[ควันหลงสงกรานต์ 2557] คุณรู้จัก "การเล่นสาดน้ำ" , "ประเทศไทย" และ "คนไทย" ดีแล้วหรือ?

http://ppantip.com/topic/31917067 เห็นกระทู้แนะนำแล้ว ผมก็อยากจะบอกในอีกมุมบ้าง

อาจเป็นมุมที่ไม่โสภา สำหรับประชากรพันติ๊ป ที่ส่วนมากเป็นผู้ดี คนใฝ่ธรรม ผู้ทรงศีลกันซะเยอะ

แต่เพราะในนี้มีมาม่าทุกปี คนแถวนี้เกลียดกันเหลือเกิน กับ concept การเล่นน้ำแบบ "เครื่องเสียง ดนตรี โคโยตี้ แป้ง" ( และรถบรรทุกถังน้ำ )

เมื่อกระทู้สาปส่งการเล่นดังกล่าว ขึ้นแนะนำได้ ผมไม่ว่าอะไร เพราะเป็น Trend หลักของพวกคุณ

กระทู้ผมไม่ต้องขึ้นแนะนำก็ได้ ( เชื่อว่าไม่ขึ้นอยู่แล้ว ) แต่อยากให้มีคนอ่าน และเข้าใจสังคมไทยในแบบที่มันเป็น ไม่ใช่แบบที่มันควรจะเป็น

เพราะไม่มีใครเปลี่ยนสังคมได้ ถ้าพลเมืองส่วนใหญ่ไม่คิดเปลี่ยน ( และผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่จะไม่เปลี่ยน เพราะมันอยู่ใน DNA ของเรา )

ดังนั้น ผมขอ tag ตามกระทู้แนะนำทุกอันนะครับ

---------------------------

มาม่าทุกปีนะครับ กับสงกรานต์แบบหลุดโลก

จริงๆ ผมเห็นด้วยกับบาง คห. นะ ที่บอกว่าสมัยก่อนอาจจะเถื่อนกว่านี้ก็ได้

ผมจำได้ว่า ตอนเด็กๆ ( ก่อนปี 2542 ) ที่ผมยังไม่ได้ตระเวนไปเล่นตามจุดต่างๆ ( ส่วนมากก็ปักหลักที่พุทธมณฑลสาย 4 ก่อนจะโดนแบนในปี 2556 )

มีเรื่องเล่ามากมาย เช่นในยุคหนึ่ง นิยมใช้เม็ดแมงลักผสมน้ำ , ใช้น้ำแข็งก้อนเล็กๆ ผสมน้ำ , เอาน้ำใส่ถุงพลาสติกมัดแล้วขว้าง , ใช้สีย้อมผ้า สีทาบ้านผสมดินสอพองมาประแก้มประหน้ากัน

เรื่องพวกนี้ จำได้ว่าตอนผมเด็กๆ ( ปีนี้ผมอายุ 29 ปี 2542 ผมอายุ 14 ก่อนหน้านั้นมีเตือนทุกปี ) ช่วงใกล้สงกรานต์ รัฐบาลเอย ตำรวจเอย สื่อเอย ต้องออกมาเตือนใน 4 เรื่องนี้ เพราะอันตรายมาก

( แต่ขอถามนิดนะครับ ผมเกิดไม่ทันกรณีพวกนี้ เอาละการใช้น้ำแข็งหลอดก้อนเล็กๆ ผสมน้ำแล้วสาด หรือเอาน้ำใส่ถุงพลาสติกมัดแล้วขว้าง ตรงนี้อันตรายจริงเพราะทำให้หัวแตก หรือสีย้อมผ้า สีทาบ้านนี่เป็นสารเคมี โดนหน้าอาจบาดเจ็บได้ แต่ "เม็ดแมงลัก" อันตรายยังไงหรอครับ? ใครทันเล่นยุคนั้นช่วยอธิบายที )

แต่ปัจจุบัน จริงๆ ต้องบอกว่า 5 ปีกว่าแล้ว ผมไม่เคยได้ยินคำเตือนทำนองนี้อีกเลย ขณะเดียวกันน้ำแข็งที่ใส่รถบรรทุกถังน้ำ จะเป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ ต้องใช้สองมือโอบ ดังนั้นตักไปขว้างไม่ได้แน่นอน , การใช้น้ำมัดในถุงก็ไม่เคยเห็นแล้ว , เม็ดแมงลักก็ไม่เคยเห็น

ส่วนที่เจอกับตัว จะเป็นช่วงที่ผมเข้าวัยรุ่นพอดี ( 2543 ผมอายุ 15 เป็นนายละ ) 2 เรื่อง

- เรื่องแรก พวกชอบสาดรถเมล์ รถสองแถว เมื่อก่อนเจอบ่อยมาก บางซุ้ม บางพื้นที่ ขนาดเขาปิดกระจก เอาผ้าใบคลุม ยังพยายามจะหาช่องสาดเข้าไปให้ได้

- เรื่องที่สอง กระบอกฉีดน้ำแรงดันสูง สมัยนั้นมีขาย พวกเอาท่อ PVC มาทำกัน ใครทำไม่เป็นก็หาซื้อ ใครมีทักษะช่างหน่อยก็ทำกันเอง ประกวดประชันว่าของใครยิงแรง ยิงไกลที่สุด

ตอนนี้เรื่องแรก ผมว่าเบาลงไปเยอะ ไม่ค่อยเห็นเท่าไร รถเมล์กล้าเปิดกระจกมากขึ้น ( ยกเว้นถ้าต้องผ่านพื้นที่ที่คนไปรวมตัวเล่นน้ำมากๆ เพราะยังไงก็ต้องโดนลูกหลง )

ส่วนเรื่องที่สอง เดี๋ยวนี้เหลือแต่ท่อพลาสติกบางๆ ครับ PVC บ้องหนาๆ ไม่เห็นมาได้หลายปีแล้ว ( เจ็บใจมาก ผมมีอันนึง ใช้ตั้งแต่ปี 2543 ไปไหนก็เหน็บเอวเหมือนกระบี่ พอเกาะรถที่เขาเล่นได้ปุ๊บ ก็เอาน้ำในถังนั่นแหละสูบมาฉีด จนปี 2547 ตำรวจสายตรวจเห็นผมพกสิ่งนี้อยู่ พวกยึดไปเฉยเลย T_T! )

ส่วนสีผสมดินสอพอง ก็ใช้สีผสมอาหารเป็นหลักแล้ว เห็นหลายร้านเอามาขายคู่กัน มี อย. รับรองด้วย
------------------

นี่คือสิ่งที่ผมเห็นนะครับ ส่วนเรื่องอื่นที่เพิ่มเข้ามา ( จริงๆ ก็ไม่ได้เพิ่ม แต่มันมีมานานแล้ว )

- เด็กแว้น : จะเรียกมีมาเพิ่มได้หรือเปล่า? ผมเล่นทุกปี ก็เจอทุกปี ตั้งแต่ยุค 2 จังหวะในตำนาน  พวก Dash ( ท้ายแหลม , ท้ายเหลี่ยมไฟกลม ) , Tena , LS ฯลฯ ผ่านเข้ายุค 4 จังหวะเกียร์ธรรมดาอย่าง wave , sonic จนถึงยุคปัจจุบันที่หันมานิยมรถออโตเมติก แต่การรวมตัวกันขี่มอเตอร์ไซค์ไปๆ มาๆ ตลอด 3 วันนี้ มันก็ยังมีทุกปี ( บาง คห. ในนี้ อาจจะเคยเป็นเด็กแว้นมาก่อนก็ได้ ลองถามเขาดู )

- โคโยตี้ : ก็มีมาทุกปีอีก แต่คุณพูดถูกอย่างหนึ่ง โคโยตี้ยุคแรกๆ อย่างน้อยก็ยังใส่เสื้อ ( ถึงจะสีขาวบางๆ หรือพวกเสื้อรัดๆ กางเกงฟิตๆ ก็ตาม ) แต่สมัยนี้หลายรายกล้าถอดเสื้อออก เหลือแต่บราอย่างเดียว ที่น่ากลัวคือกระเทยทั้งหลาย พวกเปลือยอกเต้นกันเลย แต่ถามว่าโคโยตี้มีมานานหรือยัง? ผมว่าน่าจะถึง 10 ปีนะ

- พวกหลุดโลก : อันนี้เป็นสีสัน ช่วงเทศกาล จะต้องมีพวกแต่งตัวแปลกๆ เช่นผู้ชายเอาชุด นร.หญิงมาใส่ , พวกแต่งตัวล้อเลียนการเมือง ( มีปีหนึ่ง ไม่แน่ใจว่า 2552 หรือ 2553 เคยเจอพวกที่น่าจะมาด้วยกัน คนนึงใส่เสื้อแดง เอาหน้ากากรูปทักษิณมาใส่ อีกคนแต่งชุดพรางแบบทหาร แล้วยิงปืนฉีดน้ำสู้กัน เรียกเสียงหัวเราะได้มาก ) , พวกแว้น แต่ไม่เน้นเสียง เน้นการมาเยอะๆ หลายสิบคันแล้วไปเอาธงมาโบก มีตั้งแต่ธงชาติต่างๆ ไปจนถึงธงกลุ่มของตน และบางทีก็ไม่ใช่แว้น แต่มาเป็นรถกระบะแต่ง นั่งกันมาโชว์พลังเสียงเครื่องก็มี บิดไปควันโขมงก็เฮกันไป ฯลฯ ยังไม่นับเด็กๆ ที่ปิดเทอมทีต้องไปทำสีผมประหลาดๆ อีกเพียบ

- เครื่องเสียง : ก็มีมาพร้อมๆ กับโคโยตี้ เพราะสองสิ่งนี้ขาดกันไมไ่ด้

-----------------------

ทีนี้ทำไมหลายคนมองว่ามันเยอะขึ้น ผมลองวิเคราะห์นะครับ

- คุณอายุมากขึ้น เริ่มเบื่อหน่ายวิถีลวงๆ หลุดๆของโลกียะที่พบเจอ ( เหมือนคนที่วัยรุ่นเคยเป็นแว้น เคยเป็นนักเลง พออายุเยอะ ทำงานมั่นคง มีครอบครัว ก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย และมองว่าสิ่งที่ตัวเองเคยทำมามันไร้สาระมาก )

- คุณยังเป็นคนหนุ่มสาว แต่แตกต่างไปจากหนุ่มสาวทั่วไป หากวัยนี้คนทั่วไปยังหลงใหลแสงสี รูปโฉม ความสุขทางกามแบบโลกียะ คุณอาจจะเป็นหนุ่มสาวส่วนน้อย ที่เริ่มเบื่อหน่ายวิถีดังกล่าว แล้วแสวงหาความสงบ ( มองหาหนทางบรรลุธรรม , โลกุตระกันไป )

- ไม่เกี่ยวกับภายในตัวคุณเลย แต่เป็นปัจจัยภายนอกล้วนๆ ที่สำคัญคือ

1.คนสมัยนี้ซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ได้ง่ายขึ้น จากเมื่อก่อน เงินผ่อนต้องมีคนค้ำ สมัยนี้อายุถึงก็ซื้อได้ มีทั้งฟรีดาวน์ ดาวน์ถูก จนถึงโปรยอดฮิตอย่างรถคันแรก รถก็เลยเกิดใหม่บนถนนมากขึ้น และจำนวนนี้ไม่ยอมเป็นแค่รถเดิมๆ หลายคนเอาไปแต่ง ใส่ล้อ ทำท่อ ลงเครื่องเสียง ฯลฯ แล้วก็เอามาอวดกัน ประชันความแรง ความเท่ และพลังลำโพงกัน

2.การเข้าถึงสื่อที่ง่ายขึ้น แล้วงานจิตวิทยามวลชน ฝ่ายวัฒนธรรมสู้ฝ่ายกิเลสนิยมไม่ได้ : อันนี้ต้องโยงไปทุกๆ เรื่อง ยกตัวอย่างสักเรื่องหนึ่ง ในปี 2547 ถ้าใครจำได้ สังคมไทยรู้จักคำว่า "กิ๊ก" หมายถึงการนอกใจคนรักของตน ผมไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนคิด สมัยนั้นมีการต่อต้านกัน บอกว่าคำๆ นี้ทำให้ความผิดฉันท์เป็นชู้กับสามี - ภรรยาคนอื่นดูเบาลง ( กิ๊กเป็นคำที่ soft กว่าชู้ ) ตอนนี้เป็นไงครับ ผ่านมา 10 ปี ใครๆ ก็มีกิ๊ก มองการแอบไปมีอะไรกับคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ( ยอมรับเถอะมนุษย์เราไม่ได้สวยงาม จริงๆ มนุษย์มุ่งหากิเลสมากกว่าธรรมอยู่แล้ว ดังคำคมจากหนัง Star Wars ที่ว่า "ด้านมืดไม่ได้แข็งแกร่งกว่า แต่มันง่ายกว่า และน่าเย้ายวนกว่า" )

ผมถามว่ามีใครกล้าคุมกำเนิดรถส่วนตัวไหมครับ? แล้วหน่วยงานวัฒนธรรมของไทย บวกด้วยศาสนาต่างๆ มีน้ำยาสู้กับลัทธิกิเลสนิยม - บริโภคนิยมหรือเปล่า?

อาจจะไกลตัวไปหน่อย แต่นี่คือเรื่องจริงและเกี่ยวข้องกัน

ถามว่าใครเป็นคนทำให้ถนนข้าวสาร กลายเป็นต้นแบบการเล่นสาดน้ำตาม Concept "เครื่องเสียง โคโยตี้ ดนตรี แป้ง" จนแพร่หลายไปทั่วประเทศ เกิดเป็นสถานที่ทางการ อย่างสารพัดถนนข้าว หรือไม่เป็นทางการ แต่มีเสียงเล่าปากต่อปาก แนะนำให้มาเล่นกัน ( สาย 4 , โชคชัย 4 , เลียบคลองทวีวัฒนา , เลียบคลองรังสิต ฯลฯ บลาๆๆ )

ไม่ใช่เอกชนโดยมีรัฐส่งเสริมมาทุกยุคสมัย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวหรือ? ผมบอกไปแล้ว ฝรั่งมองว่าเทศกาลสงกรานต์คือ Water War หรือการสาดน้ำประแป้งกันอย่างบ้าคลั่ง

เราส่งเสริมจนมันหยั่งรากลึกเป็นวิถีประชาไปแล้วครับ และอะไรที่มันกลายเป็นวิถีประชา บอกเลยว่าเลิกยาก ทำได้แค่ลดๆ ปรามๆ บางส่วนเท่านั้น

ยังไม่นับนิสัยดั้งเดิมของคนไทย ที่ไร้วินัยในสายเลือด

พอ DNA ที่ไร้วินัย มาเจอกับลัทธิบริโภคนิยม - กิเลสนิยม..ก็สนุกสิว่าไหม?

-------------------------

ทุกท่านครับ อย่าว่าผมโฆษณาตัวเองเลยนะ รบกวนสละเวลาอ่านเรื่องราวที่ผมรวบรวมมาหน่อย เกี่ยวกับความจริงของสงกรานต์แบบบ้านๆ

http://ppantip.com/topic/31912456 ยาวหน่อย แต่ถ้าอ่านแล้วจะเห็นภาพชัดขึ้น ว่าจริงๆ แล้วคนไทยเป็นอย่างไร?

( ส่วนฉบับเต็มที่ผมวิพากษ์เมืองไทยไว้ 2 ตอน ถ้าใครยังไม่เบื่อผม จะลองอ่านดูก็ได้ครับ แล้วจะเห็นภาพบ้านเกิดเมืองนอนของเรา โดยเฉพาะ 50 กว่าปีมานี้ได้ชัดเจน กดตามสปอยได้เลยครับ )

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

------------------------------

ถ้าถามว่าอยากให้คุมอะไร ผมในฐานะคนชอบการเล่นตาม concept 4 - 5 อย่างนี้ อยากบอกว่า

1.ช่วยออกประกาศ ตลอด 3 วันนี้ ให้ขายเหล้าได้เฉพาะเวลา 19.00 - 24.00 น. เท่านั้น เวลาดังกล่าวคนเริ่มเลิกเล่นแล้ว ( ถ้าไม่ใช่สถานที่ที่มีที่เที่ยวกลางคืน อย่างข้าวสาร สีลม RCA ) ดังนั้นคงไม่เดือดร้อนคนที่ดื่มอยู่กับบ้าน

2.ถ้าเมาแล้วขับรถไปชนคนตาย หรือเมาแล้วกร่าง ไปมีเรื่องฆ่าคนตาย อย่าให้เป็นโทษประมาทเลย เอาโทษเจตนาเถอะ ( ทุกคนรู้ว่ากินเหล้าแล้วขาดสติ เมื่อคุณเจตนากินมัน แสดงว่าคุณย่อมรู้ว่าหลังจากนี้คุณอาจทำอะไรแย่ๆ ได้ )

ข้อ 2 นี่ขอให้ทำสม่ำเสมอ ทั้งในและนอกเทศกาลด้วย ผมว่าจะลดปัญหาคนเมาแล้วมีเรื่องได้เยอะทีเดียว

ส่วนที่เหลือ หยวนๆ กันไปเถอะครับ ถ้าไม่อนาจารถึงขั้นถอดบราโชว์นม ถกกางเกงโชว์งู เปิดเครื่องเสียงดึกๆ ดื่นๆ ยันสี่ห้าทุ่ม ก็ถือว่าให้คนอีกมากมาย เขาได้ระบายความอัดอั้นบางอย่างกันครับ

-----------------------

ปิดท้าย บอกตามตรงนะครับ..ถ้าใครทำใจกับความเป็นไปของประเทศนี้ ( จริงๆ ต้องของโลกด้วย ตอนนี้กระแสโลกกำลังหวั่นๆ คำว่า Generation ME ที่หมายถึงคนรุ่นใหม่เอาแต่ใจตัวมากขึ้น อดทนน้อยลง ฯลฯ ) ไม่ได้

ผมว่าอยู่ยากนะครับ ในยุคต่อไปที่กำลังมาถึง

ปล.ฝากกระทู้เก็บภาพบรรยากาศสงกรานต์ 2014 4 วัน นะครับ ( อาจจะเป็นแบบทีพวกท่านไม่ชอบ แต่ก็อยากให้เข้าใจบ้าง คนเราก็อยากมีช่วงเวลาหลุดโลก ทำอะไรบ้าๆ บอๆ เพื่อคลายเครียดสัก 3 วันครับ )  

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่