การเขียนจดหมายร้องเรียน เกี่ยวกับ พฤติกรรมเพื่อนร่วมงาน (หรือที่เรียกว่าเจ้ากรรมนายเวร)

วันนี้น้องรหัสสมัยมหาวิทยาลัยโทรมาถามเราเผื่อบริษัทเรารับคน เราเลยถามน้องว่าทำไมเปลี่ยนงานอีกแล้ว ที่เก่าเพิ่งเข้าไปได้ไม่ถึง 2 เดือน
เรางงมากเลยที่น้องจะออก เพราะปกติเค้าเป็นคนเฉยๆเรื่อยๆไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง  ที่ทำงานก่อนหน้านี้ก็ทำมาหลายปี เงินเดือนแทบไม่ขึ้น ทำงานแทบทุกอย่างแต่โดนเพื่อนร่วมงานขโมยผลงานตลอด แถมโบนัสก็น้อยนิด  ทุกคนยังต้องพยายามบิ้วน้องเค้าอยู่นานว่าความสามารถขนาดนี้ต้องออกไปทำที่ๆมีโอกาสได้พัฒนาตัวเอง กว่าน้องจะยอมเชื่อและมาได้งานที่ปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติสิงคโปร์ แต่สาขาที่น้องไปทำมีแต่คนไทยคะ

น้องอธิบายว่าเค้ามีเพื่อนร่วมงานคนนึง พี่คนนี้ทำงานที่นี่มาเกือบ 10 ปี นานกว่าหัวหน้าแผนกด้วยซ้ำ  ขอเรียกว่าพี่ปลาแล้วกันนะค่ะ
พี่ปลานั่งโต๊ะติดกับน้องเราเลย บางทีน้องเรากำลังตั้งใจเขียนรายงานอยู่ พี่ปลาก็จะมาดึงๆเก้าอี้น้องให้หันไปฟังพี่แกเม้าท์ว่าใครได้กับใคร เป็นชู้กับใคร ยกมาเล่าหมดตั้งแต่สมัย 10 ปีที่แล้ว
บางทีพี่ปลาก็จะใส่หูฟังฟังคลื่นการเมือง พอถึงจุด พี่ก็จะหันมาด่าๆๆฝ่ายตรงข้ามกรอกหูน้องเราซึ่งกำลังตั้งใจกรอกตัวเลขบัญชี พอน้องทำเป็นไม่ฟังก็ว่าน้องเป็นฝ่ายตรงข้ามอีก (อันนี้เราฟังแล้วเงิบเลยคะ)
ยังมีอีกคะ วันนี้น้องบอกทนไม่ไหวจริงๆ ตอนเช้าพี่เค้าเอาปัญหาชีวิตของผู้จัดการมาแฉแต่เช้า ไม่ว่าใครเดินผ่านโต๊ะแก พี่แกกวักมือให้หยุดฟังหมด น้องเราที่ต้องทนฟังซำ้ๆ (น้องไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไรอะไร แต่บอกว่าได้ยินแล้วมันขยะแขยง) จนถึงจุด น้องเลยบอกพี่ปลาดีๆว่าอย่าทำแบบนี้เลย ยังไงเค้าก็ทำงานกับเรา กินข้าวเที่ยงพร้อมเราทุกวัน พี่ปลากลับเหวี่ยงว่าน้องเราจริงจังเกินไป เค้าก็บอกแค่คนที่สนิทๆด้วยเท่านั้น (น้องบอกไม่จริง พี่แกเล่าหมดยันป้าแม่บ้าน)

พอช่วงบ่ายพี่ปลาแกยังแค้นฝังหุ่น มีคนมาถามว่ารู้เบอร์มอไซค์วินหน้าออฟฟิศบ้างมั๊ย? พี่ปลาแกตอบเสียงดังให้มาถามน้อง เพราะน้องนั่งวินทุกวัน สงสัยไปขอเบอร์วินมอไซค์มามั่งแหละ  แล้วหันมาถามน้องเราประมาณว่าสนิทกับคนไหนเป็นพิเศษหล่ะ?
น้องบอกตอนนั้นอึ้งไปเลย ก็เลยบอกเค้าไปว่าพี่ปลาคะ หนูไม่เอาหรอกนะคะ มอไซค์วินน่ะ
เท่านั้นแหละพี่แกใส่กลับมาเป็นชุด ว่าน้องเราอ้วนขนาดนี้ มอไซค์วินเค้าก็ไม่อยากได้หรอก เค้ากลัวรถเค้าหนัก แล้วก็ว่าน้องหุ่นใหญ่กว่าผู้ชายบางคนซะอีก
น้องบอกได้แต่ถามว่าแล้วพี่ปลามาด่าหนูทำไมเนี่ย?
พี่แกด่าต่ออีกว่าแบบน้องเราเนี่ยต้องรอฝรั่งเท่านั้น ผู้ชายไทยไม่มีใครเค้าเอาหรอก เค้าเห็นหุ่นก็กลัวแล้ว
(จริงๆน้องเราแค่อวบๆนะคะ แต่เค้าสูง 170 และผิวคล้ำเลยทำให้ไม่ดูขาว หมวย น่ารักคิกขุ)
โหหหหห เราฟังจบแล้วอยากแวะไปหาน้องที่ออฟฟิศมากเลยคะ จะได้ดูหน้าคุณพี่ปลาว่าสวยขนาดไหน
(แต่น้องบอกพี่แกตัวเล็ก สูงยังไม่ถึงไหล่น้องเลย หน้าสิวๆ จมูกบาน----เรายิ่งเงิบหนัก หน้าตาขนาดนี้ยังกล้าด่าคนอื่น)

เบื้องต้นเราแนะนำให้น้องลองคุยกับ ผจก.  แต่น้องบอกผจก.ก็จะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน
และน้องเราใจอยากจะออกจากงานเต็มที่แล้วแหละ เราก็ไมีค่อยห่วงเพราะเราว่าน้องหางานใหม่ได้สบาย
แต่มีจุดนึงคือ น้องถามว่าการกระทำของพี่ปลาเนี่ย น้องสามารถรีพอร์ทว่าเป็น verbal harassment ได้มั๊ย?
เพราะน้องบอกโดนมาเยอะมาก เดือนแรกน้องก็คิดว่าพอปรับตัวได้คงจะดีขึ้น แต่จริงๆยิ่งนานยิ่งโดน
เลยกะว่าพอหางานใหม่ได้ และ แจ้งขอลาออกเรียบร้อย จะเขียนอีเมล์ส่งสนง.ใหญ่เพื่ออธิบายอย่างเป็นเหตุผลประมาณว่ามีการใช้คำพูดดูถูกอย่างไม่มีเหตุผลและไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเป็นเหตุให้เกิดความไม่สบายใจและอับอาย  และเป็นการรบกวนการทำงาน

เรื่องนี้เราก็เห็นด้วยนะว่าควรทำ  และเราเชื่อว่ามีอีกหลายๆคนที่เจอปัญหาในที่ทำงานแบบนี้
เรามองว่ามันเป็นเรื่องของการรักษาสิทธิ์ของเราคะ
เราเองยังเคยเขียน report แจ้งเกี่ยวกับการที่หัวหน้าแผนกตวาดเราและด่าเราหยาบๆคายๆต่อหน้าทุกคน
ตอนนั้นเราก็อธิบายไปว่าเราคิดว่าการตักเตือนต้องคุยกันด้วยคำพูดที่เหมาะสม ไม่ใช้อารมณ์ และต้องคุยกันอย่างเป็นส่วนตัว
เราไม่รู้ว่าสรุปหัวหน้าโดนอะไรรึเปล่า  แต่ทางสนง.ใหญ่ (เราทำบริษัทของอเมริกาคะ) ก็ตอบกลับมาว่าจะสอบสวนคนในสาขาเพิ่มเติม และหลังจากนั้นหัวหน้าเราก็ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นมาก  แต่ตอนนี้อยู่คนละแผนกแล้วคะ

เอาเป็นว่าลองมาแชร์ปัญหาเกี่ยวกับการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมในที่ทำงานกันนะคะ และอยากรู้ว่ามีใครเคยส่งจม.แจ้งแบบเรามั๊ยคะ?
แล้วได้ผลยังไง? มาแชร์ประสบการณ์กันคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่