เรื่องที่น่าเหลือเชื่อคือ ยังมีผู้คนในโลกนี้
ที่ไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องอินเตอร์แนต หรือโทรศัพท์มือถือ
ผู้คนพวกนี้คือ ชนเผ่า ที่ตัดขาดจากโลกาภิวัฒน์อย่างสมบูรณ์
และไม่ยินดีต้อนรับบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาในพื้นที่เกาะของพวกเขา
เกาะเซนติเนลเหนือ North Sentinel Island
เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะ Andaman และ Nicobar
ในอ่าวเบงกอล ที่ตั้งอยู่ระหว่างพม่ากับอินเดีย
เกาะแห่งนี้คือ ที่อยู่ของชนเผ่าเซนตินนีเลส Sentinelese
ที่เป็นปรปักษ์กับคนภายนอกและการติดต่อกับโลกภายนอก
และเกาะนี้ได้รับการขนานนามว่า
สถานที่จะแวะเข้าไปเยี่ยมได้ยากที่สุดในโลก
ในปี 1771 มีการสำรวจรอบ ๆ เกาะนี้
ครั้งแรกโดยบริษัท East India Company
เพราะสังเกตเห็นกองไฟบนชายหาด
เกาะแห่งนี้ก็ยังไม่มีคนสนใจอีก
จนกระทั่งปี 1867 เรือเดินทะเลอินเดียชื่อ Ninevah
ได้อับปางลงใกล้ชายหาดเกาะแห่งนี้
มีผู้รอดชีวิต 106 คนได้สร้างค่ายพักแรมชั่วคราว
แต่ถูกชาวเกาะโจมตีอย่างเลวร้ายในอีกไม่กี่วันต่อมา
แม้ว่าผู้รอดชีวิตพยายามจะป้องกันการโจมตี
จากชาวเกาะ แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล
จนกระทั่งเรือรบเครื่องจักรไอน้ำราชนาวีอังกฤษได้เดินทางมาถึงเกาะแห่งนี้
จึงสามารถช่วยเหลือคนทั้งหมดออกไปได้
ชนเผ่านี้รู้จักกันอีกครั้งในปี 1880
พนักงานรัฐ Maurice Vidal Portman
ได้ยกพลขึ้นบนเกาะเพื่อทำหน้าที่ตามคำสั่ง
ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา
มีเส้นทางเข้าไปในหมู่บ้านหลายเส้นทาง
แต่หมู่บ้านต่างถูกทิ้งร้างไว้ไม่เหลือผู้คน
แต่ในที่สุดเขาสามารถจับคนพื้นเมืองจำนวน 6 คนได้
แล้วนำไปสู่ Port Blair เมืองหลวงหมู่เกาะ Andaman
แต่ต่อมาคนพื้นเมือง 2 คนเสียชีวิต
ส่วนคนที่เหลือถูกปล่อยกลับเกาะในภายหลัง
คาดว่าชนเผ่าเซนตินนีเลส The Sentinelese
น่าจะเป็นบรรพชนของมนุษย์ชุดแรกที่อพยพมาจากอัฟริกา
และเข้ามาพักอาศัยในเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ยาวนานกว่า 60,000 ปี
จำนวนประชากรไม่แน่ชัดคาดว่าน้อยที่สุดราว 40 คนหรือมากที่สุดราว 500 คน
ชนเผ่านี้ไม่สนใจว่า ใครจะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู
ใครก็ตามที่มาเยีอนแล้วเหยียบชายฝั่งเกาะ
ไม่ว่าโดยอุบัติเหตุทางเรือหรือตั้งใจจะไปก็ตาม
ชนเผ่านี้จะต้อนรับผู้มาเยือนด้วยหอกและธนู
ของขวัญหรือเสื้อผ้าไม่มีความสำคัญกับชนเผ่าเลย
ทั้งยังเคยปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ
จากโลกภายนอกในช่วงซึมามิ ในปี 2004
เหตุการณ์การให้ความช่วยเหลือหลังเกิดเหตุซีมานิ
ในมหาสมุทรอินเดียในช่วงเดือนธันวาคม 2004
เพราะเกาะแห่งนี้ถูกคลื่นยักษ์ซีนามิถล่มด้วย
กลุ่มผู้ให้ความช่วยเหลือได้เดินทางมายังเกาะแห่งนี้
โดยเฮลิคอปเตอร์ของรัฏฐนาวีอินเดีย
เพื่อค้นหาและให้ความช่วยเหลือชนเผ่าบนเกาะในการยังชีพ
แม้ว่าจะมีโอกาสค่อนข้างน้อยมากในการพบชนเผ่านี้
แต่แล้วก็พบชนเผ่านี้ที่ยืนรออยู่บนพื้นดิน
แต่ไม่มีท่าทางเป็นมิตร พร้อมเป็นศัตรู
นักรบชนเผ่าเซนตินนีเลส ได้พุ่งหอกและยิงธนูเข้าใส่เฮลิคอปเตอร์
ไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับตำนานของชนเผ่านี้
ภาษาที่พูดกันรวมทั้งพฤติกรรม/วัฒนธรรมของชนเผ่านี้
เพราะชนเผ่านี้มักจะหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า
รวมทั้งไม่มีใครรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของชนเผ่านี้
ที่พอจะรู้บ้างก็คือ ชนเผ่านี้เป็นพวกนักล่าสัตว์ ไม่มีการทำเกษตร
ยังชีพด้วยพวกพืช ปลา หัวของพืชที่อยู่ใต้ดิน (มัน บุก กลอย ฯลฯ )
หมูป่า สัตว์เลื้อยคลานประเภทต่าง ๆ และน้ำผึ้ง
อินเดียประกาศว่ามีอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะเซนตินนีเลส
แต่มั่นใจได้เลยว่า ชาวเกาะแห่งนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
เพราะตั้งแต่ที่อินเดียพยายามจะผูกมิตรกับชนเผ่านี้
หลายต่อหลายครั้งแล้วตั้งแต่ปี 1964
สุดท้ายอินเดียต้องสั่งยกเลิกปฏิบัติการทั้งหมด
รัฏฐนาวีอินเดียประกาศเขตหวงห้าม
ระยะทาง 3 ไมล์ทะเลจากเกาะแห่งนี้
ห้ามบรรดานักท่องเที่ยว นักสำรวจ หรือ พวกอยากรู้อยากเห็น
เข้าไปใกล้เกาะหรือขึ้นบนเกาะนี้โดยเด็ดขาด เพราะไม่รับรองความปลอดภัย จากอุบัติเหตุ
ที่เกิดขึ้นที่นั่นหลายต่อหลายครั้งแล้ว
ไม่มีใครตายดีสักคน สัปเหร่อไม่รับเย็บสักคน
มีเรื่องราวบอกเล่าหลายเรื่องที่น่ากลัวเกี่ยวกับ
ชนเผ่าเซนตินนีเลส จากคนที่รอดชีวิตกลับมาได้
แบบไม่บาดเจ็บสาหัส ต่างหวาดกลัวอย่างแรง
ในปี 1896 นักโทษได้ลงเรือหลบหนีออกจาก
คุกอังกฤษในหมู่เกาะอันดามัน
เรือนักโทษรายนี้ได้แวะบนชายฝั่งเกาะเซนติเนลเหนือ
อีกไม่กี่วันต่อมา บรรดาผู้คุม ผู้ไล่ล่าติตตามนักโทษ
พบศพนักโทษบนชายหาดมีร่องรอยถูกเชือดคอและถูกยิงด้วยธนู
ในปี 1974 มีกลุ่มนักถ่ายทำสารคดี
National Geographic พร้อมกองกำลังตำรวจติดอาวุธ
ได้เดินทางไปยังเกาะแห่งนี้เพื่อถ่ายทำสารคดีชนเผ่านี้
มีการผูกมิตรก่อนด้วยการมอบหม้อ กะทะ ตุ๊กตา มะพร้าว หมูตัวเป็น ๆ
แต่ก็ไม่มีผลเพราะชนเผ่านี้ต่างยิงธนูและปาหอกเข้าใส่ตลอดเวลา
จนทำให้ผู้อำนวยการสร้างหนังสารคดีเรื่องนี้
ในระหว่างการถ่ายทำสารคดีถูกยิงด้วยธนู
ขนาดยาว 8 ฟุตปักบนท่อนขาข้างซ้าย
แม้ว่าไม่ตายแต่ต้องยุติการถ่ายทำสารคดีทันที
เมื่อเรือบรรทุกนักถ่ายทำสารคดีแล่นออกจากเกาะ
ทุกคนต่างหันไปมองข้างหลังบนเกาะพบเห็นว่า
ชาวเกาะต่างได้ฉีกตุ๊กตาออกเป็นชิ้น ๆ รวมทั้งหมูตัวเป็น ๆ
แล้วต่างฝังของขวัญทั้งหมดลงบนพื้นดิน
พร้อมกับถืออาวุธธนูและหอกโห่ร้องด้วยความดีใจ
ที่ได้ขับไล่ผู้รุกรานออกไปจากเกาะแห่งนี้ได้
โชคดีที่ได้ถ่ายทำเรื่องราวสารคดีบางส่วนไว้ได้
ในเรื่อง คนค้นคน Man in Search of Man
ถ้าลูกธนูปักบนหัวเข่า ต้องพูดเหมือนเกมส์
The Elder Scrolls : Skyrim
ข้าเคยเป็นนักผจญภัยเหมือนเจ้า
จนกระทั่งโดนลูกธนูปักที่หัวเข่า
I used to be an adventurer like you,
then I took an arrow in the knee.
นักมนุษยวิทยาชาวอินเดีย ที.เอ็น. บัณฑิต T.N. Pandit
ได้เสนอรัฐบาลอินเดียหลายต่อหลายครั้งแล้วให้ช่วยสนับสนุน
โครงการเดินทางไปยังเกาะแห่งนี้
ในช่วงปลายปี 1980 ถึงต้นปี 1990
" บางครั้ง ถ้าพวกชนเผ่านี้หันหลังให้
แล้วหย่อนตะโพกลงเหมือนนั่งขึ้
นั่นแสดงว่าพวกเขาไม่ยินดีต้อนรับพวกเรา
มีเรื่องที่น่าประหลาดใจ คือ
มีเพียงครั้งแรกและครั้งเดียว
ที่กลุ่มนักวิจัยที่เป็นคนภายนอกได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
จากชนเผ่านี้โดยไม่มีอาการเกรี้ยวกราด/ไม่พอใจ
ในวันที่ 4 มกราคม 1991
มีผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กรวม 28 คน
ได้เผชิญหน้ากับบัณฑิตและสมาชิกโครงการวิจัย
" พวกเขาเดินมาพบพวกเราอย่างเป็นธรรมชาติ
มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก หรือพวกเขาตัดสินใจ
แล้วว่า ถึงเวลาแล้ว(ที่จะพบปะคนอื่นบ้าง) "
ที เอ็น บัณฑิต กล่าว
หมายเหตุ
เรื่องเล่าค่อนข้างไร้สาระ(แก้เครียด)
เคยพบเห็นแม่ค้าในตลาดสด ห.ใ. (หาดใหญ่)
เวลาทะเลาะด่าทอกันระหว่างสองคนหรือมากกว่า
มักจะด่าว่า วานเด่ หรือ วานกูเด่
ถ้าใครถลกผ้าถุงขึ้นก่อนแล้วโชว์วาน
ให้ฝ่ายตรงข้ามที่ทะเลาะด้วยเห็นวาน
(อาจจะนุ่งกางเกงใน หรือเห็นวานกระดำกระด่าง)
คนถกวานก่อนถือว่าได้รับชัยชนะเชิงสัญลักษณ์แล้ว
แม้ว่าจะเถียงข้าง ๆ คู ๆ หรือไม่มีเหตุผลชนะก็ตามแต่
ทั้งนี้กองเชียร์จะหัวเราะชอบใจ
แล้วมอบชัยชนะให้กับคนถกวานก่อน
แล้วส่วนมากคนที่โต้เถียงด้วยมักจะหยุดพูด/เงิบไปเลย
แต่ตอนนี้ไม่ค่อยเห็นพฤติกรรมแบบนี้แล้ว
ในปี 2006
การพบปะในครั้งสุดท้ายของคนภายนอก
กับชาวเกาะ กลับกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
ชาวประมง 2 คนถูกฆ่าตาย ในขณะที่แอบไป
ทำการประมงภายในเขตหวงห้ามของเกาะแห่งนี้
(ตามประกาศรัฏฐนาวีอินเดีย)
สันนิษฐานว่า กินเหล้าเมามายแล้วหลับในเรือ
ที่แวะจอดที่ชายฝั่งเกาะแห่งนี้
พื้นที่เกาะประมาณ 72 ตร.กิโลเมตร หรือ 45,000 ไร่
ไม่มีสิ่งปลูกสร้างเป็นพื้นที่ป่าส่วนมาก
มีซากเรือขนาดประมาณ 100 เมตรใกล้ชายฝั่ง
สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเรือเดินทะเลอินเดีย Ninevah ที่มีผู้โดยสาร 106 คน
อับปางใกล้ชายฝั่ง แล้วถูกชนเผ่าบนเกาะนี้ขับไล่เข่นฆ่า
ชนเผ่าเซนตินนีเลสน่าจะเป็นพวกที่ไร้การติดต่อกับโลกภายนอก
ที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้ที่ไม่สนใจกับโลกาภิวัฒน์
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่ชนเผ่านี้ควรอยู่ตามลำพัง
แต่ก็มีเรื่องที่ไม่ดีเช่นกัน
เพราะการไม่ติดต่อกับโลกภายนอก
อาจจะไม่มีภูมิคุ้มกันโรคหลายชนิด
รวมทั้งการปรับตัวให้เข้ากับโลกสมัยใหม่
จะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเช่นกัน
เรื่องราวชนเผ่านี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
แม้ว่าชนเผ่านี้จะมีวัตถุประสงค์ที่แปลกแยกกับโลกภายนอก
ชนเผ่าเซนตินนีเลสไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ
มีพฤติกรรมที่ทำให้หลายคนอยากรู้อยากเห็น
ชนเผ่านี้มีมุมมองคนภายนอกและโลกภายนอกอย่างไร
ชนเผ่าเรียกตนเองว่าอย่างไร
ชนเผ่านี้พอใจหรือไม่ ที่เรียกพวกเขาว่า เซนตินนีเลส Sentinelese
หมายเหตุ
นักประวัติศาสตร์ชาตินิยมชาวละตินอเมริกา
เชื่อตามตำนานชาวอินเดียแดง/ชนเผ่าอินคา
ที่เล่ากันว่า พวกผิวขาวมอบหรือโยนทิ้งผ้าห่ม
ที่ปนเปื้อนเชื้อหวัดหรือไข้ทรพิษ
ให้กับชาวอินเดียแดง/ชนเผ่าอินคา
ทำให้ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก
เพราะไม่มีภูมิคุ้มกันโรคพวกนี้เลย
น่าจะเป็นต้นแบบอาวุธชีวภาพครั้งแรก
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/vZaMdz
http://goo.gl/xyzZuF
http://goo.gl/5GIzKs
http://goo.gl/SPsqRQ
http://goo.gl/zgRrb2
ชนเผ่า Sentinelese ที่ปฏิเสธโลกภายนอก
Ⓒ
North Sentinel Island: A Glimpse Into Prehistory
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ http://goo.gl/zwiFxG
Ⓒ
Ⓒ
เรื่องที่น่าเหลือเชื่อคือ ยังมีผู้คนในโลกนี้
ที่ไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องอินเตอร์แนต หรือโทรศัพท์มือถือ
ผู้คนพวกนี้คือ ชนเผ่า ที่ตัดขาดจากโลกาภิวัฒน์อย่างสมบูรณ์
และไม่ยินดีต้อนรับบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาในพื้นที่เกาะของพวกเขา
เกาะเซนติเนลเหนือ North Sentinel Island
เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะ Andaman และ Nicobar
ในอ่าวเบงกอล ที่ตั้งอยู่ระหว่างพม่ากับอินเดีย
เกาะแห่งนี้คือ ที่อยู่ของชนเผ่าเซนตินนีเลส Sentinelese
ที่เป็นปรปักษ์กับคนภายนอกและการติดต่อกับโลกภายนอก
และเกาะนี้ได้รับการขนานนามว่า
สถานที่จะแวะเข้าไปเยี่ยมได้ยากที่สุดในโลก
Ⓒ
Ⓒ http://goo.gl/zwiFxG
Ⓒ
ในปี 1771 มีการสำรวจรอบ ๆ เกาะนี้
ครั้งแรกโดยบริษัท East India Company
เพราะสังเกตเห็นกองไฟบนชายหาด
เกาะแห่งนี้ก็ยังไม่มีคนสนใจอีก
จนกระทั่งปี 1867 เรือเดินทะเลอินเดียชื่อ Ninevah
ได้อับปางลงใกล้ชายหาดเกาะแห่งนี้
มีผู้รอดชีวิต 106 คนได้สร้างค่ายพักแรมชั่วคราว
แต่ถูกชาวเกาะโจมตีอย่างเลวร้ายในอีกไม่กี่วันต่อมา
แม้ว่าผู้รอดชีวิตพยายามจะป้องกันการโจมตี
จากชาวเกาะ แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล
จนกระทั่งเรือรบเครื่องจักรไอน้ำราชนาวีอังกฤษได้เดินทางมาถึงเกาะแห่งนี้
จึงสามารถช่วยเหลือคนทั้งหมดออกไปได้
ชนเผ่านี้รู้จักกันอีกครั้งในปี 1880
พนักงานรัฐ Maurice Vidal Portman
ได้ยกพลขึ้นบนเกาะเพื่อทำหน้าที่ตามคำสั่ง
ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา
มีเส้นทางเข้าไปในหมู่บ้านหลายเส้นทาง
แต่หมู่บ้านต่างถูกทิ้งร้างไว้ไม่เหลือผู้คน
แต่ในที่สุดเขาสามารถจับคนพื้นเมืองจำนวน 6 คนได้
แล้วนำไปสู่ Port Blair เมืองหลวงหมู่เกาะ Andaman
แต่ต่อมาคนพื้นเมือง 2 คนเสียชีวิต
ส่วนคนที่เหลือถูกปล่อยกลับเกาะในภายหลัง
คาดว่าชนเผ่าเซนตินนีเลส The Sentinelese
น่าจะเป็นบรรพชนของมนุษย์ชุดแรกที่อพยพมาจากอัฟริกา
และเข้ามาพักอาศัยในเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ยาวนานกว่า 60,000 ปี
จำนวนประชากรไม่แน่ชัดคาดว่าน้อยที่สุดราว 40 คนหรือมากที่สุดราว 500 คน
ชนเผ่านี้ไม่สนใจว่า ใครจะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู
ใครก็ตามที่มาเยีอนแล้วเหยียบชายฝั่งเกาะ
ไม่ว่าโดยอุบัติเหตุทางเรือหรือตั้งใจจะไปก็ตาม
ชนเผ่านี้จะต้อนรับผู้มาเยือนด้วยหอกและธนู
ของขวัญหรือเสื้อผ้าไม่มีความสำคัญกับชนเผ่าเลย
ทั้งยังเคยปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ
จากโลกภายนอกในช่วงซึมามิ ในปี 2004
Ⓒ
Ⓒ http://goo.gl/zwiFxG
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ http://goo.gl/AgW4qD
Ⓒ
Ⓒ
เหตุการณ์การให้ความช่วยเหลือหลังเกิดเหตุซีมานิ
ในมหาสมุทรอินเดียในช่วงเดือนธันวาคม 2004
เพราะเกาะแห่งนี้ถูกคลื่นยักษ์ซีนามิถล่มด้วย
กลุ่มผู้ให้ความช่วยเหลือได้เดินทางมายังเกาะแห่งนี้
โดยเฮลิคอปเตอร์ของรัฏฐนาวีอินเดีย
เพื่อค้นหาและให้ความช่วยเหลือชนเผ่าบนเกาะในการยังชีพ
แม้ว่าจะมีโอกาสค่อนข้างน้อยมากในการพบชนเผ่านี้
แต่แล้วก็พบชนเผ่านี้ที่ยืนรออยู่บนพื้นดิน
แต่ไม่มีท่าทางเป็นมิตร พร้อมเป็นศัตรู
นักรบชนเผ่าเซนตินนีเลส ได้พุ่งหอกและยิงธนูเข้าใส่เฮลิคอปเตอร์
ไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับตำนานของชนเผ่านี้
ภาษาที่พูดกันรวมทั้งพฤติกรรม/วัฒนธรรมของชนเผ่านี้
เพราะชนเผ่านี้มักจะหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า
รวมทั้งไม่มีใครรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของชนเผ่านี้
ที่พอจะรู้บ้างก็คือ ชนเผ่านี้เป็นพวกนักล่าสัตว์ ไม่มีการทำเกษตร
ยังชีพด้วยพวกพืช ปลา หัวของพืชที่อยู่ใต้ดิน (มัน บุก กลอย ฯลฯ )
หมูป่า สัตว์เลื้อยคลานประเภทต่าง ๆ และน้ำผึ้ง
Ⓒ
Ⓒ http://goo.gl/19hZ68
Ⓒ
Ⓒ
อินเดียประกาศว่ามีอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะเซนตินนีเลส
แต่มั่นใจได้เลยว่า ชาวเกาะแห่งนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
เพราะตั้งแต่ที่อินเดียพยายามจะผูกมิตรกับชนเผ่านี้
หลายต่อหลายครั้งแล้วตั้งแต่ปี 1964
สุดท้ายอินเดียต้องสั่งยกเลิกปฏิบัติการทั้งหมด
รัฏฐนาวีอินเดียประกาศเขตหวงห้าม
ระยะทาง 3 ไมล์ทะเลจากเกาะแห่งนี้
ห้ามบรรดานักท่องเที่ยว นักสำรวจ หรือ พวกอยากรู้อยากเห็น
เข้าไปใกล้เกาะหรือขึ้นบนเกาะนี้โดยเด็ดขาด เพราะไม่รับรองความปลอดภัย จากอุบัติเหตุ
ที่เกิดขึ้นที่นั่นหลายต่อหลายครั้งแล้ว
ไม่มีใครตายดีสักคน สัปเหร่อไม่รับเย็บสักคน
มีเรื่องราวบอกเล่าหลายเรื่องที่น่ากลัวเกี่ยวกับ
ชนเผ่าเซนตินนีเลส จากคนที่รอดชีวิตกลับมาได้
แบบไม่บาดเจ็บสาหัส ต่างหวาดกลัวอย่างแรง
ในปี 1896 นักโทษได้ลงเรือหลบหนีออกจาก
คุกอังกฤษในหมู่เกาะอันดามัน
เรือนักโทษรายนี้ได้แวะบนชายฝั่งเกาะเซนติเนลเหนือ
อีกไม่กี่วันต่อมา บรรดาผู้คุม ผู้ไล่ล่าติตตามนักโทษ
พบศพนักโทษบนชายหาดมีร่องรอยถูกเชือดคอและถูกยิงด้วยธนู
Ⓒ
Ⓒ http://goo.gl/ANxj80
Ⓒ
Ⓒ
ในปี 1974 มีกลุ่มนักถ่ายทำสารคดี
National Geographic พร้อมกองกำลังตำรวจติดอาวุธ
ได้เดินทางไปยังเกาะแห่งนี้เพื่อถ่ายทำสารคดีชนเผ่านี้
มีการผูกมิตรก่อนด้วยการมอบหม้อ กะทะ ตุ๊กตา มะพร้าว หมูตัวเป็น ๆ
แต่ก็ไม่มีผลเพราะชนเผ่านี้ต่างยิงธนูและปาหอกเข้าใส่ตลอดเวลา
จนทำให้ผู้อำนวยการสร้างหนังสารคดีเรื่องนี้
ในระหว่างการถ่ายทำสารคดีถูกยิงด้วยธนู
ขนาดยาว 8 ฟุตปักบนท่อนขาข้างซ้าย
แม้ว่าไม่ตายแต่ต้องยุติการถ่ายทำสารคดีทันที
เมื่อเรือบรรทุกนักถ่ายทำสารคดีแล่นออกจากเกาะ
ทุกคนต่างหันไปมองข้างหลังบนเกาะพบเห็นว่า
ชาวเกาะต่างได้ฉีกตุ๊กตาออกเป็นชิ้น ๆ รวมทั้งหมูตัวเป็น ๆ
แล้วต่างฝังของขวัญทั้งหมดลงบนพื้นดิน
พร้อมกับถืออาวุธธนูและหอกโห่ร้องด้วยความดีใจ
ที่ได้ขับไล่ผู้รุกรานออกไปจากเกาะแห่งนี้ได้
โชคดีที่ได้ถ่ายทำเรื่องราวสารคดีบางส่วนไว้ได้
ในเรื่อง คนค้นคน Man in Search of Man
ถ้าลูกธนูปักบนหัวเข่า ต้องพูดเหมือนเกมส์
The Elder Scrolls : Skyrim
ข้าเคยเป็นนักผจญภัยเหมือนเจ้า
จนกระทั่งโดนลูกธนูปักที่หัวเข่า
I used to be an adventurer like you,
then I took an arrow in the knee.
Ⓒ
Ⓒ http://goo.gl/rlXoTz
Ⓒ
Ⓒ
นักมนุษยวิทยาชาวอินเดีย ที.เอ็น. บัณฑิต T.N. Pandit
ได้เสนอรัฐบาลอินเดียหลายต่อหลายครั้งแล้วให้ช่วยสนับสนุน
โครงการเดินทางไปยังเกาะแห่งนี้
ในช่วงปลายปี 1980 ถึงต้นปี 1990
" บางครั้ง ถ้าพวกชนเผ่านี้หันหลังให้
แล้วหย่อนตะโพกลงเหมือนนั่งขึ้
นั่นแสดงว่าพวกเขาไม่ยินดีต้อนรับพวกเรา
มีเรื่องที่น่าประหลาดใจ คือ
มีเพียงครั้งแรกและครั้งเดียว
ที่กลุ่มนักวิจัยที่เป็นคนภายนอกได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
จากชนเผ่านี้โดยไม่มีอาการเกรี้ยวกราด/ไม่พอใจ
ในวันที่ 4 มกราคม 1991
มีผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กรวม 28 คน
ได้เผชิญหน้ากับบัณฑิตและสมาชิกโครงการวิจัย
" พวกเขาเดินมาพบพวกเราอย่างเป็นธรรมชาติ
มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก หรือพวกเขาตัดสินใจ
แล้วว่า ถึงเวลาแล้ว(ที่จะพบปะคนอื่นบ้าง) "
ที เอ็น บัณฑิต กล่าว
หมายเหตุ
เรื่องเล่าค่อนข้างไร้สาระ(แก้เครียด)
เคยพบเห็นแม่ค้าในตลาดสด ห.ใ. (หาดใหญ่)
เวลาทะเลาะด่าทอกันระหว่างสองคนหรือมากกว่า
มักจะด่าว่า วานเด่ หรือ วานกูเด่
ถ้าใครถลกผ้าถุงขึ้นก่อนแล้วโชว์วาน
ให้ฝ่ายตรงข้ามที่ทะเลาะด้วยเห็นวาน
(อาจจะนุ่งกางเกงใน หรือเห็นวานกระดำกระด่าง)
คนถกวานก่อนถือว่าได้รับชัยชนะเชิงสัญลักษณ์แล้ว
แม้ว่าจะเถียงข้าง ๆ คู ๆ หรือไม่มีเหตุผลชนะก็ตามแต่
ทั้งนี้กองเชียร์จะหัวเราะชอบใจ
แล้วมอบชัยชนะให้กับคนถกวานก่อน
แล้วส่วนมากคนที่โต้เถียงด้วยมักจะหยุดพูด/เงิบไปเลย
แต่ตอนนี้ไม่ค่อยเห็นพฤติกรรมแบบนี้แล้ว
Ⓒ
เรือชาวประมงที่ถูกยึดโดยชนเผ่าเซนตินนีเล
Ⓒ
http://goo.gl/2Sye7nl
Ⓒ
Ⓒ
ในปี 2006
การพบปะในครั้งสุดท้ายของคนภายนอก
กับชาวเกาะ กลับกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
ชาวประมง 2 คนถูกฆ่าตาย ในขณะที่แอบไป
ทำการประมงภายในเขตหวงห้ามของเกาะแห่งนี้
(ตามประกาศรัฏฐนาวีอินเดีย)
สันนิษฐานว่า กินเหล้าเมามายแล้วหลับในเรือ
ที่แวะจอดที่ชายฝั่งเกาะแห่งนี้
Ⓒ
Ⓒ http://goo.gl/zwiFxG
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ http://goo.gl/Ym8Xb1 : Kalamang Bill
Ⓒ
Ⓒ
พื้นที่เกาะประมาณ 72 ตร.กิโลเมตร หรือ 45,000 ไร่
ไม่มีสิ่งปลูกสร้างเป็นพื้นที่ป่าส่วนมาก
มีซากเรือขนาดประมาณ 100 เมตรใกล้ชายฝั่ง
สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเรือเดินทะเลอินเดีย Ninevah ที่มีผู้โดยสาร 106 คน
อับปางใกล้ชายฝั่ง แล้วถูกชนเผ่าบนเกาะนี้ขับไล่เข่นฆ่า
ชนเผ่าเซนตินนีเลสน่าจะเป็นพวกที่ไร้การติดต่อกับโลกภายนอก
ที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้ที่ไม่สนใจกับโลกาภิวัฒน์
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่ชนเผ่านี้ควรอยู่ตามลำพัง
แต่ก็มีเรื่องที่ไม่ดีเช่นกัน
เพราะการไม่ติดต่อกับโลกภายนอก
อาจจะไม่มีภูมิคุ้มกันโรคหลายชนิด
รวมทั้งการปรับตัวให้เข้ากับโลกสมัยใหม่
จะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเช่นกัน
เรื่องราวชนเผ่านี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
แม้ว่าชนเผ่านี้จะมีวัตถุประสงค์ที่แปลกแยกกับโลกภายนอก
ชนเผ่าเซนตินนีเลสไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ
มีพฤติกรรมที่ทำให้หลายคนอยากรู้อยากเห็น
ชนเผ่านี้มีมุมมองคนภายนอกและโลกภายนอกอย่างไร
ชนเผ่าเรียกตนเองว่าอย่างไร
ชนเผ่านี้พอใจหรือไม่ ที่เรียกพวกเขาว่า เซนตินนีเลส Sentinelese
หมายเหตุ
นักประวัติศาสตร์ชาตินิยมชาวละตินอเมริกา
เชื่อตามตำนานชาวอินเดียแดง/ชนเผ่าอินคา
ที่เล่ากันว่า พวกผิวขาวมอบหรือโยนทิ้งผ้าห่ม
ที่ปนเปื้อนเชื้อหวัดหรือไข้ทรพิษ
ให้กับชาวอินเดียแดง/ชนเผ่าอินคา
ทำให้ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก
เพราะไม่มีภูมิคุ้มกันโรคพวกนี้เลย
น่าจะเป็นต้นแบบอาวุธชีวภาพครั้งแรก
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/vZaMdz
http://goo.gl/xyzZuF
http://goo.gl/5GIzKs
http://goo.gl/SPsqRQ
http://goo.gl/zgRrb2