ถ้าเป็นผมนะครับ ผมจะสนับสนุนออกแคมเปญอะไรก็ได้ที่สนับสนุนให้มีร้านเช่าหนังสือเยอะๆๆ ให้มากที่สุดครับ
พิจารณาจากค่าครองชีพปัจจุบันที่กระดาษแพงขึ้น หนังสือแต่ละเล่มราคาสูงมาก ทำให้การตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนึงไม่ง่ายเลย จนทำให้คนชอบไปอ่านฟรีในเรื่องที่ชอบ
ถ้าเราจับจุดนี้ได้ การมีร้านเช่าเยอะและสามารถซื้อได้ในราคาส่วนลดพิเศษจะทำให้หนังสือขายได้จำนวนแน่นอน ตามจำนวนร้านเช่าที่มีอยู่ หรือจะส่งหนังสือให้ฟรีแล้วแบ่งเปอร์เซ็นต์ค่าเช่าจากร้านเช่าก็ได้
ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์เพราะว่ามีหนังสือดีๆให้อ่านโดยจ่ายเพียงน้อยนิด ไม่ต้องไปรีบๆอ่านในร้านให้เสียอารมณ์แถมคนดูถูกด้วยสายตาอีก
ทางซีเอ็ดก็จะได้รับผลประโยชน์เพราะนอกจากยอดขายหนังสือออกจะกำหนดได้คงตัวแล้วตามจำนวนร้านเช่าที่มีขึ้น หากปรากฎว่าเล่มไหนเขียนดีมากๆ คนที่เช่าอ่านก็จะไปหาซื้อเล่มใหม่เก็บไว้อ่านซ้ำนานๆบ่อยๆเอง
จากประสบการณ์ที่ผมปัจจุบันเช่าหนังสืออ่าน ทั้งการลงทุน การ์ตูน หากพบว่าเล่มไหนดีหรือสนุกผมก็จะไปซื้อเล่มใหม่เป็นของตัวเอง เนื่องจากไม่ต้องเสี่ยงว่าซื้อแล้วไม่คุ้มเงิน เล่มไหนเขียนห่วย แย่ ก็เสียเงินอ่านรอบเดียวจบไม่ต้องเจ็บใจที่เลือกผิด เหมือนกับการให้ผู้บริโภคได้ทดลองสินค้าก่อน
สำนักพิมพ์ก็จะได้พัฒนาเนื้อหาให้ออกแต่หนังสือดีๆไม่ใช่ฉาบฉวยออกมา
คิดแบบนี้แล้วได้ประโยชน์ทุกฝ่ายครับ ทั้งสำนักพิมพ์ ร้านจำหน่าย ร้านเช่า ผู้บริโภค แถมยกระดับหนังสือคุณภาพในท้องตลาดด้วย
หรือซีเอ็ดจะแบ่งเนื้อที่ไว้ให้เช่าเลยก็ได้ ยิ่งพิมพ์ออกมาเองต้นทุนยิ่งถูก ค่าเช่าก็แบ่งให้ผู้เขียนไปด้วย ถ้างานคุณภาพดีจริงคนเช่าเยอะแน่ครับ หนังสือที่ออกแต่ละสัปดาห์ก็จะมีแต่หนังสือดีๆไม่มักง่ายทำออกมา
ผมคิดทางแก้แบบนี้นะ
อ้อ จัดการพวกชอบอ่านฟรีไปด้วย ไม่ควรไปเกรงใจ
ผมพึ่งไปเช่าอ่านหนังสือเกี่ยวกับสตาร์คบัค (ถอยหลังเพื่อก้าวไปข้างหน้า ชื่อหนังสือประมาณนี้ครับ)ซีเอ็ดสถาณการณ์แทบจะเหมือนสตาร๋บัคเมื่อก่อนเลยด้วยซ้ำที่ผลประกอบการตก ยอดขายเริ่มหายในแต่ละสาขา ราคาหุ้นตกลงมากว่าครึ่งนึง แต่เล่มนี้บอกตรงๆว่าคงไม่ซื้อหรือจะให้ซื้อคงต้องคิดหนักๆเลยเพราะอ่านไปเหมือนกับหนังสือชีวประวัติมากกว่า แทบไม่ได้ข้อคิดเรื่องธุรกิจอะไรมากเท่าไร(แต่มีคำบ่งบอกจากสำนักพิมพ์ว่าเป็นหนังสือฮาวทู)
ถ้าผมเสียเงินร่วมสามร้อยเพื่ออ่านประวัติสตาร์คบัคผมคงเสียดายมากเพราะคงไม่คิดกลับไปอ่านแล้ว แต่ถ้าเช่าก็ถือว่าคุ้มกับไอเดียบางอย่างในการพลิกกับมามีกำไรของสตาร์คบัคครับ
ในเรื่องนี้หากซีเอ็ดลองพิจารณาแนวทางสตาร์คบัคว่าตนเองนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับหนังสือ ควรกลับไปหาหนังสือไม่ใช่แตกไลน์ในสิ่งที่ตนไม่ถนัด ประเภทเอาของอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับหนังสือมาขาย ผมไม่ค่อยสนใจนะเพราะข้างนอกก็มีขายเยอะแยะแถมราคาถุกกว่าอีกด้วย ส่วนจัดสถาบันอบรมอันนี้ก็พอยอมรับได้ แต่ถ้าจะเปลี่ยนแนวทางไปผมว่าไม่น่ารอดครับ คู่แข่งที่เป็นสถาบันอบรมมีก่อนมานานแล้วและมีเยอะมาก
ถ้าท่านเป็นผู้บริหารซีเอ็ดจะหาทางแก้ไขสถาณการณ์ปัจจุบันอย่างไรครับ
พิจารณาจากค่าครองชีพปัจจุบันที่กระดาษแพงขึ้น หนังสือแต่ละเล่มราคาสูงมาก ทำให้การตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนึงไม่ง่ายเลย จนทำให้คนชอบไปอ่านฟรีในเรื่องที่ชอบ
ถ้าเราจับจุดนี้ได้ การมีร้านเช่าเยอะและสามารถซื้อได้ในราคาส่วนลดพิเศษจะทำให้หนังสือขายได้จำนวนแน่นอน ตามจำนวนร้านเช่าที่มีอยู่ หรือจะส่งหนังสือให้ฟรีแล้วแบ่งเปอร์เซ็นต์ค่าเช่าจากร้านเช่าก็ได้
ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์เพราะว่ามีหนังสือดีๆให้อ่านโดยจ่ายเพียงน้อยนิด ไม่ต้องไปรีบๆอ่านในร้านให้เสียอารมณ์แถมคนดูถูกด้วยสายตาอีก
ทางซีเอ็ดก็จะได้รับผลประโยชน์เพราะนอกจากยอดขายหนังสือออกจะกำหนดได้คงตัวแล้วตามจำนวนร้านเช่าที่มีขึ้น หากปรากฎว่าเล่มไหนเขียนดีมากๆ คนที่เช่าอ่านก็จะไปหาซื้อเล่มใหม่เก็บไว้อ่านซ้ำนานๆบ่อยๆเอง
จากประสบการณ์ที่ผมปัจจุบันเช่าหนังสืออ่าน ทั้งการลงทุน การ์ตูน หากพบว่าเล่มไหนดีหรือสนุกผมก็จะไปซื้อเล่มใหม่เป็นของตัวเอง เนื่องจากไม่ต้องเสี่ยงว่าซื้อแล้วไม่คุ้มเงิน เล่มไหนเขียนห่วย แย่ ก็เสียเงินอ่านรอบเดียวจบไม่ต้องเจ็บใจที่เลือกผิด เหมือนกับการให้ผู้บริโภคได้ทดลองสินค้าก่อน
สำนักพิมพ์ก็จะได้พัฒนาเนื้อหาให้ออกแต่หนังสือดีๆไม่ใช่ฉาบฉวยออกมา
คิดแบบนี้แล้วได้ประโยชน์ทุกฝ่ายครับ ทั้งสำนักพิมพ์ ร้านจำหน่าย ร้านเช่า ผู้บริโภค แถมยกระดับหนังสือคุณภาพในท้องตลาดด้วย
หรือซีเอ็ดจะแบ่งเนื้อที่ไว้ให้เช่าเลยก็ได้ ยิ่งพิมพ์ออกมาเองต้นทุนยิ่งถูก ค่าเช่าก็แบ่งให้ผู้เขียนไปด้วย ถ้างานคุณภาพดีจริงคนเช่าเยอะแน่ครับ หนังสือที่ออกแต่ละสัปดาห์ก็จะมีแต่หนังสือดีๆไม่มักง่ายทำออกมา
ผมคิดทางแก้แบบนี้นะ
อ้อ จัดการพวกชอบอ่านฟรีไปด้วย ไม่ควรไปเกรงใจ
ผมพึ่งไปเช่าอ่านหนังสือเกี่ยวกับสตาร์คบัค (ถอยหลังเพื่อก้าวไปข้างหน้า ชื่อหนังสือประมาณนี้ครับ)ซีเอ็ดสถาณการณ์แทบจะเหมือนสตาร๋บัคเมื่อก่อนเลยด้วยซ้ำที่ผลประกอบการตก ยอดขายเริ่มหายในแต่ละสาขา ราคาหุ้นตกลงมากว่าครึ่งนึง แต่เล่มนี้บอกตรงๆว่าคงไม่ซื้อหรือจะให้ซื้อคงต้องคิดหนักๆเลยเพราะอ่านไปเหมือนกับหนังสือชีวประวัติมากกว่า แทบไม่ได้ข้อคิดเรื่องธุรกิจอะไรมากเท่าไร(แต่มีคำบ่งบอกจากสำนักพิมพ์ว่าเป็นหนังสือฮาวทู)
ถ้าผมเสียเงินร่วมสามร้อยเพื่ออ่านประวัติสตาร์คบัคผมคงเสียดายมากเพราะคงไม่คิดกลับไปอ่านแล้ว แต่ถ้าเช่าก็ถือว่าคุ้มกับไอเดียบางอย่างในการพลิกกับมามีกำไรของสตาร์คบัคครับ
ในเรื่องนี้หากซีเอ็ดลองพิจารณาแนวทางสตาร์คบัคว่าตนเองนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับหนังสือ ควรกลับไปหาหนังสือไม่ใช่แตกไลน์ในสิ่งที่ตนไม่ถนัด ประเภทเอาของอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับหนังสือมาขาย ผมไม่ค่อยสนใจนะเพราะข้างนอกก็มีขายเยอะแยะแถมราคาถุกกว่าอีกด้วย ส่วนจัดสถาบันอบรมอันนี้ก็พอยอมรับได้ แต่ถ้าจะเปลี่ยนแนวทางไปผมว่าไม่น่ารอดครับ คู่แข่งที่เป็นสถาบันอบรมมีก่อนมานานแล้วและมีเยอะมาก