เงิบบบบบ สังคมป่วยหนักแล้ว --- เครือข่ายผู้ปกครองสตรีวิทยา 2 ป้องผอ. จวกสื่อทำเสียชื่อ ---

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรชัย กำลังเก่ง ประธานคณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ออกแถลงการณ์ หลังจากที่ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับข่าวสาร และข้อมูลโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ในขณะนี้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องวงโยธวาทิต ที่กำลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม

โดยที่ประชุมได้มีมติให้ นายพชรพงศ์ ตรีเทพา ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ต่อไป เนื่องจากนายพชรพงศ์ มีผลงานด้านการบริหารอย่างชัดเจน แม้จะเข้ามาดำรงตำแหน่งเพียง 8 เดือน เท่านั้น โดยเครือข่ายผู้ปกครองได้เข้ามอบดอกไม้เป็นกำลังใจให้นายพชรพงษ์ด้วย

นอกจากนี้ ประธานกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง ยังกล่าวอีกว่า ในขณะนี้ มีกลุ่มบุคคล รวมถึงสื่อมวลชนได้เผยแพร่ข้อมูล และข่าวสารอันส่งผลให้โรงเรียนเกิดความเสื่อมเสียจนทำให้กลุ่มผู้ปกครองมีความคลาดเคลื่อน อย่างไรก็ตาม โรงเรียนจะมีการรวบรวมหลักฐาน เพื่อส่งไปยังกระทรวงศึกษาธิการ โดยจะชี้แจง และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น

อมยิ้ม05อมยิ้ม05อมยิ้ม05อมยิ้ม05

ทำไมผู้ใหญ่เหล่านี้ใช้ชีวิตได้น่าสมเพชจังเลย เม่าปัดรังควาน

สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่ ณ วัดพระเชตวัน มีอุบาสก 5 คนเป็นเพื่อนกัน มานั่งฟังธรรม ทั้ง 5 คนต่างมีกิริยาอาการต่าง ๆ กัน

คนหนึ่งนั่งหลับ
คนหนึ่งนั่งเอานิ้วเขียนพื้นดินเล่น
คนหนึ่งนั่งเขย่า ต้นไม้
คนหนึ่งนั่งแหงนดูท้องฟ้า
มีเพียงคนเดียวที่นังฟังธรรมด้วย อาการสงบ

พระอานนท์กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า "ทำไมอุบาสกเหล่านี้จึงแสดงกิริยาเช่นนั้น" พระพุทธเจ้าจึงทรงเล่าอดีตชาติของอุบาสกแต่ละคนว่า

อุบาสกที่นั่งหลับ เคยเกิดเป็นงูมาแล้วหลายร้อยชาติ เขาหลับมาหลายร้อยชาติแล้วก็ยังไม่อิ่ม แม้แต่ฟังเทศน์พระพุทธเจ้า ธรรมะก็ไม่เข้าหู ยังหลับอยู่อย่างนั้น

อุบาสกที่นั่งเอานิ้วเขียน พื้นดิน เคยเกิดเป็นไส้เดือนมาหลายร้อยชาติ นั่งเอานิ้วเขียนบนพื้นดินเล่นอยู่อย่างนั้น ด้วยอำนาจความประพฤติที่ตัวเคยทำมา ก็ไม่ได้ยินธรรมะของพระพุทธเจ้าเช่นกัน

อุบาสกที่นั่งเขย่าต้นไม้อยู่นั้น เกิดเป็นลิงมาแล้วหลายร้อยชาติ ถึงบัดนี้ก็ยังเขย่าต้นไม้อยู่ ไม่ได้ยินธรรมะของพระพุทธเจ้าเช่นกัน

อุบาสกที่นังแหงนดูท้องฟ้านั้น เคยเกิดเป็นพราหมณ์บอกฤกษ์ด้วยการดูดาวมาหลายร้อยชาติ ถึงบัดนี้ก็ยังคงนั่งดูท้องฟ้าอยู่ ไม่ได้ยินธรรมะของพระพุทธเจ้า

อุบาสกที่นั่งฟังธรรมอย่างสงบด้วยความเคารพ เคยเกิดเป็นพราหมณ์ศึกษาธรรมะและปรัชญา ค้นคว้าหาความจริงมาหลายร้อยชาติ มาบัดนี้ได้พบพระพุทธเจ้า ตั้งใจฟังธรรมด้วยดี จนได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะนึกสงสัยว่า ชาติก่อนเราเกิดเป็นอะไรหนอ

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นเรื่องยาก ต้องมีบุญมาก อุปมาเหมือนเต่าตาบอดตัวหนึ่งดำน้ำอยู่ในทะเล ทุกๆ 100 ปี เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่หัวขึ้นมาจากทะเลครั้งหนึ่ง ในทะเลมีห่วงเล็กๆ ขนาดใหญ่กว่าหัวเต่าหน่อยหนึ่งลอยอยู่ 1 ห่วง โอกาสที่เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่ขึ้นมา แล้วหัวสวมเข้ากับห่วงพอดียากเพียงใด โอกาสนั้นก็ยังมีมากกว่า การที่เหล่าสรรพสัตว์จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์

ในฐานะมนุษย์ไม่มากก็น้อยที่ใจของเราได้มีประสบการณ์ในภพชาติอื่น ๆ ทั้งที่ต่ำกว่าและสูงกว่าภพมนุษย์ เรามีปัญญาที่จะรู้ได้จากประสบการณ์ของเราแล้วว่าอะไรดี อะไรไม่ดี

การเกิดเป็นมนุษย์ถ้าดีก็ดีได้มากๆ แต่ก็น่ากลัวเหมือนกัน เพราะถ้าประมาทก็ทำชั่วได้มาก ถ้าไม่ประมาท รักษาศีล 5 ทำความดี สร้างบารมี ตั้งใจพัฒนาชีวิตจิตใจแล้วก็สามารถมีประสบการณ์สูงขึ้น เป็นเทวดา พรหม ตลอดจนเข้าถึงอริยมรรค อริยผล บรรลุนิพพานได้ มนุษย์จึงเป็นชาติที่มีทางเลือก

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
เป็นการยากที่ได้เกิดเป็นมนุษย์
เป็นการยากที่ชีวิตสัตว์จะได้ อยู่สบาย
เป็นการยากที่จะได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ
เป็นการยากที่พระ พุทธเจ้าจะอุบัติมา

เมื่อรู้เช่นนี้แล้วเราจึงควรเห็นคุณค่าของการเกิดเป็นมนุษย์ อย่าให้เสียโอกาส เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เอาใจใส่รักษาความเป็นมนุษย์ไว้ให้มั่นคง

ดังนั้นสำหรับการเกิดเป็นมนุษย์ในชาติหนึ่ง การเลือกทางดำเนินชีวิตของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

การอุบัติของพระพุทธเจ้ามีได้ยาก
การได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นของยาก
การได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วพบพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งกว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่