไปครับ จำได้ว่า คำถามแรกที่ผมกลั้นใจถามคือ "เอาสายที่สวนฉี่ออกรึยังครับ" คำตอบคือ.... "ยังคะ" เอาาาละครัสสสส สนุกหละงานที่ ถ่อววววววววววว จากนั้นผมก็โดนเข็นไปจนถึงห้องพัก ทรมารมากตอนต้องตะแคงตัวเพื่อเปลี่ยนเตียงสองครั้งได้ เจ็บมากๆ แต่ก็ต้องกัดฟันครับ สุดท้ายก็มานอนในห้อง เมามาก จะอ้วก เหมือนเมาเหล้ากินเหล้าหนักเมื่อคืนตื่นมาแล้วแฮงค์ รู้สึกปวดฉี่ตลอดเวลาเพราะโดนสวน ไม่อยากนึกภาพ สาายสวน ใหญ่พอๆ กะหลอดเซเว่น สงสารน้องชายมากๆ T_T ผมมองนาฬิกา เป็นเวลา บ่าย สามกว่าๆ วันนั้นทั้งวันขยับตัวไม่ได้เลย เจ็บท้อง เจ็บน้องด้วย T_T ทรมารมาก วันนั้นเป็นวันที่เวลาผ่านไปเชื่องช้ามาก พยายามหลับได้ทุกครั้งที่ตื่นขึ้น หิวน้ำ คอแห้ง ก็ผ่านวันนั้นไปครับ
วันที่ 1 หลังการผ่าตัด
ตื่นขึ้นมาวันรุ่งขึ้น ก็ยังเจ็บท้องอยู่ อยากเอาสายฉี่ออกมากๆ ไม่กล้าขยับตัว กลัวเจ็บน้องชาย มันเสียวๆ มากๆ T_T ทรมารกับทั้งแผล กระดิกตัวไปไหนไม่ได้อีกวัน แผลที่ผ่า ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ มีสามแผลที่หน้าท้อง แต่เราจะเจ็บหน้าท้องมากๆ เห็นมีการใส่กล้ามเนื้อเทียมเข้าไปด้วย วันนั้นก็ทรมารอีกวัน แต่ก็ต้อง ฝืนลุกมากกินน้ำ ดีหน่อยเตียงปรับงอได้ ให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยประคอง คิดไว้ว่า วันนี้หรือวันพรุ่งนี้ เดินออกจาก รพ ไม่ไหวแน่เลย
วันที่ 2 หลังการผ่าตัด
ผมอ้อนพยาบาลทุกครั้งว่าให้เอาสายฉี่ออกให้หน่อย ทรมารมาก จนสุดท้ายวันนี้วันดี คุณพยาบาลเอาสายสวนฉี่ออกให้ครับ! เจ็บมาก 5555 แสบๆ ร้อนๆ คุณพยาบาลบอกให้กลั้นใจ มันช่วยได้บ้างครับ พอเอาออกมาโล่งเลย แต่มาลำคาญสายน้ำเกลือที่คามืออยู่ต่อครับ วันนั้นเริ่มลุกเดินได้(เพราะไม่ติดสายฉี่แล้ว ไม่อยากเดินแล้วถือถุงฉี่ไปด้วย) แต่ก็เจ็บมาเวลาเดิน เจ็บหน้าท้อง เหมือนเราซิทอับเยอะๆ จนลุกไม่ไหวเลยครับ แต่วันนั้นก็ทำให้พอกินข้าวได้ ถ่ายได้ กินน้ำได้ รู้สึกดีขึ้นเยอะมากๆๆๆ แต่ก็กินได้น้อยครับ กินนิดเดียวก็อิ่มแล้ว จะลุก หรือเดิน ต้องให้พ่อพยุงครับใช้กล้ามเนื้อท้องไม่ได้เลยเจ็บมาก แต่วันนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าต้นขาตัวเองชาครับ คงจะชามาตั้งแต่หลังผ่าตัดแต่เราไปโฟกัสเรื่องเจ็บท้องมากกว่าครับ
วันที่ 3 หลังการผ่าตัด
อยากออกแล้วครับ! พ่อแม่ก็เริ่มเบื่อแล้ว อ้อนคุณพยาบาลอีกแล้ว คุณพยาบาลก็มาเอา สายน้ำเกลืออกให้ครับ คิดว่าน่าจะได้กลับแล้ว ปรากฏว่า ผมดันไข้ขึ้นวันนั้นหลังจากเอาสายน้ำเกลืออกเลยครับ ท่อววว น้ำตาจิไหล คุณหมอ คุณพยาบาลกังวลอาการแทรกซ้อน ให้กลับไม่ได้ครับ ต่อสายน้ำเกลือใหม่ รอบนี้เป็นมือขวา เพราะมือซ้ายพึ่งเจาะไป T_T ถนัดขวาซะด้วยซิ จากนั้นก็มีการฉีดยาฆ่าเชื้อให้เรื่อยๆครับ
วันที่ 4
คุณพ่อคุณแม่เก็บของรอ อยากกลับสุดๆ 55 เราก็เห็นใจ มาวัดไข้อีกครั้ง ไข้ไม่ขึ้นแล้วครับ สุดท้าย คุณหมอให้กลับได้ อาการล่าสุดตอนนั้นคือ
เดินได้บ้างครับ ลุกได้เองโดยให้คุณพ่อช่วยน้อยลง เดินช้าครับ เดินไวไม่ได้เจ็บ ต้นขาชาครับ ขณะเขียนอยู่นีก็ชาอยู่ นิ้วก้อยซาชา ตอนนี้ก็ยังชาอยู่เช่นกัน แล้วก็ออกจาก รพ พร้อม ยาฆ่าเชื้อ ที่ติดแผลกันน้ำ ยาระบาย ยาแก้ปวดครับ
วันนี้ก็เป็นวันที่ 7 ครับผมอยู่ที่บ้าน แผลที่หน้าท้องเจ็บน้อยลงมากๆ เดินได้เกือบจะปกติแล้วครับ แต่พออาการเจ็บหน้าที่โฟกัสอยู่แรกๆ เริ่มหายไป เริ่มมาสังเกตว่า อัณฑะบวมครับ บวมข้างขวา(ผมผ่าไส้เลื่อนข้างขวา) วันแรก หมอมาจิ้มๆ ถามผมเหมือนกันว่า บวมไหม เจ็บไหม ผมบอกไม่เจ็บ คงเพราะเจ็บแผลหน้าท้องมากกว่า วันนี้เลย เห็นเลยว่ามันบวม แล้วเวลาเดินถ้าไปเบียดๆ สีๆ ก็จะเจ็บๆ เสียวๆ กังวลเรื่อง น้องชายแทนเลยครับ
สรุปอาการที่มีอยู่ วันที่ 7 หลังผ่าตัดคือ นิ้วก้อยซ้ายผมชา ต้นขาขวาชา และ อัณฑะบวม ครับ แต่ไม่เป็นไร วันจันทร์ที่จะถึงนี้ คุณหมอนัดผมไปตรวจอีกครั้ง คิดว่าคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ลึกผมกังวล 555 ว่าขาจะหายชาไหม นิ้วก้อยจะหายชาไหม น้องไข่ จะหายบวมรึปล่าว ตามประสาคนไม่เคยผ่าตัดครับ
ใครที่คิดจะผ่า หรือกำลังจะผ่า ไส้เลื่อน ก็เข้ามาคุยๆกันได้นะครับ ถ้าเป็นผ่าเถอะครับ โลกน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย 55555