กระทู้ก่อนหน้านี้ของดิฉัน
http://ppantip.com/topic/31868636 มีหลายๆคนบอกว่าดิฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดี 1 ในล้าน และจบหักมุมแบบ happy ending บอกเลยว่าทุกอย่างคงไม่จบลงสวยงามแบบนี้ หากดิฉันและแฟนยังคนยึดนิสัยแบบเดิมๆกันอยู่
จากเรื่องงานแต่งงานที่ไม่ได้เป็นไปตามคาดหวัง บางคนมองว่าดิฉันมักจะโทษว่าเป็นความผิดฝ่ายชายคนเดียว ว่าทำไมไม่ดีอย่างนู้น ไม่เป็นอย่างนี้ ตอนนั้นดิฉันยอมรับคะว่าดิฉันงี่เง่า ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเราทั้งคู่ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายผิด ที่ดิฉันท้องไปโทษฝ่ายชายอย่างเดียวก็ไม่ถูกเพราะดิฉันยอมเค้าเอง ในตอนนั้นดิฉันมองทุกๆอย่างโดยเอาตัวเองเป็นใหญ่ คิดและคาดหวังในตัวของแฟนดิฉันมากจนเกินไป ดิฉันมองทุกๆอย่างในมุมของผู้หญิงคนหนึ่ง และคิดในแบบที่ฉันอยากจะให้เป็น โดยไม่เปิดใจรับความต้องการ หรือความรู้สึกของแฟนดิฉันเลยแม้แต่น้อย หลังจากแต่งงาน เราได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน มีหลายๆคนพูดไว้เลยว่าคู่นี้ยังไงก็ไม่รอด แม้กระทั่งแม่ของดิฉันบอกให้ดิฉันเผื่อใจไว้บ้าง เพราะแฟนดิฉันมีนิสัยเจ้าชู้ ตลอดเวลาที่คบหากับแฟน ดิฉันเล่าทุกๆอย่างให้แม่ฟังคะ เพราะเราสองคนสนิทกันมากมีอะไรจะคุยกันตลอด แม่ก็รับฟังดิฉันมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าใครต่อใครคาดไว้ว่าเราต้องเลิกกัน
แต่เพราะเราสองคนตกลงกันไว้ว่า หลังจากแต่งงานกันเราจะเริ่มต้นกันใหม่โดยทิ้งอดีตทั้งหมด เหมือนๆกับคบกันใหม่ๆประมาณนั้น ดิฉันตอบตกลง ถึงดิฉันจะเสียใจ เจ็บใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา และยากที่จะลืมหรือเชื่อใจเค้าอีกครั้ง แต่ดิฉันก็ยินดีจะเริ่มต้นใหม่กับเค้า เพราะตอนนี้เราไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ถึงสุดท้ายเราจะไปกันไม่รอดเราก็ได้พยายามกันเต็มทีแล้ว
ช่วงแรกๆดิฉันยังคงไม่เชื่อใจเค้า คอยจับผิดเค้า ทั้งๆที่เค้าไม่ได้มีอะไรหรือทำอะไรผิด ภาวะผู้หญิงตั้งท้องทำให้ฉันคิดไปต่างๆนาๆ ว่าเค้าจะทิ้ง ว่าเค้าจะกลับไปนอกใจอีก ทั้งๆที่เราสองคนก็อยู่ด้วยกันแทบจะ 24 ชั่วโมง ทำให้ช่วงเดือนแรกๆเราไม่มีความสุขกันเลย ทะเลาะกันแทบจะทุกวัน ดิฉันรู้ได้เลยคะว่าเค้าอึดอัดในการอยู่กับดิฉันมาก แต่เค้าก็อดทนต่อความงี่เง่าของดิฉัน
จนวันหนึ่ง วันที่ทุกๆอย่างได้เปลี่ยนไป เมื่อความอดทนเค้าหมดลง เราทะเลาะกันเรื่องไม่เชื่อใจกัน เค้าได้ระบายความโกรธที่เก็บเอาไว้มานานกับดิฉัน วันนั้นดิฉันได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเค้าคะ เค้าบอกกับดิฉันว่าเค้าพยายามทำทุกๆอย่าง อย่างเต็มทีแล้ว แต่เหมือนมันยังไม่เคยดีพอ ความผิดที่เค้าทำไว้มันไม่เคยลบล้างได้เลย เหมือนกับคนที่เคยติดคุก พอพ้นโทษแล้วคิดกลับตัวกลับใจแต่ไม่มีใครให้โอกาส ถ้าหากเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ ก็คงคบกันต่อไปไม่ได้แล้ว ตอนนั้นด้วยความโมโหดิฉันเลยไล่เค้าออกไปจากบ้านคะ เป็นการกระทำที่แย่ที่สุดที่ฉันเคยทำต่อเค้า เพราะเค้ายอมย้ายมาอยู่บ้านดิฉัน แต่ดิฉันกลับไล่เค้าออกแบบไม่ใยดี และเค้าก็ออกไปจริงๆคะ ดิฉันไม่ได้ยื้อเค้าไว้ แต่พอเค้าออกจากบ้านไป ก็มานั่งร้องไห้ฟูมฟาย หยิบโทศัพท์มาแต่ไม่โทรเพราะหยิ่งในศักดิ์ศรี แม่ดิฉันก็เข้ามาหาเพราะสองคนทะเลาะกันเสียงดังมาก ฉันจำคำพูดของแม่ดิฉันได้ดี “ถ้าเราเลิกกับเค้าไม่ได้ก็อย่าไปไล่เค้า อยากอยู่กับเค้าก็ตั้งหัดไว้ใจและเชื่อใจกัน ถ้าคอยแต่จะจับผิดคนที่ไม่มีความสุขก็คือเรานะลูก” และคำพูดของแม่ก็เตือนสติดิฉันคะ
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงดิฉันยังคงร้องไห้อยู่ และเค้าก็ยังคงไม่วี่แววที่จะกลับ ดิฉันร้องไห้จนหลับไปแต่ก็มาตกใจตื่นเพราะเสียงเปิดประตูห้อง แฟนดิฉันกลับมาคะ ดิฉันรีบเดินไปหา ในมือของเค้าถือถุง 7/11 แฟนดิฉันไม่พูดอะไรแต่กลับยื่นถุง 7/11 นั้นให้ ข้างในถุงมีนมเมจิ 2 ขวด (ตอนดิฉันท้องชอบกินนมมากคะ) พอรู้ว่าเค้าซื้อมาให้เท่านั้นล่ะ ดิฉันร้องไห้วิ่งไปกอดเค้า ที่ผ่านมาถึงทะเลาะกันแค่ไหนเค้าก็มักจะนึกถึงดิฉันตลอด ดิฉันรีบกล่าวคำขอโทษกับเค้า อย่างรู้สึกผิดจริงๆ นี้ดิฉันทำตัวงี่เง่าจนต้องเกือบเสียเค้าไปจริงๆแล้ว ที่ผ่านมาเค้าพยายามอย่างเต็มทีเพื่อให้ดิฉันพอใจ แต่ดิฉันกลับมองว่ามันไม่เคยดีพอ เราสองคนเย็นลงและคุยกันด้วยเหตุด้วยผล และเราก็พร้อมจะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง
หลังจากวันนั้นดิฉันเลิกงี่เง่าเลยคะ แบบหายขาด ไม่คอยจับผิดไม่อะไรเค้าอีกเลย ชีวิตหลังจากนั้นเหมือนเราสองคนเพิ่งรักกันใหม่ๆ ดิฉันค่อยๆเรียนรู้นิสัยใจคอของแฟน และเริ่มเข้ากับเพื่อนของเค้ามากขึ้น สนิทกับครอบครัวเค้ามากขึ้น และเค้าก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน ความสัมพันธ์ของเราสองคนดีขึ้นเรื่อยๆคะ ตลอดเวลาที่ดิฉันท้องเค้าดูแลดิฉันดีตลอด แม้กระทั่งตอนนี้ เค้าก็ยังดีกับดิฉันและเป็น Family Man มักมาก ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน เค้ามักจะต้องเอาลูกเอาดิฉันไปด้วยตลอด เค้าติดลูกสาวมากคะ
ดิฉันอาจจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีอย่างที่ใครๆบอกนะคะ แต่คงจะโชคดีแบบนี้ไม่ได้ หากดิฉันไม่เลิกนิสัยเดิมๆ ไม่ยอมปรับตัว ให้เข้ากับเค้า และเข้าใจเค้า ความเชื่อใจ ไว้ใจ ในการคบใครสักคนเป็นสิ่งสำคัญคะ หากเราเลือกที่จะคบกับเค้าต่อ ก็จงให้โอกาสเค้าใหม่อีกครั้งจริงๆ โดยเลิกยึดติดกับอดีต และเริ่มต้นกันใหม่ เหมือนกับคำพูดในละครสามีตีตราที่มีความคิดใกล้เคียงกับดิฉันคือ “ถ้าคุณจริงใจกับฉัน ฉันก็จะจริงใจกับคุณ หากวันไหนคุณไม่จริงใจกับฉัน ฉันก็จะไม่เสียเวลากับคุณ” คนเรามีสิทธิ์ที่จะเลือก และมีสิทธ์ในการได้รับโอกาส มันอยู่ที่ว่าคุณจะเลือกทางเดินแบบไหนก็เท่านั้นเอง
สะกดผิดประการใดขออภัยด้วยนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบคะ
เมื่องานแต่งไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง Part2
จากเรื่องงานแต่งงานที่ไม่ได้เป็นไปตามคาดหวัง บางคนมองว่าดิฉันมักจะโทษว่าเป็นความผิดฝ่ายชายคนเดียว ว่าทำไมไม่ดีอย่างนู้น ไม่เป็นอย่างนี้ ตอนนั้นดิฉันยอมรับคะว่าดิฉันงี่เง่า ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเราทั้งคู่ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายผิด ที่ดิฉันท้องไปโทษฝ่ายชายอย่างเดียวก็ไม่ถูกเพราะดิฉันยอมเค้าเอง ในตอนนั้นดิฉันมองทุกๆอย่างโดยเอาตัวเองเป็นใหญ่ คิดและคาดหวังในตัวของแฟนดิฉันมากจนเกินไป ดิฉันมองทุกๆอย่างในมุมของผู้หญิงคนหนึ่ง และคิดในแบบที่ฉันอยากจะให้เป็น โดยไม่เปิดใจรับความต้องการ หรือความรู้สึกของแฟนดิฉันเลยแม้แต่น้อย หลังจากแต่งงาน เราได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน มีหลายๆคนพูดไว้เลยว่าคู่นี้ยังไงก็ไม่รอด แม้กระทั่งแม่ของดิฉันบอกให้ดิฉันเผื่อใจไว้บ้าง เพราะแฟนดิฉันมีนิสัยเจ้าชู้ ตลอดเวลาที่คบหากับแฟน ดิฉันเล่าทุกๆอย่างให้แม่ฟังคะ เพราะเราสองคนสนิทกันมากมีอะไรจะคุยกันตลอด แม่ก็รับฟังดิฉันมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าใครต่อใครคาดไว้ว่าเราต้องเลิกกัน
แต่เพราะเราสองคนตกลงกันไว้ว่า หลังจากแต่งงานกันเราจะเริ่มต้นกันใหม่โดยทิ้งอดีตทั้งหมด เหมือนๆกับคบกันใหม่ๆประมาณนั้น ดิฉันตอบตกลง ถึงดิฉันจะเสียใจ เจ็บใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา และยากที่จะลืมหรือเชื่อใจเค้าอีกครั้ง แต่ดิฉันก็ยินดีจะเริ่มต้นใหม่กับเค้า เพราะตอนนี้เราไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ถึงสุดท้ายเราจะไปกันไม่รอดเราก็ได้พยายามกันเต็มทีแล้ว
ช่วงแรกๆดิฉันยังคงไม่เชื่อใจเค้า คอยจับผิดเค้า ทั้งๆที่เค้าไม่ได้มีอะไรหรือทำอะไรผิด ภาวะผู้หญิงตั้งท้องทำให้ฉันคิดไปต่างๆนาๆ ว่าเค้าจะทิ้ง ว่าเค้าจะกลับไปนอกใจอีก ทั้งๆที่เราสองคนก็อยู่ด้วยกันแทบจะ 24 ชั่วโมง ทำให้ช่วงเดือนแรกๆเราไม่มีความสุขกันเลย ทะเลาะกันแทบจะทุกวัน ดิฉันรู้ได้เลยคะว่าเค้าอึดอัดในการอยู่กับดิฉันมาก แต่เค้าก็อดทนต่อความงี่เง่าของดิฉัน
จนวันหนึ่ง วันที่ทุกๆอย่างได้เปลี่ยนไป เมื่อความอดทนเค้าหมดลง เราทะเลาะกันเรื่องไม่เชื่อใจกัน เค้าได้ระบายความโกรธที่เก็บเอาไว้มานานกับดิฉัน วันนั้นดิฉันได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเค้าคะ เค้าบอกกับดิฉันว่าเค้าพยายามทำทุกๆอย่าง อย่างเต็มทีแล้ว แต่เหมือนมันยังไม่เคยดีพอ ความผิดที่เค้าทำไว้มันไม่เคยลบล้างได้เลย เหมือนกับคนที่เคยติดคุก พอพ้นโทษแล้วคิดกลับตัวกลับใจแต่ไม่มีใครให้โอกาส ถ้าหากเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ ก็คงคบกันต่อไปไม่ได้แล้ว ตอนนั้นด้วยความโมโหดิฉันเลยไล่เค้าออกไปจากบ้านคะ เป็นการกระทำที่แย่ที่สุดที่ฉันเคยทำต่อเค้า เพราะเค้ายอมย้ายมาอยู่บ้านดิฉัน แต่ดิฉันกลับไล่เค้าออกแบบไม่ใยดี และเค้าก็ออกไปจริงๆคะ ดิฉันไม่ได้ยื้อเค้าไว้ แต่พอเค้าออกจากบ้านไป ก็มานั่งร้องไห้ฟูมฟาย หยิบโทศัพท์มาแต่ไม่โทรเพราะหยิ่งในศักดิ์ศรี แม่ดิฉันก็เข้ามาหาเพราะสองคนทะเลาะกันเสียงดังมาก ฉันจำคำพูดของแม่ดิฉันได้ดี “ถ้าเราเลิกกับเค้าไม่ได้ก็อย่าไปไล่เค้า อยากอยู่กับเค้าก็ตั้งหัดไว้ใจและเชื่อใจกัน ถ้าคอยแต่จะจับผิดคนที่ไม่มีความสุขก็คือเรานะลูก” และคำพูดของแม่ก็เตือนสติดิฉันคะ
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงดิฉันยังคงร้องไห้อยู่ และเค้าก็ยังคงไม่วี่แววที่จะกลับ ดิฉันร้องไห้จนหลับไปแต่ก็มาตกใจตื่นเพราะเสียงเปิดประตูห้อง แฟนดิฉันกลับมาคะ ดิฉันรีบเดินไปหา ในมือของเค้าถือถุง 7/11 แฟนดิฉันไม่พูดอะไรแต่กลับยื่นถุง 7/11 นั้นให้ ข้างในถุงมีนมเมจิ 2 ขวด (ตอนดิฉันท้องชอบกินนมมากคะ) พอรู้ว่าเค้าซื้อมาให้เท่านั้นล่ะ ดิฉันร้องไห้วิ่งไปกอดเค้า ที่ผ่านมาถึงทะเลาะกันแค่ไหนเค้าก็มักจะนึกถึงดิฉันตลอด ดิฉันรีบกล่าวคำขอโทษกับเค้า อย่างรู้สึกผิดจริงๆ นี้ดิฉันทำตัวงี่เง่าจนต้องเกือบเสียเค้าไปจริงๆแล้ว ที่ผ่านมาเค้าพยายามอย่างเต็มทีเพื่อให้ดิฉันพอใจ แต่ดิฉันกลับมองว่ามันไม่เคยดีพอ เราสองคนเย็นลงและคุยกันด้วยเหตุด้วยผล และเราก็พร้อมจะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง
หลังจากวันนั้นดิฉันเลิกงี่เง่าเลยคะ แบบหายขาด ไม่คอยจับผิดไม่อะไรเค้าอีกเลย ชีวิตหลังจากนั้นเหมือนเราสองคนเพิ่งรักกันใหม่ๆ ดิฉันค่อยๆเรียนรู้นิสัยใจคอของแฟน และเริ่มเข้ากับเพื่อนของเค้ามากขึ้น สนิทกับครอบครัวเค้ามากขึ้น และเค้าก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน ความสัมพันธ์ของเราสองคนดีขึ้นเรื่อยๆคะ ตลอดเวลาที่ดิฉันท้องเค้าดูแลดิฉันดีตลอด แม้กระทั่งตอนนี้ เค้าก็ยังดีกับดิฉันและเป็น Family Man มักมาก ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน เค้ามักจะต้องเอาลูกเอาดิฉันไปด้วยตลอด เค้าติดลูกสาวมากคะ
ดิฉันอาจจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีอย่างที่ใครๆบอกนะคะ แต่คงจะโชคดีแบบนี้ไม่ได้ หากดิฉันไม่เลิกนิสัยเดิมๆ ไม่ยอมปรับตัว ให้เข้ากับเค้า และเข้าใจเค้า ความเชื่อใจ ไว้ใจ ในการคบใครสักคนเป็นสิ่งสำคัญคะ หากเราเลือกที่จะคบกับเค้าต่อ ก็จงให้โอกาสเค้าใหม่อีกครั้งจริงๆ โดยเลิกยึดติดกับอดีต และเริ่มต้นกันใหม่ เหมือนกับคำพูดในละครสามีตีตราที่มีความคิดใกล้เคียงกับดิฉันคือ “ถ้าคุณจริงใจกับฉัน ฉันก็จะจริงใจกับคุณ หากวันไหนคุณไม่จริงใจกับฉัน ฉันก็จะไม่เสียเวลากับคุณ” คนเรามีสิทธิ์ที่จะเลือก และมีสิทธ์ในการได้รับโอกาส มันอยู่ที่ว่าคุณจะเลือกทางเดินแบบไหนก็เท่านั้นเอง
สะกดผิดประการใดขออภัยด้วยนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบคะ