สี่วันในอียิปต์ จิบน้ำใจ ไต่ปิรามิด พิชิตตลาดข่าน เที่ยวย่านมัสยิด ชวนมิ่งมิตรล่องน้ำไนล์ ตอนที่ 9 - 12

ตอนที่ 9
    หลังปิดการประชุม ก่อนที่จะร่ำลา แล้วแยกย้ายกัน กลับบ้านใครบ้านเขา หนุ่มซายด์แวะมาเจรจานัดหมายเวลาสำหรับวันพรุ่งนี้ ว่า เขาจะมารับตอนแปดโมงเช้า ให้มารอที่ล้อบบี้ ดูท่าทางเป็นงานเป็นการ ผิดไปจากตอนทานข้าวมื้อกลางวัน ที่พอเห็นภาพสุเหร่า Al Azhar Mosque จากกล้องของอิชั้น คุณเธอก็อธิบายภาพแทนเฉยเลย ว่าเป็น ไคโรทาวน์เวอร์ ซึ่งน่าจะเป็นตึกที่สูงที่สุดของกรุงไคโร ที่ยอดตึกมีระเบียงชมวิว สามารถมองเห็นทัศนียภาพ 360 องศาของกรุงไคโร รวมไปถึงมหาพีระมิดกีซ่าที่ตั้งตระหง่าน ห่างออกไปได้อย่างชัดเจน  โดยอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่อิชั้นพัก และเป็นตึกที่มาซุด กับพี่หนวดเถียงกันว่ามีสถานที่น่าจะโคจร หรือไม่ควรจะโคจรอยู่ในนั้นด้วย อิ อิ
    ด้วยความที่ลักษณะของทั้งสองสถานที่ จะเป็นรูปทรงกระบอก แล้วก็สูงขึ้นไปในอากาศเหมือนๆกัน พออิชั้นเล่าแจ้งแถลงไขว่าไปไหนมาเท่านั้น หนุ่มซายด์ถึงกับอึ้ง พร้อมถามว่าไปได้ไง แถมยังบอกกับคุณพี่อามาลย์ของอิชั้นอีก ทำราวกะว่าอิชั้นแอบหนีเที่ยวโดยไม่บอกอีกแล้ว คุณพี่อามาลย์ทำตาโต (อีกแล้ว) แต่คราวนี้โตจริงๆ อิชั้นยืนยันได้ พร้อมเข้ามาลูบศรีษะแสดงความยินดีที่อิชั้น สามารถฝ่าฟันไป ร่วมงานเฉลิมฉลองที่แสนยิ่งใหญ่ท่ามกลางผู้คนเป็นล้าน เธอว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก คนที่อยู่ไกล แสนไกลอย่างอิชั้น กลับมีโอกาสทองได้ไปร่วมงานที่ใครๆก็อยากไป ในขณะที่คุณพี่และผองเพื่อน อยู่ที่นี่แท้ๆ แต่กลับหาโอกาสไปร่วมงานไม่ได้ ก็ต้องยกความดีให้เหล่าผองเพื่อนซี้ของอิชั้น ที่พากันไปแบบไม่รู้ตัวล่วงหน้า ก็เก๋ไปอีกแบบ
     ก่อนกลับ หนุ่มซายด์ชวนเข้าเมืองด้วยกัน เพราะเธอต้องทำหน้าที่คุ้มกัน เอ๊ย ดูแลนักวิจัยจากซูดาน ที่ขอให้พาไปเยี่ยมญาติในกรุงไคโร อันที่จริงก็น่าสนใจนะ แต่อิชั้นนึกภาพไม่ออก ว่าเขาจะไปที่ไหนกัน แล้วอิชั้นจะได้ไปตลาดข่านไหม ก็เลยตอบปฏิเสธไปว่าเดี๋ยวเพื่อนจะมารับ คุณเธอก็เลยแนะนำ หรือประชดก็ไม่รู้ได้ บอกว่าตอนนี้ยังมีเวลา ยูให้เพื่อนพาไปมหาพีระมิดกีซ่า แล้วกลับมาชมไคโรทาวน์เวอร์ แล้วก็ไปล่องน้ำไนล์ ไปซะให้ครบ เกือบจะเชื่อแล้ว แต่ตอนเนี้ยนี่นะ ก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว ถ้าอิชั้นเชื่อก็น่าจะบ้าไปแล้ว สงสัยอีคงประชดจริงๆ คริ คริ  ลืมบอกกลับไปว่า แน่จริงยูก็พาไปสิ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาอีก อิ อิ อิ
         ก็ทำใจไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าวันรุ่งการไปทริปของอิชั้น คงไม่ค่อยราบรื่น เพราะสังเกตได้ว่า ช่วงหลังไกด์จำเป็นชอบมา จิก กัด ค่อนแคะ กระแหนะกระแหน เสียดสีทุกครั้งที่มีโอกาส แกคงลืมเขย่าขวดยาก่อนกินน่ะ ก็บอกตัวเองว่าจะไม่ถือสา และจะพยายามไม่ต่อปากต่อคำ เพื่อความสงบสุขในการเดินทางนั่นเอง
     อ้อ มีความลับอีกข้อที่อิชั้นต้องเก็บไว้ก่อน   คุณพี่อามาลย์แจ้งว่าวันพรุ่งนี้   กลับจากทริปแล้วจะมาส่งที่โรงแรม  ให้พักผ่อนอยู่ในห้องอย่าออกไปเพ่นพล่านที่ไหน แล้วจะส่งคนมารับไปสนามบินตอนเที่ยงคืน เพื่อความยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย จึงขอให้อิชั้นเป็นผู้รับผิดชอบค่าห้องพักในคืนวันพรุ่งนี้ ตรงกันข้ามกับความคิดของอิชั้น ที่ตั้งใจจะเช็คเอ้าท์ตั้งแต่พรุ่งนี้เช้าก่อนไปทริป ห้องพักไม่จำเป็นสำหรับอิชั้นอีกต่อไป เพราะหลังกลับจากทริป น้องนราจะพาไปล่องน้ำไนล์ และตระเวนราตรี เป็นการอำลาส่งท้ายที่แสนงดงามในความคิดของอิชั้น ซึ่งสวนทางกับคุณพี่อามาลย์อย่างจัง อิ อิ อิ
      แต่อย่างว่า ความลับไม่มีในโลก แล้วอิชั้นก็เป็นคนที่เก็บความลับได้ไม่เก่งที่สุดในโลก หลุดเล่าตั้งแต่เจ้ามาซุดโทรมาถามถึงแผนการวันต่อไป แต่ก็ไม่ลืมบอกว่าให้ช่วยเหยียบให้สนิทนะ อย่าให้รู้ถึงคุณพี่อามาลย์ของอิชั้นเชียวนะ

พนักงานโรงแรมที่อยากให้ถ่ายรูปให้ หล่อๆกันทั้งน้าน


     อุตส่าห์ตื่นแต่เช้า รีบลงมาทานข้าวตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมง พร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงมาฝากไว้ที่พนักงานของโรงแรม ทั้งๆที่เมื่อคืนหลับตาไป แพ็กของ จัดกระเป๋าไปจนเกือบเที่ยงคืน กะว่าทานข้าวเสร็จสักเจ็ดโมงครึ่งถึงจะไปเก็บกระเป๋าสะพายใบเล็กลงมาพร้อมเช็คเอ้าท์เลย ที่ไหนได้ พอส่งกระเป๋าให้พนักงานเสร็จ หันหลังกลับมา ก็ต้องสะดุ้งโหยง หนุ่มซายด์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อีนั่งจ้องอยู่ที่โซฟาตรงล้อบบี้ โอ๋ยโย๋ อิชั้นทำหน้าไม่ถูกเลย แผนแตกเป็นครั้งที่สอง เพล้ง !

          แล้วก็ตกใจด้วยว่า เมื่อวานอิชั้นฟังอะไรผิดเหรอ ทำไมเขาถึงมารอแล้ว ก็ทั้งพูดกันก็แล้ว เพื่อกันเหนียวเขาอุตส่าห์จดเวลานัดหมายให้ด้วยว่าแปดโมงเช้า แต่ไฉนเขาถึงมาแล้วฉะนี้  เขาคงเห็นท่าทีอิชั้นที่ตกใจเกินเหตุ ก็แหม เป็นการ ต๊กใจซ้อนถึง 2 เรื่องเลยนี่นา เลยรีบแจ้งว่า เขาต้องมารับนักวิจัยจากซูดานไปส่งที่สนามบินตั้งแต่ตีสี่ พอส่งเสร็จก็เลยแวะมาที่นี่เลย โธ่เอ๋ยน่าสงสารมากกกกก ทีใครทีเค้านิ อิชั้นเองก็เคยรับหน้าที่แบบนี้สมัยยังเป็นเยาวชน ฮะฮ่า รับนักวิจัยต่างประเทศตอนเที่ยงคืน ส่งเข้าที่พักตอนตีสอง วันกลับเครื่องออกตีสี่ ต้องพาไปสนามบินตั้งแต่ตีหนึ่ง จบงานทรุดโทรมเลย แต่ตอนนั้นยังเด็กอยู่ก็ฟื้นตัวเร็ว ถ้าเป็นตอนนี้ สงสัยไปฟื้นอีกที คงที่โรงพยาบาลแน่ คริ คริ
          หลุดไปหนึ่งเรื่องแล้ว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ อิชั้นก็เลยรีบชวนหนุ่มซายด์ไปทานอาหารเช้าซะด้วยกัน แต่เขาบอกว่าจะรอจนกว่าอิชั้นจะเสร็จภารกิจ  งั้นก็ตามใจ อิชั้นก็ลั่ลล้า ไปทานสลัดที่ชื่นชอบ พร้อมเบคอน ฮอทดอก และขนมปัง พร้อมน้ำผลไม้ ตบท้ายด้วยฟรุทสลัดอีกหนึ่งถ้วย เป็นการสะสมพลังงานให้พร้อม สำหรับการผจญภัยในวันนี้  

ห้องอาหารที่ดูดี สะอาด สะอ้าน น่ากินไปซะทุกอย่าง รวมถึงพนักงานที่แสนเป็นมิตร

           ตอนเดินกลับมา อ้าวหนุ่มซายด์หลับไปซะแล้ว ค่อยๆเดินผ่าน แล้วไปเก็บข้าวของที่เหลือจากห้อง เพื่อลงมาเช็คเอ้าท์  ในที่สุดจำเลยก็สารภาพเองว่าได้จัดการเช็คเอ้าท์เรียบร้อยแล้ว  หนุ่มซายด์าบอกว่ารู้แล้ว เพราะไปถามที่เค้าน์เตอร์ แล้วถามต่อว่าหลังจากทริป อิชั้นจะไปอยู่ที่ไหน อิชั้นก็ทำตาใสซื่อที่สุด พร้อมตอบว่าก็เดินเล่นอยู่ในโรงแรมนี่แหละ คริ คริ   ถ้าเขาเชื่ออิชั้น คราวนี้เขาเองนั่นแหละที่น่าจะบ้า ฮ่า ฮ่า

         ในที่สุด ล้อรถก็เคลื่อนตรงเวลา เมื่อหนุ่มมุส หรือมุสตาฟา นำราชรถมารับ อุ๊ย รถใหม่มากกกก เป็นรถเก๋ง ยี่ห้ออะไรก็ลืมดู ผิดจากที่คาดการณ์ไว้ เพราะคิดว่าคงใช้รถสองตอนคันเก่า ที่เก่าจริงๆเหมือนวันที่ไปรับอิชั้นจากสนามบิน  ดีใจจังรถใหม่ เพื่อนใหม่ และจะได้ไปที่ใหม่ๆ
    อิชั้นเอากระดาษโน้ตที่จดรายการสถานที่ ที่อิชั้นอยากไป ขึ้นมาอ่านให้สองหนุ่มฟัง คือไม่ได้บังคับนะ แต่ถ้าไปได้ก็จะดีมาก เริ่มจาก มหาพีระมิดกีซ่า แล้วก็แมมฟิส รวมถึงพิพิธภัณฑ์ไคโร และ ซิทาเดล เจ้าสองหนุ่มคงอยากลาออกจากการเป็นไกด์จำเป็นของอิชั้น คือมันคงเป็นไปไม่ได้ ที่นี่เวลาเข้างาน คือ 9 โมงเช้า และเลิกงาน คือ บ่ายสอง ไม่รู้ว่าสองหนุ่มต้องรีบกลับมาให้ทันบ่ายสอง เพื่อไปรับลูกหรือเปล่า หงอยเลยป้า หนุ่มซายด์ขอกระดาษโน้ตที่จดวุ่นว่ายทั้งภาคภาษาไทย และภาษาอังกฤษไปดู แล้วถือวิสาสะเก็บไปไว้ที่ตัวเองเฉยเลย คงอยากให้ป้า เอ๊ย อิชั้นลืมสิ่งที่จดมา ช่างไม่รู้เลยนะว่า อิชั้นเมมไว้ได้ทั้งหมดแล้ว เพราะเก่งอยู่แล้วในเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นเรื่อง อิ อิ
          หนุ่มซายด์หันมาบอกว่า ดิฉันทำการบ้านมาดีมาก เพราะขนาดหนุ่มมุส ยังไม่รู้จัก แมมฟิสเลย แต่หนุ่มมุส นำเสนอว่าควรแวะที่ซัคคาราด้วย ยอดมาก ถูกใจ แล้วก็ใช่เลย อิชั้นจำได้ว่า ระหว่างมหาพีระมิด  กับ แมมฟิส จะมีอีกหนึ่งสถานที่ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพียงแต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร รอบนี้หนุ่มุสทำคะแนนนำไปสองแต้ม อิ อิ อิ แต่คะแนนมาติดลบตอนที่ถามอิชั้นว่าเอากล้องมาด้วยหรือเปล่า  เพราะเขาลืมเอามา แหมช่างภาพเอกประจำการประชุมดันลืมอาวุธคู่มือซะแล้ว แถมบอกให้อิชั้นพยายามประหยัดแบตเตอรี่กล้อง อย่าเพิ่งถ่ายวิวข้างทางตอนที่อิชั้นกำลังเล็งถ่ายภาพการปลูกผัก โดยอาศัยน้ำจากแม่น้ำไนล์ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลัก

                                  ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์แมมฟิส

           รถมาจอดหน้าแมมฟิสเป็นแแห่งแรก หนุ่มซายด์ทำหน้าที่เป็นไกด์พาอิชั้นเข้าไปชม ส่วนหนุ่มมุสขอพักงีบในรถ
    ในที่สุดความฝันของอิชั้นก็เป็นความจริง อิชั้นได้มาเยือนแมมฟิสแบบไม่น่าจะเป็นไปได้ ความรู้สึกตอนนั้น เหมือนกึ่งฝัน กึ่งจริง ยังแปลกใจตัวเองมาก เพราะหลังจากที่กลับมาแล้ว กว่าจะเรียบเรียงลำดับขั้นตอนการเยี่ยมชม จุดที่หนึ่ง สอง สามได้ ก็ดูลางเลือนยังไงชอบกล จะว่าเป็นเพราะเหนื่อยก็ไม่น่าจะใช่ หรือแพ้ความหล่อของหนุ่มซายด์ก็ยิ่งไม่น่าจะถูก ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้จนบัดนี้ สงสัยคงต้องกลับไปเยือนอีกสักรอบ แล้วดูว่าจะมีอาการเหมือนเดิมไหม

          แมมฟิสของอิชั้น คือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ตั้งอยู่ที่เมืองแมมฟิส ( Memphis) เมืองหลวงแห่งแรกในยุคอียิปต์โบราณ เชื่อมระหว่างอาณาจักรหุบเขาไนล์ และสามเหลี่ยมไนล์
           ภายในพิพิธภัณฑ์แมมฟิส มีรูปแกะสลักขนาดยักษ์ของฟาโรห์รามเสส 2 ที่ทำมาจากหินอลาบาสเตอร์ มีความยาวจากมงกุฎถึงเข่า 11 เมตร สันนิษฐานว่า ถ้ารูปปั้นสมบูรณ์เต็มองค์จะสูงถึงประมาณ 13 – 14 เมตร

       ท่านฟาโรห์รามเสส 2


         ฟาโรห์รามเสส 2 ทรงเป็นฟาโรห์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ หรือตำนานไอยคุปต์ ทรงสร้างมหาวิหารที่มีรูปสลักแทนพระองค์ที่ยิ่งใหญ่ คือ  อาบูซิมเบล  ( Abu Simbel )


           หนุ่มซายด์พาอิชั้นตรงดิ่งไปที่อาคารขนาดใหญ่ที่สร้างคลุมองค์แกะสลักขนาดยักษ์ของฟาโรห์รามเสส 2 ที่วางลงนอนราบกับพื้นอาคาร เพราะส่วนพระบาทหักหายไป เหลือเพียงตั้งแต่เข่าขึ้นมา คาดว่าตอนขุดพบก็ชำรุดเสียหายอยู่แล้ว อิชั้นมโนถึงพระองค์ในภาพที่สมบูรณ์ หากนำมาตั้งแสดงกลางแจ้ง จะใหญ่ยิ่งอลังการสักเพียงใด ไม่รู้ว่าอิชั้นเป็นหนึ่งในนักแกะสลักยุคนั้นหรือเปล่าเนี่ย ถึงได้มีอาการเบลอแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

          หนุ่มซายด์ทำหน้าที่เป็นช่างภาพมากกว่าเป็นไกด์ เพราะกระหน่ำกดชัตเตอร์แบบไม่ออมแบตเลย ทั้งภาพเดี่ยว ภาพคู่ ที่แกพยายามถ่ายเอง แล้วได้มาแต่หัวสองหัวของเราสองคน ฮ่า ฮ่า ฮ่า  หลังจากแกพาอิชั้นเดินไป ถ่ายรูปไป พร้อมสำรวจรูปแกะสลักชำรุด ที่ถูกจัดแยกออกวางเรียงรายเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ อิชั้นเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ไม่มีคำพูดใดๆหลุดรอดออกมาสักคำ  รู้สึกว่าความเป็นคนขี้สงสัยของอิชั้นกลับหายไป ได้แต่ยืน นั่ง ยิ้ม ตามที่หนุ่มซายด์กำหนดพิกัดให้ เพื่อถ่ายรูป จนบัดนี้ยังงงไม่หาย ว่าทำไมอิชั้นไม่ซักถามอะไรบ้างเลย ทั้งๆที่มีหนุ่มน้อยที่เป็นไกด์ของพื้นที่เข้ามาเสนอตัว เดินตามเราทั้งสองคน หนุ่มซายด์เลยส่งกล้องให้ทำหน้าที่คอยตามเก็บภาพ ก็เลยได้ภาพคู่ที่ดูหวานเกินความเป็นจริง ก็มืออาชีพทั้งผู้ถ่าย และผู้ถูกถ่ายน่ะเซ่
      อิชั้นก็เดินไปแบบเบลอๆงงๆ จำได้แล้วว่าที่ไม่ถาม ไม่สงสัยอะไรตามนิสัยอยากรู้ อยากเห็น เพราะใจบอกกับตัวเองว่า รู้หมดแล้ว จนตอนนี้ อิชั้นก็ยังสงสัยว่ารู้อะไรหว่า เพราะตอนนี้ก็ยังไม่เห็นจะรู้อะไรที่คิดว่ารู้ดีแล้ว งงตัวเองจริงจริ้ง ใครที่มาแล้วเป็นแบบอิชั้น ช่วยเล่าสู่กันฟังบ้าง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่