ในฐานะที่ผมปิดเทอมอย่างเป็นทางการเสียที เลยมานั่งคิดๆดูถึงวันแรกของการเป็นนักศึกษาหนะครับ เลยอยากจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง มาร่วมแชร์เรื่องราวกันนะครับ
วันนั้นผมยังจำได้ดีเลยครับ เพราะอะไรหนะหรือ เพราะมันคือวันเริ่มต้นชีวิตของผมในรั่วมหาวิทยาลัยเชียวนะครับพี่น้องครับ มหาวิทยาลัยที่ผมเรียน อยู่ใกล้ๆบ้านผมนี้แหละครับ “สถาบันชื่อดังใกล้สุวรรณภูมิที่มีรถไฟตัดผ่าน”
จากกางเกงขาสั้นได้เปลี่ยนเป็นขายาว ผมรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องและทึกทักกับตัวเองว่า เรานี้ “โก้” ไม่เบา ผมยิ้มกับตัวเองแล้วรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ รีบอาบน้ำให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้มาใส่เครื่องแบบนักศึกษาของผมเสียที...30 นาทีผ่านไปผมก็อาบน้ำเสร็จ (นี้แกว่าแกรีบอาบแล้วหรอ??) ก็แหม่ วันแรกของการเปิดเรียนมันก็ต้องแต่งหล่อกันหน่อยใช่ไหมละครับ เอาหละทีนี้ก็ได้เวลาใส่ชุดนักศึกษาที่แขวนรอผมอยู่นานแล้ว เมื่อแต่งตัวเสร็จผมยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกซักพัก พร้อมบอกกับตัวเองว่า ไอ้แห้งที่อยู่ในกระจกนั้น กำลังจะกลายเป็นนักศึกษาแล้วนะ
ผมสวัสดีคุณแม่พร้อมกับได้รับคำแซวนิดหน่อย และเมื่อขาทั้งสองข้างก้าวพ้นประตูหน้าบ้าน ผมสูดหายใจลึกและก้าวขาออกเดินอย่างมั่นใจ เพื่อรอรถไปยังมหาวิทยาลัย...5 นาทีผ่านไป เริ่มมีนักศึกษามารอรถเป็นเพื่อนผม ... 10 นาทีผ่านไป คนที่มารอรถเริ่มกลายเป็นมวลมหานักศึกษา ... 30 นาทีผ่านไป ผมและประชากรนักศึกษาทั้งหลายที่จะต้องขึ้นรถคันเดียวกันก็เริ่มกลายสภาพเป็นยีราฟ แต่ละคนยืดคอกันสุดชีวิตเพื่อที่จะมองไปยังหัวโค้ง ทำไมพวกเราถึงต้องทำเช่นนั้นหรือครับ ก็เพราะว่ารถที่ควรจะพาผมไปยังมหาวิทยาลัยยังไม่มาเสียที ไม่รู้ว่าคนขับรถลืมไปหรืออย่างไรว่าตนเองจะต้องทำมาหากิน ขอท้าวความซักหน่อยนะครับ รถที่จะพาผมและพี่น้องทั้งหลายไปมหาวิทยาลัยนั้น คือรถสาย “555” เห็นมีสายแบบนี้ไม่ใช่รถเมล์หรอกนะครับ แต่คือรถสองแถวสีม่วง - ขาว ที่มีตัวเลข “555” ติดอยู่ทุกคัน
ขณะนี้เวลา 8.30 น. แล้ว คุณพระคุณเจ้าผมมีเรียน 9 โมงนะ ใครจะอยากไปเรียนสายตั้งแต่วันแรกของการเปิดเทอมกัน สงสัยพรุ่งนี้ผมต้องออกเช้ากว่าเดิมเสียแล้ว ระหว่างที่ผมกำลังพึมพำอยู่คนเดียวนั้นเอง ก็มีเสียงผู้หญิงหวีดร้องขึ้นมาพร้อมกันตะโกนบอกเพื่อนของเธอว่า “รถมาแล้ว!!!!” แต่เสียงของเธอนั้นผมมั่นใจว่าคนในละแวกนั้นสามารถได้ยินกันอย่างชัดเจนแน่นอน แต่จะอะไรก็ช่างเถอะครับ ตอนนี้ผมโคตรดีใจและอยากจะหวีดร้องออกมาเหมือนเธอคนนั้นเหลือเกิน ภาพรถที่เคลื่อนที่เข้ามาหาเรา และบนใบหน้าของทุกคนค่อยๆฉีกยิ้มราวกับภาพสโลโมชั่น แต่ทำไมสภาพรถมันแปลกๆ ทำไมรถมันเหมือนจะแหงนหน้าขึ้น คำตอบชัดเจนตอนที่รถมาจอดตรงหน้าผม พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนหายไปแทบจะในทันที เพราะรถสองแถวสาย 555 ที่มาปรากฏต่อหน้าทุกคนนั้นอัดแน่นไปด้วยนักศึกษาจำนวนมากที่อยู่ในรถและตรงทางขึ้น ผมอยากจะเอามือตบหน้าผากตัวเองแรงๆซักทีและหวังให้ตัวเองตื่นจากฝัน แต่นี้คือความจริง หากจะรอรถคันต่อไปเห็นทีจะไม่ต้องไปร่ำไปเรียนกัน คิดได้ดังนี้มวลมหานักศึกษาทั้งหลายก็ต้องยัดตัวเองเข้าไปในรถให้ได้ จากรถสองแถวกลายเป็นรถ 3 แถว จากรถ 3 แถว กลายเป็นรถ 4 แถว นี้ผมกำลังยืนอยู่บนรถ 4 แถวเชียวนะ T^T ให้ตายเถอะครับ ตอนนี้พื้นที่ที่ผมยืนอยู่บนรถคันนี้คือ "ขาข้างเดียว” ส่วนขาอีกข้างต้องก็เอามาวางบนขาที่ยืนอยู่ มือสองข้างต้องจับราวไว้ให้มั่น ตอนนี้แทบจะทุกคนอยู่ในสภาพเดียวกับผม และด้วยอากาศในประเทศกรุงเทพที่สุดแสนจะเย็นสบาย? ผมลองมองท่ายืนของตัวเองและมือทั้งสองข้างที่ยกขึ้นเพื่อจับราวรถ เมื่อรถเลี้ยวที ตัวพวกเราก็เอนไปทางที่รถเลี้ยว ลองนึกภาพตามนะครับ คนยืนด้วยขาข้างเดียวและชูมือสองข้างขึ้น โยกตัวไปมา บวกกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้ผมนึกนึง “โยคะร้อน” ที่กำลังเป็นที่นิยมกัน ผมคิดว่าผมต้องผอมแน่ๆถ้าไปเรียนด้วยสภาพนี้ทุกๆวัน ใครอยากผอมได้ไม่ต้องอดมาโยคะร้อนแบบผมสิครับ แต่มีคำเตือนนะครับ การเล่นโยคะร้อนนี้ไม่เหมาะกับมนุษย์ตัวเล็ก หรือส่วนสูงน้อย เพราะเท่าที่ผมสังเกตมา คนตัวเล็กทั้งหลายดูเหมือนจะขาดอากาศหายใจและเสี่ยงต่อการเป็นลมนะครัชชชชชช
แต่ภาพน่ารักๆที่ผมมักจะเห็นอยู่บ่อยๆนั่นก็คือ ภาพที่นักศึกษาชายลุกให้นักศึกษาหญิง และเมื่อมีเด็ก,คนท้อง,และคนชราพวกเขาและเธอก็รีบลุกให้ ถึงแม้ว่าพวกเขาและเธอจะหอบชีทกองโต แบกโน๊ตบุคที่โคตรหนักไปเรียน (และเมื่อยืนแล้วก็ทำใจเล่นโยคะร้อนได้เลย) สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยครับ แต่มันเป็นภาพๆหนึ่งที่ทำให้ผมยิ้มไปกับการเล่นโยคะร้อนบนรถคันนี้
กว่าจะไปถึงมหาวิทยาลัย ไอ้ที่แต่งหล่อมา ไปหมดละครับ หน้าเยิ้มมันไปด้วยเหงื่อ นี้ถ้าน้ำหอมใครไม่ดีจริงนี้เอาไม่อยู่นะครับ 55555
คุณยังจำวันแรกของการไปเรียนมหาวิทยาลัยได้หรือไม่?
วันนั้นผมยังจำได้ดีเลยครับ เพราะอะไรหนะหรือ เพราะมันคือวันเริ่มต้นชีวิตของผมในรั่วมหาวิทยาลัยเชียวนะครับพี่น้องครับ มหาวิทยาลัยที่ผมเรียน อยู่ใกล้ๆบ้านผมนี้แหละครับ “สถาบันชื่อดังใกล้สุวรรณภูมิที่มีรถไฟตัดผ่าน”
จากกางเกงขาสั้นได้เปลี่ยนเป็นขายาว ผมรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องและทึกทักกับตัวเองว่า เรานี้ “โก้” ไม่เบา ผมยิ้มกับตัวเองแล้วรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ รีบอาบน้ำให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้มาใส่เครื่องแบบนักศึกษาของผมเสียที...30 นาทีผ่านไปผมก็อาบน้ำเสร็จ (นี้แกว่าแกรีบอาบแล้วหรอ??) ก็แหม่ วันแรกของการเปิดเรียนมันก็ต้องแต่งหล่อกันหน่อยใช่ไหมละครับ เอาหละทีนี้ก็ได้เวลาใส่ชุดนักศึกษาที่แขวนรอผมอยู่นานแล้ว เมื่อแต่งตัวเสร็จผมยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกซักพัก พร้อมบอกกับตัวเองว่า ไอ้แห้งที่อยู่ในกระจกนั้น กำลังจะกลายเป็นนักศึกษาแล้วนะ
ผมสวัสดีคุณแม่พร้อมกับได้รับคำแซวนิดหน่อย และเมื่อขาทั้งสองข้างก้าวพ้นประตูหน้าบ้าน ผมสูดหายใจลึกและก้าวขาออกเดินอย่างมั่นใจ เพื่อรอรถไปยังมหาวิทยาลัย...5 นาทีผ่านไป เริ่มมีนักศึกษามารอรถเป็นเพื่อนผม ... 10 นาทีผ่านไป คนที่มารอรถเริ่มกลายเป็นมวลมหานักศึกษา ... 30 นาทีผ่านไป ผมและประชากรนักศึกษาทั้งหลายที่จะต้องขึ้นรถคันเดียวกันก็เริ่มกลายสภาพเป็นยีราฟ แต่ละคนยืดคอกันสุดชีวิตเพื่อที่จะมองไปยังหัวโค้ง ทำไมพวกเราถึงต้องทำเช่นนั้นหรือครับ ก็เพราะว่ารถที่ควรจะพาผมไปยังมหาวิทยาลัยยังไม่มาเสียที ไม่รู้ว่าคนขับรถลืมไปหรืออย่างไรว่าตนเองจะต้องทำมาหากิน ขอท้าวความซักหน่อยนะครับ รถที่จะพาผมและพี่น้องทั้งหลายไปมหาวิทยาลัยนั้น คือรถสาย “555” เห็นมีสายแบบนี้ไม่ใช่รถเมล์หรอกนะครับ แต่คือรถสองแถวสีม่วง - ขาว ที่มีตัวเลข “555” ติดอยู่ทุกคัน
ขณะนี้เวลา 8.30 น. แล้ว คุณพระคุณเจ้าผมมีเรียน 9 โมงนะ ใครจะอยากไปเรียนสายตั้งแต่วันแรกของการเปิดเทอมกัน สงสัยพรุ่งนี้ผมต้องออกเช้ากว่าเดิมเสียแล้ว ระหว่างที่ผมกำลังพึมพำอยู่คนเดียวนั้นเอง ก็มีเสียงผู้หญิงหวีดร้องขึ้นมาพร้อมกันตะโกนบอกเพื่อนของเธอว่า “รถมาแล้ว!!!!” แต่เสียงของเธอนั้นผมมั่นใจว่าคนในละแวกนั้นสามารถได้ยินกันอย่างชัดเจนแน่นอน แต่จะอะไรก็ช่างเถอะครับ ตอนนี้ผมโคตรดีใจและอยากจะหวีดร้องออกมาเหมือนเธอคนนั้นเหลือเกิน ภาพรถที่เคลื่อนที่เข้ามาหาเรา และบนใบหน้าของทุกคนค่อยๆฉีกยิ้มราวกับภาพสโลโมชั่น แต่ทำไมสภาพรถมันแปลกๆ ทำไมรถมันเหมือนจะแหงนหน้าขึ้น คำตอบชัดเจนตอนที่รถมาจอดตรงหน้าผม พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนหายไปแทบจะในทันที เพราะรถสองแถวสาย 555 ที่มาปรากฏต่อหน้าทุกคนนั้นอัดแน่นไปด้วยนักศึกษาจำนวนมากที่อยู่ในรถและตรงทางขึ้น ผมอยากจะเอามือตบหน้าผากตัวเองแรงๆซักทีและหวังให้ตัวเองตื่นจากฝัน แต่นี้คือความจริง หากจะรอรถคันต่อไปเห็นทีจะไม่ต้องไปร่ำไปเรียนกัน คิดได้ดังนี้มวลมหานักศึกษาทั้งหลายก็ต้องยัดตัวเองเข้าไปในรถให้ได้ จากรถสองแถวกลายเป็นรถ 3 แถว จากรถ 3 แถว กลายเป็นรถ 4 แถว นี้ผมกำลังยืนอยู่บนรถ 4 แถวเชียวนะ T^T ให้ตายเถอะครับ ตอนนี้พื้นที่ที่ผมยืนอยู่บนรถคันนี้คือ "ขาข้างเดียว” ส่วนขาอีกข้างต้องก็เอามาวางบนขาที่ยืนอยู่ มือสองข้างต้องจับราวไว้ให้มั่น ตอนนี้แทบจะทุกคนอยู่ในสภาพเดียวกับผม และด้วยอากาศในประเทศกรุงเทพที่สุดแสนจะเย็นสบาย? ผมลองมองท่ายืนของตัวเองและมือทั้งสองข้างที่ยกขึ้นเพื่อจับราวรถ เมื่อรถเลี้ยวที ตัวพวกเราก็เอนไปทางที่รถเลี้ยว ลองนึกภาพตามนะครับ คนยืนด้วยขาข้างเดียวและชูมือสองข้างขึ้น โยกตัวไปมา บวกกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้ผมนึกนึง “โยคะร้อน” ที่กำลังเป็นที่นิยมกัน ผมคิดว่าผมต้องผอมแน่ๆถ้าไปเรียนด้วยสภาพนี้ทุกๆวัน ใครอยากผอมได้ไม่ต้องอดมาโยคะร้อนแบบผมสิครับ แต่มีคำเตือนนะครับ การเล่นโยคะร้อนนี้ไม่เหมาะกับมนุษย์ตัวเล็ก หรือส่วนสูงน้อย เพราะเท่าที่ผมสังเกตมา คนตัวเล็กทั้งหลายดูเหมือนจะขาดอากาศหายใจและเสี่ยงต่อการเป็นลมนะครัชชชชชช
แต่ภาพน่ารักๆที่ผมมักจะเห็นอยู่บ่อยๆนั่นก็คือ ภาพที่นักศึกษาชายลุกให้นักศึกษาหญิง และเมื่อมีเด็ก,คนท้อง,และคนชราพวกเขาและเธอก็รีบลุกให้ ถึงแม้ว่าพวกเขาและเธอจะหอบชีทกองโต แบกโน๊ตบุคที่โคตรหนักไปเรียน (และเมื่อยืนแล้วก็ทำใจเล่นโยคะร้อนได้เลย) สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยครับ แต่มันเป็นภาพๆหนึ่งที่ทำให้ผมยิ้มไปกับการเล่นโยคะร้อนบนรถคันนี้
กว่าจะไปถึงมหาวิทยาลัย ไอ้ที่แต่งหล่อมา ไปหมดละครับ หน้าเยิ้มมันไปด้วยเหงื่อ นี้ถ้าน้ำหอมใครไม่ดีจริงนี้เอาไม่อยู่นะครับ 55555