สี่วันในอียิปต์ จิบน้ำใจ ไต่ปิรามิด พิชิตตลาดข่าน เที่ยวย่านมัสยิด ชวนมิ่งมิตรล่องน้ำไนล์ ตอนที่4-8

ตอนที่ 4
       ตอนพักทานอาหารว่างในช่วงเช้า มีทั้ง ชา กาแฟ และน้ำผลไม้นานาชนิด รวมทั้งขนมให้เลือก ดื่ม กิน กันมากมาย เท่าที่สังเกต ทุกคนพร้อมใจกันรับประทานทุกอย่างที่วางไว้ อิชั้นมัวแต่คุยด้านวิชาการ เลยชวดโอกาสอย่างน่าเสียดาย เพราะเพื่อนที่ดีอย่างคุณมาซุดแนะนำให้รู้จักกับนักปรับปรุงพันธุ์ฝ้ายท่านหนึ่ง แถมบรรยาย สรรพคุณว่าทั้งเก่ง ทั้งนิสัยดี แล้วจะพลาดได้อย่างไร ถ้าไม่รู้จักมาก่อนจากรูปลักษณ์จะเดาว่าเขาเป็นชาวแอฟริกา  ทั้งนี้เพราะการที่อียิปต์เป็นดินแดนที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปแอฟริกา และเอเชีย จึงทำให้ประชาชนมีความหลากหลายในเชื้อชาติ มีทั้งหน้าตาแบบอียิปต์แท้ๆ และหน้าตาที่ดีเด่นแบบลูกผสม รวมถึงมีการกระจายตัวเป็นอีกหลายรูปแบบในรุ่นลูก รุ่นหลาน นี่ว่ากันตามทฤษฎีเชียวนะเนี่ย เรียกว่าเป็นแหล่งรวมแห่งความหลากหลายทางเชื้อพันธุกรรม ถ้าเป็นพืชก็จัดว่าเป็นดินแดนที่ยอดมาก สามารถสร้างโครงการปรับปรุงพันธุ์ได้อย่างดีเชียวแหละ แฮะ แฮะ แฮะ และคนที่นี่ก็พอใจที่จะเรียกดินแดนตนเองว่าอาหรับในแอฟริกา
  เพื่อนใหม่ที่ทั้งเก่งและสุภาพ

     เราคุยกันนานจนได้เวลาประชุมในช่วงถัดไป เวลาที่เจอคนที่พูดเรื่องเดียวกับที่เราทำ หรือที่เราสนใจ มันอินน่าดู เขาเก่งจริงสมราคาคุยของมาซุด ได้ความรู้มาคุ้มค่ากับการอดกินขนม อิ่มความรู้ แต่ไม่อ้วน อิ อิ อิ
    ช่วงทานข้าวกลางวันปาเข้าไปบ่ายสอง เข้าใจแล้วว่าทำไมมื้อเบรกถึงได้จัดหนัก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตอนนี้ยังจำหน้าใครไม่ค่อยได้ เจอกันแล้ว ทักกันแล้ว แจกนามบัตรกันก็แล้ว พอมานั่งทานข้าวโต๊ะเดียวกันดันจำกันไม่ได้ซะอีกแล้ว เอ้าแนะนำตัวกันอีกรอบ แจกนามบัตรกันใหม่ สงสัยว่าเส้นปลายประสาทคงอักเสบ คริ คริ คริ ที่จำได้ คือ มาซุด ที่คราวนี้ถึงจะนั่งโต๊ะเดียวกัน แต่สังเกตว่าจะนั่งติดกับผู้ชายซึ่งเป็นเพื่อนที่มาจากเมืองอเล็กซ์ซานเดรียด้วยกัน
      ขอนินทาประสาหญิง เท่าที่สังเกต ในห้องประชุม จะไม่เห็นผู้หญิงแถวหน้า เพราะผู้หญิงจะไปรวมตัวอยู่แถวกลางห้องบ้าง ข้างห้องบ้าง แต่ไม่มีข้างนอกห้อง ฮ่า ฮ่า ฮ่า  และจำนวนหญิงจะน้อยกว่าชาย น่าจะประมาณหนึ่งต่อสี่ ทั้งๆที่ประชากรส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นหญิงมากกว่าชาย จากข้อมูลน้องนรา แจ้งว่าฝ่ายหญิงเมื่อแต่งงานแล้ว หลายคนไม่ต้องทำงานนอกบ้าน แต่จะทำหน้าที่ใช้เงินที่สามีหามาได้แทน เอ๊ะชักน่าสนใจแล้วซี แต่ยังไม่สามารถหาเป้าหมายที่ชัดเจนได้ คงต้องรอไปก่อน    Wait and  See   คริ  คริ คริ

ขำ ท่านประธานทำท่างงงง

          ตอนทานข้าวนั่งติดกับหนุ่มจากเยอรมัน เก่งและนิสัยดีตามที่เจ้ามาซุดแนะนำ (อีกแล้ว!!!!! แต่คนนี้ มาซุดย้ำว่า ดีมากๆๆๆๆๆ เอ๊ะ ส่งซิกอะไรให้ เพื่อนหรือเปล่าเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า )  สงสัยว่าเธอคงจะเป็นคนที่มองโลกงดงามมากๆๆๆๆ ก็จริงอีกแล้ว หนุ่มคนนี้เป็นอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในเรื่องคุณภาพเส้นใย และนักวิชาการที่นี่ให้การยอมรับ เป็นคนสุภาพมาก ในช่วงที่เป็นประธานการประชุม มีการตั้งข้อสังเกต และให้คำแนะนำที่ดีมีประโยชน์แก่งานวิจัยอย่างมาก
          เสน่ห์หญิงไทยอย่างอิชั้นก็ไม่เบา หรือว่าหนุ่มหยิบจะปากหวานกันทั้งเมืองก็ไม่รู้   เจ้ามาซุด ตะโกนข้ามโต๊ะบอกว่าหนุ่มหนวดเพื่อนที่นั่งติดกับเขาเชิญอิชั้นไปทานข้าวเย็นนี้ เอ๊ะ แผนแตก เอ๊ยแผนเปลี่ยน คือด้วยความที่มีเวลาอยู่ในดินแดนแห่งความฝันที่แสนยิ่งใหญ่ในอารยธรรมโบราณเพียงแค่ 3 วัน  4 คืน ดังนั้นก่อนมาจึงทำการบ้าน และจัดมาเต็มที่ ทั้งด้านวิชาการ เพื่อไม่ให้เสียชื่อนักวิชาการไทย และด้านท่องเที่ยว กะไม่ให้พลาดทุกแหล่งเที่ยวที่น่าสนใจ  แล้วมาซุดเองก็รู้ว่าเพื่อนคนนี้ต้องการจะไปเที่ยวชมทุกที่ในกรุงไคโร และเมืองกีซ่าที่อยู่เชื่อมต่อกัน แถมยังสัญญาว่าจะเป็นผู้จัดการทัวร์ให้เท่าที่เวลาเขามีอยู่ แล้วยังงี้แปลว่ายังงัย ป้างง แต่ทางที่ดีก็ส่งยิ้มสยามไป wait and see ฮ่า ฮ่า ฮ่า
          และแล้วเมื่อเสร็จสิ้นการประชุม ทุกคนก็หายจ้อยไปเลย อ้าว แล้วที่นัดไว้ล่ะ แต่ไม่เป็นไร น้องนรายังรอป้าอยู่ เพราะน้องกำชับว่า ถ้าป้า เอ๊ย พี่จะไปเที่ยวที่ไหนหลังประชุมเสร็จ ก็ให้โทรแจ้งมา น้องพร้อมที่จะมารับ น่ารักมากกกกก อิฉันก็เลยคว้ามือถือมาโทรหาน้องนรา จังหวะเดียวกับที่มือกำลังกดเบอร์ของน้อง ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ เพราะเสียงโทรศัพท์ในห้องก็กรีดดังขึ้นมาขัดจังหวะการโทรออก จึงต้องละมือไปรับสาย ซึ่งเป็นเสียงผู้หญิง บอกว่าโทรมาจากมาซุด ตอนนี้เขารออยู่ที่ห้องประชุม พอวางสาย น้องนราก็โทรเข้ามือถือ ก็เลยต้องยกเลิกนัดน้องนราอย่างน่าเสียดาย เพราะวันนี้น้องวางแผนพาล่องแม่น้ำไนล์
          แล้วอิชั้นก็เผ่นผลุงลงไปห้องประชุม แป่ว  ไม่พบใครเลย ก็เลยโทรหามาซุด ทำเอามาซุดงง แต่อิฉันงงกว่า เพราะเจอคำตอบที่บอกว่าไม่ได้โทรหา เพราะมัวแต่ยุ่งกับการส่งงานทาง อีเมล์ อ๊ะ แล้วงัยหว่า แต่บอกให้รอก่อนนะ แล้วจะไปเคาะห้องเรียก เพราะเราเป็นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง อยู่ห้องติดกันนั่นเอง  
         สักพัก มาซุดมาเคาะห้องเรียก บอกว่าเดี๋ยวเพื่อนจะตามมาสมทบ   อิชั้นก็คิดว่า ดีเหมือนกันได้ไกด์ประเภททีม เพื่อนเขามีผู้ชายสองคน มีหนวดหนึ่ง ไม่มีหนวดหนึ่ง แหมราวกับว่ากำลังบรรยายถึงปลาหมึกย่าง ฮะฮ้า  แเล้วมีผู้หญิงอีก 1 คน ซึ่งท่าทางพอจะคุมทั้งสามคนได้หากเกิดอาการติดลมไม่ยอมกลับที่พัก  ก็น่าจะไว้ใจได้นะสำหรับทริปนี้  
         แต่อิฉันคาดการณ์ผิด พอเพื่อนเขามาสมทบ ปรากฏว่าเพื่อนผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ไปด้วยกัน กลายเป็นว่ามากัน อีก 2 หนุ่มใหญ่ ทั้งหมดรวม 3 คน ที่ตัวโตราวกับยักษ์ เล่นเอาอิฉันชักกลัว อันที่จริงมาซุดเอง อิฉันก็เพิ่งรู้จัก ตอนไปประชุมที่อาเจนติน่า เพราะความที่ถูกไอ้มืดนิสัยแย่ๆคอยลามปามทั้งกิริยา และคำพูด หนีจากคนหนึ่ง ก็เจออีกคนหนึ่ง  คราวนี้เจอคุณปู่วัย 82 ปี ชวนไปอยู่ด้วย พอดีอิชั้นยังไม่อยากไปอยู่ในสุสานพร้อมคุณปู่ ก็เลยหาทางชิ่ง งานนี้ไม่สวยก็มีสิทธิ์สยองได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า  แล้วบังเอิญเจอกับมาซุด ในช่วงแรกก็กลัว และไม่ค่อยไว้ใจนัก แต่ในที่สุดก็พบว่าเป็นเพื่อนที่ ไว้ใจได้ เปิดเผย กันเอง และช่างนินทา จำได้ว่าเขามานินทาเจ้านายที่มากับเขา แล้วอิชั้นก็ผสมโรงเฮอาไปด้วยกัน จากนั้นเราจึงเกาะกันไป เพราะต่างฝ่ายต่างพึ่งพากัน อิฉันหาทางสะบัดเจ้ามืด เขาหาทางสะบัดเจ้านาย เราเลยกลายมาเป็นพันธมิตรกันด้วยประการฉะนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า


      ปกติ คุณซายด์น่าจะเป็นมือขวาของคุณอามาลย์ แต่วันนี้คงต้องเสียตำแหน่งให้อีชั้นซะแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่