[JOJO] บทความพิเศษ : เจาะลึก "โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ : Part 8 Jojolion" (ฉบับยังไม่สมบูรณ์)

ตอนแรกยังลังเลอยู่ครับว่าจะเขียนภาค 8 ต่อเลยมั๊ย หรือจะรอให้มังงะจบก่อน
แล้วค่อยเขียน? เพราะตอนนี้มังงะมีรวมเล่มออกมาแค่ 6 เล่ม ในไทยเรา 3 เล่ม
เนื้อหายังไม่ถึงครึ่งเลย แต่ก็มาตระหนักความจริงว่าถ้ารอให้มังงะจบ ตอนนั้นผม
คงเรียนต่อ ป.โท ไปแล้ว (ฮาา) เลยตัดสินใจเขียนฉบับไม่สมบูรณ์อันนี้ออกมาก่อน
และรอดูว่าเผื่อในอนาคตข้างหน้าที่มังงะจบไปแล้ว ผมอาจจะได้กลับมาเขียนฉบับ
สมบูรณ์อีกครั้งนึงนะครับ

ลิงค์ตอนที่แล้วๆ (ภาค 1-7) :
http://ppantip.com/topic/31292528
http://ppantip.com/topic/31313122
http://ppantip.com/topic/31362371
http://ppantip.com/topic/31381955
http://ppantip.com/topic/31827380
http://ppantip.com/topic/31832361
http://ppantip.com/topic/31838960

หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น
และในเนื้อหามีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญในการ์ตูน และเนื่องจากบทความนี้
ยังเป็นบทความที่เขียนจากการ์ตูนที่ยังไม่จบ อาจทำให้เนื้อหายังไม่สามารถ
สรุปได้แบบจริงๆนะครับ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -




เจาะลึก "โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ :
Part 8 Jojolion" (ฉบับยังไม่สมบูรณ์)


อ.อารากิ อธิบายไว้ในคิ้วเล่มที่ 2 ว่า คำว่า lion (เลียน) ในชื่อ Jojolion นั้น
เป็นคำโบราณของกรีกที่หมายถึง "ได้รับการเชิดชู" "เสียงสวรรค์"
หรือ "สัญลักษณ์อันเป็นที่ระลึก" ซึ่งสื่อถึงตัวเอกอย่าง ฮิงาชิคาตะ โจ2สุเกะ
นั่นเอง ...แต่สื่อแบบไหนยังไงแกก็ยังไม่บอกนะครับ..

โจโจ้ถือเป็นการ์ตูนที่เปลี่ยนตัวเองไปหลายยุคสมัยมากเลยนะครับ ...แถมเป็นการ
เปลี่ยนแปลงที่เกิดจากนักเขียนคนเดียวอย่าง อ.อารากิ ด้วยอีก ใครจะไปคิดล่ะว่าจาก
การ์ตูนโชเนนอ่านง่ายๆสนุกๆในตอนนั้น จะกลายเป็นมังงะสไตส์กราฟิคโนเวลเหมือน
ทุกวันนี้ ...ไม่มีใครคิดจริงๆเลยครับ ผมเองก็ไม่คิดเหมือนกัน ก็โชคดีที่ผมสามารถรับ
กับความเปลี่ยนแปลงของโจโจ้ได้ดีมาตลอด ...เพราะผมยอมรับเลยครับว่าผมรักมังงะ
เรื่องนี้แบบที่ไม่มีทางเลิกรักได้ไปเรียบร้อย

แต่ความรักนี้ไม่ใช่ว่าผมจะเห็นดีเห็นงามไปกับโจโจ้ทุกเรื่องนะครับ เพราะก็ใช่ว่าโจโจ้
จะเป็นมังงะที่ไม่มีจุดด้อยเลย ...ซึ่งใน Jojolion นี้จะว่าเป็น "ข้อด้อย"
ก็ใช่ หากเทียบกับภาคก่อนๆ แต่ถ้าจะบอกว่ามันเป็น "จุดเด่น" ที่ทำให้ Jojolion
ต่างจากการ์ตูนในท้องตลาดเรื่องอื่นๆก็ย่อมได้เหมือนกันนะครับ เพราะ Jojolion มีมุมมอง
และวิธีการคิดที่คอ่นข้างเฉพาะไม่เหมือนใครตามสไตส์ อ.อารากิ

ว่ากันจริงๆแล้ว ต้องบอกว่า ..."Jojolion ไม่เหมือน
โจโจ้ภาคก่อนๆเลย"
ด้วยซ้ำไปครับ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

Welcome to Morioh Town

Jojolion เป็นเรื่องราวในปี 2011 ในเมืองโมริโอที่แสนสงบสุข ซึ่งเกิดเรื่องประหลาด
ขึ้นในวันที่เกิดคลื่นสึนามิ ที่จู่ๆก็มีบางอย่างผุดขึ้นมาจากผืนดินล้อมรอบเมืองเอาไว้
เหมือนกับจะปกป้องอะไรบางอย่างจากทะเล โดยชาวเมืองจะเรียกสิ่งนั้นว่า "ตากำแพง"
...และที่ตากำแพงนี่เองที่เด็กสาวนามว่า "ฮิโรเสะ ยาสึโฮะ" ได้พบกับชายปริศนา
คนหนึ่งที่ไร้ความทรงจำ ไม่รู้ว่าตนเองคือใคร รู้แต่เพียงว่าชายคนนี้มีปานรูปดาวที่ไหล่
และมีพลังปริศนาที่เรียกว่าสแตนด์ติดตัว และนั่นคือจุดเริ่มต้นการค้นหาตัวตนของตนเอง
รวมทั้งปริศนามากมายที่ซ่อนเร้นอยู่ทุกที่ในเมืองแห่งนี้

หลังจากเล่าเรื่องหนัก (มาก) ทั้งศาสนา ดราม่า การเมือง มาแล้วใน SBR พอมาภาคนี้
อ.อารากิ คงอยากจะกลับไปหาอะไรที่มันเบาๆสบายๆบ้าง ทำให้ Jojolion กลับมาใช้ฉาก
หลังเป็นเมืองโมริโออันแสนสงบสุขอีกครั้ง เพียงแต่ในครั้งนี้ โมริโอ อาจไม่ใช่ที่ที่แสน
สงบสุขอย่างที่มันเคยเป็น ...ไม่ใช่เพราะว่ามีฆาตกรต่อเนื่องหลบซ่อนอยู่อะไรหรอกนะครับ
แต่เป็นอะไรบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ในเมืองรอคอยให้มีใครซักคนค้นพบความจริงต่างหาก

Jojolion เปิดเรื่องด้วยบทบรรยายของยาสึโฮะที่พูดถึงสภาพบ้านเมืองของเมืองโมริโอ
โดยรวมทั้งหมด ทำให้คนอ่านรู้ว่ารายละเอียดพื้นฐานของเมืองนี้เป็นยังไงได้ในความยาว
แค่ 2-3 หน้ากระดาษ (ตามที่ยาสึโฮะจังบอกนะครับว่า "สถานที่เป็นกาละเทศะสำคัญ
อันดับหนึ่ง"
) เป็นการให้คนอ่านทำความรู้จักกับ "ตัวเมือง" เสมือนเป็นตัวละคร
ตัวหนึ่ง ไม่ใช่เป็นแค่ฉากหลังเท่านั้น ...ตามมาด้วยการพบกันของสองตัวเอกที่ ยาสึโฮะ
กับโจสุเกะ พบเจอกันเป็นครั้งแรก ที่ให้อารมณ์แนวพรหมลิขิตบัลดาลชักพาเอามากๆ
(ผมถึงตั้งชื่อไทยให้ว่า หนุ่มฟันห่าง กับ สาวดังโงะ) ซึ่งเรื่องราวในช่วงต้นเรื่องทั้งหมด
ผมก็สามารถสรุปวิธีการเล่าเรื่องได้อย่างนึงครับว่า Jojolion นั้นเปลี่ยนจากวิธีการเล่า
เรื่องแนว "ผจญภัย" มาเป็น "บอกเล่าข้อมูล" แทนนั่นเอง

(หลายคนยังสงสัยอยู่ว่าทำไมผมจึงใช้คำว่า "จักรวาลใหม่" กับ "จักรวาลเก่า"
กับโจโจ้? จริงๆแล้วไม่ใช่อะไรซับซ้อนหรอกครับ เพราะในภาค 7-8 นั้น อ.อารากิ จะเล่นเรื่อง
"ความขนาน" ให้หลายๆอย่างมีความขนานกับภาคก่อนๆ เป็นมุขที่แฟนโจโจ้ตัวจริง
จะสนุกกับการสังเกตว่าสิ่งไหนเคยเป็นอะไรมาก่อน หรือตัวละครตัวไหนเคยเป็นใครมาก่อน
ในจักรวาลเก่าบ้าง)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

Trouble with the Curve

"มีปริศนามากมายเต็มไปหมดใน Jojolion" ปกติโจโจ้จะเล่นเรื่องความลึกลับ
น่าค้นหาอยู่ตลอดอยู่แล้ว แต่คราวนี้ ปริศนาจะถูกใช้เป็นแกนเรื่องเลยครับ เพราะนอก
จากจะเปิดเรื่องด้วยความลึกลับแล้ว ปริศนายังถาโถมเข้ามามากมายใส่คนอ่านเป็นชุดๆ
ตลอดอีกด้วย ปริศนาเก่ายังไม่ทันคลาย ก็มีอะไรใหม่ๆมาให้คนอ่านได้สงสัยใคร่รู้อีกแล้ว
เช่น...

- โจ2สุเกะ เป็นใคร?
- ตากำแพง คืออะไรกันแน่?
- ครอบครัวฮิงาชิคาตะปิดบังอะไรเอาไว้?
- คิระ ตายด้วยสาเหตุอะไร?
- มีอะไรเกิดขึ้นในสมัยบรรพบุรุษของสามตระกูลที่เกี่ยวดองกัน?
- รอยกัดที่มอบพลังสแตนด์ให้กับหลายๆคนมาจากไหน?

ยิ่งเนื้อหาดำเนินมาเท่าไหร่ก็มีแต่เรื่องที่หาคำตอบไม่ได้โผล่ออกมาตลอด ทำให้ปัญหา
สำหรับคนอ่านภาคนี้ไม่รู้เรื่องมีอย่างเดียวเลยครับคือ ไม่สามารถย่อยข้อมูลการดำเนิน
เรื่องกับข้อมูลปริศนาของเรื่องได้พร้อมกัน เพราะการเดินเรื่องใน Jojolion ก็ยิ่งแปลก
แหวกแนวมากอยู่แล้ว มาเจอเรื่องลึกลับเป็นสิบๆเรื่องบางคนเลยตายกันพอดี ...แต่สิ่งที่
หลายๆคนชอบในภาคก่อนๆก้ไม่มีใน Jojolion เหมือนกัน เช่น การต่อสู้ด่วยสแตนด์แบบ
มันส์ๆที่พอมาในภาคนี้เน้นการบู๊น้อยลงไปมาก หรือลายเส้นที่เมื่อก่อน อ.อารากิ จะเน้น
ถมดำพรืดเต็มกระดาษ มาตอนนี้ก็เปลี่ยนมาใช้วิธีสานเส้นแบบภาพสเก็ตส์เหมือนมากขึ้น
เลยรู้สึกว่าภาพดูหยาบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (แต่ภาพก็ดูสะอาดตาดูง่ายขึ้นกว่าภาค
6-7 เหมือนกันนะครับ)

แต่จุดเด่นที่ว่าไปนั้น มันก็ส่งผลลบกับผลงานต่อหลายๆคนไม่น้อยเหมือนกัน เพราะด้วย
การถ่ายทอดที่เรียบง่ายและสมจริงจน...บางครั้งก็รู้สึกว่ามันสมจริงมากไป XD ไม่เหลือพื้น
ที่แบบ มังงะ ปกติๆเลย หลายๆคนที่ไม่คุ้นเคยกับการเล่าเรื่องสไตส์นิยายภาพจริงๆ มาอ่าน
Jojolion คงงงเต๊กไปตามระเบียบ เพราะ Jojolion มีความเป็นมังงะน้อยจริงๆครับ

ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าแก่นเรื่องหลักจริงๆของ Jojolion คืออะไร นอกจาก "ตูเป็นใครกันฟะ?"
ของโจ2สุเกะ เลยทำให้แกนเรื่องจริงๆยังมองไม่ออก แต่มองภาพรวมในปัจจุบันแล้ว ผมถือว่า
Jojolion สอบผ่านในเรื่องความสนุกของเนื้อหาแนวบอกเล่าข้อมูล และปริศนาต่างๆ ส่วน
เรื่องคงามมันส์นั้นภาคก่อนๆมันส์กว่าเยอะครับ เพราะสแตนด์จะเน้นเรื่องไอเดียแปลกๆในพื้น
ที่จำกัด สร้างความรู้สึกอึดอัด น่ากลัว เหมือนในหนังสยองขวัญแนวฆาตกร ไม่ใช่แนวบู๊กันมันส์ๆ
เหมือนในภาคก่อนๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่