รีวิวฉบับล้าหลัง เนื่องจากดูออนไลน์ ไม่ได้ดูในโรงครับ (เวลาส่วนตัวไม่ตรงกับหนังฉาย แต่อยากดูมากตั้งแต่เห็นหน้าพระเอกในโปสเตอร์)
รีวิว คร่าวๆ แล้วกันนะครับ พอดีผู้เขียนก็ไม่ได้จบในด้านการทำหนังมาโดยเฉพาะด้วย ขอรีวิว แบบสามัญชนทั่วไปแล้วกัน
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ ของ มนุษย์ กับ ระบบคอมพิวเตอร์ (os) ในอานาคต(อันใกล้) ซึ่ง ผู้ดขียนคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ในส่วนที่ว่าจะรักกันได้หรือไม่ เพราะในปัจจุบัน การที่เรานั่งจิ้มๆ มือถือ ก็ไม่ต่างอะไรจากการคุยกับ os อยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ เราจะวางตัวอย่างไรในการ สานสัมพันธ์ กับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ทางกายภาพ แต่รับรู้ได้เพียงเสียงเท่านั้น
บทหนัง - หนังเรื่องนี้จะรอดหรือจะล่ม ขึ้นอยู่กับบทล้วนๆ ตัวหนังอาศัยการสื่อสารผ่านเสียงทั้งเรื่อง พูดง่ายๆ คุยกันทั้งเรื่อง แต่เป็นการคุยกันที่ไม่น่าเบื่อ โดยสิ่งที่แตกต่างจากบทหนังทั่วไปคือ นางเอก ไม่มีการแสดงออกทางด้านอื่นนอกจากน้ำเสียง(แน่นอนเพราะเป็น os) ซึ่ง Scarlett Johansson ในบท Samantha (ชื่อในos) แสดงตีบทแตกมาก การใช้น้ำเสียงแสดงอารมณ์ต่างๆ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าคงจะดีไม่ใช่น้อยถ้ามีแฟนเป็น os แล้วมีน้ำเสียงแบบนี้ก็คงจะตกหลุมรักเธอได้ง่ายๆเหมือนเช่นพระเอก
ในส่วนของพระเอก (Theodore) ครั้งแรกที่เห็น บอกตรงๆ มันทั้งเฉิ่ม และโคตรเชย แต่ มันมีเสน่ห์แบบบอกไม่ถูก การแสดงระดับพระกาฬแท้ๆ คุมทุกอย่างอยู่หมัด ทั้งการตีความตัวบท การสื่อสารระหว่างตนกับ os จนบางทีทำให้รู้สึกเหมือนพระเอกว่าSamanthaอยู่ข้างๆตัวพระเอกเสมอ หรือบางทีอาจเป็นเพราะ หนวด บนหน้าของพระเอกที่ดูเข้ากันกับความเฉิ่มในการแต่งตัวและบุคลิกที่ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ของตัวละครก็เป็นได้
ภาพ - หมนๆ เหงาๆ ทั้งเรื่อง แต่มันเป็นอารมณ์เหงา ที่ไม่น่าเบื่อแบบหนังไทย มันเหงาแบบ บอกไม่ถูก ต้องไปดูเอง
เสียง - ทั้งเอฟเฟค และเสียงเพลงประกอบ เหงาทั้งเรื่อง แม้ในขณะที่พระเอกมีความสุขก็ยังรู้สึกได้ว่าพระเอกมันยังเหงาอยู่ โดยเฉพาะเพลง The Moon Song มาถูกที่ถูกเวลาจริงๆ ทำเอาน้ำตาตกได้เลย เป็นความสุขปนความเหงาที่แปลกๆดี
สรุป
คนเหงาคนโสด ควรดู เหมาะกับคำว่า เหงายิ่งกว่าเหงา และต้องดูแบบ ซาวด์แทรค เท่านั้น อาจจะต้องตีความบ้าง ไม่ใช่ดูปุ๊ปเข้าใจปั๊ป แบบหนังรักไทยทั่วไป แต่ตัวหนังจะค่อยๆดำดิ่ง ถึงความรู้สึกของพระเอก
ถ้าเปรียบง่ายๆ หนังเรื่องนี้ ให้อารมณ์ "สุด" มากกว่า 500 day of summer
คนที่ดูแล้วไม่มีน้ำตา อาจเป็นเพราะ
1. คุณไม่เคยอกหัก
2. คุณไม่ได้ดูภาค sound track
3. คุณอาจจะตีความหนังไม่ออก
ผู้เขียนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังถึงได้รางวัลมากมาย ตอนดูจบแทบจะคิดว่ารางวัลน้อยไปด้วยซ้ำ
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่าน
[CR] รีวิว HER รักดัง ฟังชัด (ฉบับล้าหลัง) ไม่สปอย
รีวิว คร่าวๆ แล้วกันนะครับ พอดีผู้เขียนก็ไม่ได้จบในด้านการทำหนังมาโดยเฉพาะด้วย ขอรีวิว แบบสามัญชนทั่วไปแล้วกัน
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ ของ มนุษย์ กับ ระบบคอมพิวเตอร์ (os) ในอานาคต(อันใกล้) ซึ่ง ผู้ดขียนคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ในส่วนที่ว่าจะรักกันได้หรือไม่ เพราะในปัจจุบัน การที่เรานั่งจิ้มๆ มือถือ ก็ไม่ต่างอะไรจากการคุยกับ os อยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ เราจะวางตัวอย่างไรในการ สานสัมพันธ์ กับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ทางกายภาพ แต่รับรู้ได้เพียงเสียงเท่านั้น
บทหนัง - หนังเรื่องนี้จะรอดหรือจะล่ม ขึ้นอยู่กับบทล้วนๆ ตัวหนังอาศัยการสื่อสารผ่านเสียงทั้งเรื่อง พูดง่ายๆ คุยกันทั้งเรื่อง แต่เป็นการคุยกันที่ไม่น่าเบื่อ โดยสิ่งที่แตกต่างจากบทหนังทั่วไปคือ นางเอก ไม่มีการแสดงออกทางด้านอื่นนอกจากน้ำเสียง(แน่นอนเพราะเป็น os) ซึ่ง Scarlett Johansson ในบท Samantha (ชื่อในos) แสดงตีบทแตกมาก การใช้น้ำเสียงแสดงอารมณ์ต่างๆ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าคงจะดีไม่ใช่น้อยถ้ามีแฟนเป็น os แล้วมีน้ำเสียงแบบนี้ก็คงจะตกหลุมรักเธอได้ง่ายๆเหมือนเช่นพระเอก
ในส่วนของพระเอก (Theodore) ครั้งแรกที่เห็น บอกตรงๆ มันทั้งเฉิ่ม และโคตรเชย แต่ มันมีเสน่ห์แบบบอกไม่ถูก การแสดงระดับพระกาฬแท้ๆ คุมทุกอย่างอยู่หมัด ทั้งการตีความตัวบท การสื่อสารระหว่างตนกับ os จนบางทีทำให้รู้สึกเหมือนพระเอกว่าSamanthaอยู่ข้างๆตัวพระเอกเสมอ หรือบางทีอาจเป็นเพราะ หนวด บนหน้าของพระเอกที่ดูเข้ากันกับความเฉิ่มในการแต่งตัวและบุคลิกที่ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ของตัวละครก็เป็นได้
ภาพ - หมนๆ เหงาๆ ทั้งเรื่อง แต่มันเป็นอารมณ์เหงา ที่ไม่น่าเบื่อแบบหนังไทย มันเหงาแบบ บอกไม่ถูก ต้องไปดูเอง
เสียง - ทั้งเอฟเฟค และเสียงเพลงประกอบ เหงาทั้งเรื่อง แม้ในขณะที่พระเอกมีความสุขก็ยังรู้สึกได้ว่าพระเอกมันยังเหงาอยู่ โดยเฉพาะเพลง The Moon Song มาถูกที่ถูกเวลาจริงๆ ทำเอาน้ำตาตกได้เลย เป็นความสุขปนความเหงาที่แปลกๆดี
สรุป
คนเหงาคนโสด ควรดู เหมาะกับคำว่า เหงายิ่งกว่าเหงา และต้องดูแบบ ซาวด์แทรค เท่านั้น อาจจะต้องตีความบ้าง ไม่ใช่ดูปุ๊ปเข้าใจปั๊ป แบบหนังรักไทยทั่วไป แต่ตัวหนังจะค่อยๆดำดิ่ง ถึงความรู้สึกของพระเอก
ถ้าเปรียบง่ายๆ หนังเรื่องนี้ ให้อารมณ์ "สุด" มากกว่า 500 day of summer
คนที่ดูแล้วไม่มีน้ำตา อาจเป็นเพราะ
1. คุณไม่เคยอกหัก
2. คุณไม่ได้ดูภาค sound track
3. คุณอาจจะตีความหนังไม่ออก
ผู้เขียนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังถึงได้รางวัลมากมาย ตอนดูจบแทบจะคิดว่ารางวัลน้อยไปด้วยซ้ำ
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่าน