ลิงค์ตอนที่แล้ว (ภาค 5) :
http://ppantip.com/topic/31827380
หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว
ของผมเท่านั้น และในเนื้อหามีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญในการ์ตูน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เจาะลึก "โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ :
Part 6 Stone Ocean" (ฉบับสมบูรณ์)
"อ.ฮิโรฮิโกะ อารากิ เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองมาก"
จั่วหัวมาแบบนี้เพื่อนๆคงจะงงว่าผมกำลังหมายความอะไร? ....ผมหมายความ
อย่างที่พูดไปนั่นแหละครับ (ฮ่าาๆ) ว่า อ.อารากิ เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมาก เพราะ
ตลอดการทำงานมาแกดูจะเป็นคนไม่ค่อยแคร์ตลาด แคร์บรรณาธิการ หรือคนอ่าน
อย่างเราๆเท่าไหร่ เป็นคนที่อยากจะใส่อะไรลงไปในมังงะของตัวเองแบบไหนก็เอา
คิดจะบิดเบือนเนื้อหากลางทางก็ทำ โจโจ้เลยเริ่มจะหลุดจากความเป็นการ์ตูนโชเนน
สไตส์จัมป์มากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด อ.อารากิ ก็ทำงานโดยไม่แคร์สไตส์แบบโชเนน
จัมป์อีกต่อไปแล้ว เพราะสิ่งที่คิดเอาไว้ทั้งปรัชญาบางอย่างที่เกิดจากความคิดส่วน
ตัวมากๆ หรือองค์ประกอบแปลกๆ (ไปจนถึงเหวอๆในบางเรื่อง) ก็ทำได้
ผลออกมาคือ ทำให้โจโจ้ภาคหลังๆ มีสไตส์ที่มีความเป็นอารากิสไตส์แบบชัดเจน
จนทำให้ถ้าไม่ชอบมาก ก็เกลียดมากเข้ากระดูกดำกันไปเลยทีเดียวเชียว..
แบบนี้จะเรียกโจโจ้ภาคหลังๆเป็น
"มังงะคัลท์" ก็ได้ครับ เพราะคนอ่าน
การ์ตูนทั่วๆไป (ที่เป็นมนุษย์ปกติธรรมดา อ่านการ์ตูนเพื่อบันเทิงจริงๆ) คงไม่มี
ใครคิดจะมานั่งตีความการ์ตูนอะไรให้มันปวดหัว ซึ่งในภาค 6 Stone Ocean
ภาคนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ และเป็นลูกผสมของมังงะโชเนนตลาดๆกับความคัลท์
ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียหลายอย่างที่น่าสนใจให้พูดถึงเยอะทีเดียว..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
FE40536 : Kujo Jolyne
เนื้อหาในภาค 6 เป็นเรื่องราวของ
"คูโจ โจลีน" ที่ถูกใส่ความในอุบัติเหตุ
ขับรถชนจนต้องจำคุกในเรือนจำ
"กรีน ดอลฟิน สตรีท" สิบห้าปี ซึ่งทั้งหมด
เป็นแผนการของ
"เอ็นริโก้ พุซซี่" ศัตรูที่ต้องการ
"หนทางไปสู่สวรรค์"
ที่ดีโอเพื่อนรักเคยว่าเอาไว้ แต่วิธีการถูกปิดผนึกเอาไว้โดยโจทาโร่นั่นเอง จน
ทำให้ศึกครั้งนี้เดิมพันด้วยซึ่งการปกป้องสายเลือดโจสตาร์ และโลกเลยทีเดียว...
เมื่อดูจากเนื้อเรื่องข้างต้นแล้วก็ถือว่าเป็นเนื้อหาโจโจ้ที่สนุกดี เพราะจะว่าไปแล้ว
นี่ก็ถือว่าเป็นโจโจ้ภาคที่อ่านสนุกสำหรับหลายๆคนไม่น้อยเลยนะครับ เพราะแม้ตัว
เอกจะเป็นหญิง แต่สไตส์การเล่าเรื่องก็ไม่ได้อ่อนหวานขึ้นเลยซักนิด ยังคงความ
"แมนเกินพิกัด" เหมือนในภาคก่อนๆเปี๊ยบ แถมดูจะโหดดิบขึ้นกว่าเดิมด้วย
ซ้ำไป (เพราะไอเดียข้างต้นของ อ.อารากิ ก็คือ จะใส่ตัวเอกผู้หญิงในบริบทแบบ
โจโจ้ได้ยังไง? เพราะการผจญภัยในโจโจ้จะค่อนข้างเอาเป็นเอาตาย สู้ยิบตา
กระอักเลือด ดูแล้วจะไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงแน่ๆ แต่ถ้าลองมาคิดกลับกันแล้วมัน
ก็น่าสนุกไม่น้อยหากให้ผู้หญิง มาเผชิญกับอะไรแมนๆในโลกของโจโจ้บ้าง)
มีหลายสิ่งนะครับที่ภาค 6 ตกทอดมาจากภาคก่อนๆ อย่างเช่นภาค 5 ที่เน้นเรื่อง
พื้นที่สีเทาของตัวละครมากขึ้น ในภาคนี้สิ่งนี้ก็ยังคงมีอยู่ เพราะกลุ่มตัวเอกส่วน
ใหญ่ก็เป็นนักโทษที่มีคดีติดตัว มันสามารถสร้างความคลุมเคลือในเรื่องความดี
ความชั่วได้ไม่น้อยว่า
"เราสามารถเรียกคนที่กระทำความผิดแบบนี้ว่าเป็นฝ่าย
ธรรมะได้อย่างไร?" หรือ
"พุซซี่เป็นบาทหลวง คนที่เดินตามเส้นทางของ
พระผู้เป็นเจ้า แต่การกระทำของเขานั้นสมควรกับการเดินในสายทางของพระเจ้าแล้ว
งั้นหรือ?" ซึ่งสิ่งเหล่านี้ค่อนข้างโดดเด่นนะครับในภาค 6 ยกตัวอย่างเช่น อนัสซี่
ที่เป็นฆาตกรที่ฆ่าคนตายอย่างโหดเหี้ยม แต่คนที่เคยฆ่าคนอย่างเลือดเย็นนั้นจะ
สามารถกลับมามีจิตใจที่สะอาดได้อีกครั้งได้จริงๆหรือเปล่า? หรือ เอลเมส ที่ทำทุกวิถี
ทางเพื่อต้องการล้างแค้นเจ้าคนที่ฆ่าพี่สาวของเธอ แล้วไหนจึงมีคำว่าการให้อภัย
เป็นเรื่องสำคัญที่สุดล่ะ?
สไตส์การต่อสู้ในภาคนี้ก็ต่างไปจากเดิมนิดๆ หลายๆคนบ่นว่าภาคนี้สู้ไม่มันส์เท่าไหร่
ทั้งๆที่ดูจากความนองเลือดและความรุนแรงในภาคนี้ผมว่าการต่อสู้ดุเดือดและรุนแรง
มากกว่าภาคก่อนๆซะอีกนะครับ ยิ่งตัวเอกเป็นโจลีนด้วยแล้วยิ่งเพิ่มรุนแรงของฉากต่อสู้
มากเข้าไปอีก (หลายๆคนยังคงจำศึกในห้องขังลืมของโจลีนกับผู้คุมเวสท์วู้ดได้ดี ผม
ยกให้เป็นศึกที่รุนแรงและดูโหดร้ายที่สุดในภาคนี้เลย) ทั้งนี้ทั้งนันมีสามารถสื่อถึงการ
เติบโตทั้งทางร่างกายและจิตใจของโจลีนได้ดี เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองที่แม้จะโหด
ร้ายไปหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นการหล่อหลอมโจลีนจากเด็กสาวธรรมดาๆกลายเป็น
แอ็คชั่นฮีโร่ได้น่าสนใจไม่น้อยครับ
...แต่สาเหตุจริงๆที่ฉากบู๊ในภาคนี้มันดูไม่สนุกเท่าภาคก่อนๆ คงเป็นเรื่องของความ
สามารถสแตนด์ศัตรูที่เข้าใจยากและดูนามธรรมไปหน่อย และในภาคนี้มีการอิงหลัก
วิทยาศาสตร์มาใช้มาก เป็นจุดเด่นของแสตนด์ในภาคนี้เลย หากเข้าใจก็จะสนุกไม่มี
ปัญหา แต่ถ้าอ่านไปด้วยความงงมันก็กลายเป็นความน่าเบื่อไปแทน ถือเป็นจุดเด่น
ที่มีเฉพาะแค่ในภาค 6 เท่านั้นเลยครับ
แต่ส่วนที่ทำได้ดีที่สุดของภาค 6 จริงๆนั้น ผมยกให้เป็นเรื่องความสัมพันธุ์พ่อลูกของ
โจทาโร่ กับ โจลีน นั่นเองครับ ...เป็นสิ่งที่ อ.อารากิ วางเอาไว้ได้ดีมากเลย ซึ่งก็เป็น
เหตุสนับสนุนที่ดีว่าทำไมตัวเอกภาคนี้จึงต้องเป็นผู้หญิง เพราะถ้าโจลีนเป็นลูกชาย มัน
จะไม่สามารถเล่นกับความรู้สึกที่
"ห่วงใย" แบบในเรื่องได้ ถ้าเป็นลูกชายความ
สัมพันธุ์มันคงจะออกมาเป็นแนวๆลูกผู้ชายแน่นอน แต่พอเป็นลูกสาวมันสามารถเล่น
กับความห่วงใย หรือจุดอ่อนในความเป็นพ่อที่รักลูกสาวมากๆ หรือปมความห่างเหิน
ระหว่างพ่อกับลูกที่ขาดผู้ชายต้นแบบได้
..หากจะบอกว่า เป้าหมายของภาค 6 ก็คือ
"การค้นพบชีวิตใหม่" ก็ไม่ผิดครับ
[JOJO] บทความพิเศษ : เจาะลึก "โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ : Part 6 Stone Ocean (ฉบับสมบูรณ์)
หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว
ของผมเท่านั้น และในเนื้อหามีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญในการ์ตูน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Part 6 Stone Ocean" (ฉบับสมบูรณ์)
"อ.ฮิโรฮิโกะ อารากิ เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองมาก"
จั่วหัวมาแบบนี้เพื่อนๆคงจะงงว่าผมกำลังหมายความอะไร? ....ผมหมายความ
อย่างที่พูดไปนั่นแหละครับ (ฮ่าาๆ) ว่า อ.อารากิ เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมาก เพราะ
ตลอดการทำงานมาแกดูจะเป็นคนไม่ค่อยแคร์ตลาด แคร์บรรณาธิการ หรือคนอ่าน
อย่างเราๆเท่าไหร่ เป็นคนที่อยากจะใส่อะไรลงไปในมังงะของตัวเองแบบไหนก็เอา
คิดจะบิดเบือนเนื้อหากลางทางก็ทำ โจโจ้เลยเริ่มจะหลุดจากความเป็นการ์ตูนโชเนน
สไตส์จัมป์มากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด อ.อารากิ ก็ทำงานโดยไม่แคร์สไตส์แบบโชเนน
จัมป์อีกต่อไปแล้ว เพราะสิ่งที่คิดเอาไว้ทั้งปรัชญาบางอย่างที่เกิดจากความคิดส่วน
ตัวมากๆ หรือองค์ประกอบแปลกๆ (ไปจนถึงเหวอๆในบางเรื่อง) ก็ทำได้
ผลออกมาคือ ทำให้โจโจ้ภาคหลังๆ มีสไตส์ที่มีความเป็นอารากิสไตส์แบบชัดเจน
จนทำให้ถ้าไม่ชอบมาก ก็เกลียดมากเข้ากระดูกดำกันไปเลยทีเดียวเชียว..
แบบนี้จะเรียกโจโจ้ภาคหลังๆเป็น "มังงะคัลท์" ก็ได้ครับ เพราะคนอ่าน
การ์ตูนทั่วๆไป (ที่เป็นมนุษย์ปกติธรรมดา อ่านการ์ตูนเพื่อบันเทิงจริงๆ) คงไม่มี
ใครคิดจะมานั่งตีความการ์ตูนอะไรให้มันปวดหัว ซึ่งในภาค 6 Stone Ocean
ภาคนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ และเป็นลูกผสมของมังงะโชเนนตลาดๆกับความคัลท์
ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียหลายอย่างที่น่าสนใจให้พูดถึงเยอะทีเดียว..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
FE40536 : Kujo Jolyne
เนื้อหาในภาค 6 เป็นเรื่องราวของ "คูโจ โจลีน" ที่ถูกใส่ความในอุบัติเหตุ
ขับรถชนจนต้องจำคุกในเรือนจำ "กรีน ดอลฟิน สตรีท" สิบห้าปี ซึ่งทั้งหมด
เป็นแผนการของ "เอ็นริโก้ พุซซี่" ศัตรูที่ต้องการ "หนทางไปสู่สวรรค์"
ที่ดีโอเพื่อนรักเคยว่าเอาไว้ แต่วิธีการถูกปิดผนึกเอาไว้โดยโจทาโร่นั่นเอง จน
ทำให้ศึกครั้งนี้เดิมพันด้วยซึ่งการปกป้องสายเลือดโจสตาร์ และโลกเลยทีเดียว...
เมื่อดูจากเนื้อเรื่องข้างต้นแล้วก็ถือว่าเป็นเนื้อหาโจโจ้ที่สนุกดี เพราะจะว่าไปแล้ว
นี่ก็ถือว่าเป็นโจโจ้ภาคที่อ่านสนุกสำหรับหลายๆคนไม่น้อยเลยนะครับ เพราะแม้ตัว
เอกจะเป็นหญิง แต่สไตส์การเล่าเรื่องก็ไม่ได้อ่อนหวานขึ้นเลยซักนิด ยังคงความ
"แมนเกินพิกัด" เหมือนในภาคก่อนๆเปี๊ยบ แถมดูจะโหดดิบขึ้นกว่าเดิมด้วย
ซ้ำไป (เพราะไอเดียข้างต้นของ อ.อารากิ ก็คือ จะใส่ตัวเอกผู้หญิงในบริบทแบบ
โจโจ้ได้ยังไง? เพราะการผจญภัยในโจโจ้จะค่อนข้างเอาเป็นเอาตาย สู้ยิบตา
กระอักเลือด ดูแล้วจะไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงแน่ๆ แต่ถ้าลองมาคิดกลับกันแล้วมัน
ก็น่าสนุกไม่น้อยหากให้ผู้หญิง มาเผชิญกับอะไรแมนๆในโลกของโจโจ้บ้าง)
มีหลายสิ่งนะครับที่ภาค 6 ตกทอดมาจากภาคก่อนๆ อย่างเช่นภาค 5 ที่เน้นเรื่อง
พื้นที่สีเทาของตัวละครมากขึ้น ในภาคนี้สิ่งนี้ก็ยังคงมีอยู่ เพราะกลุ่มตัวเอกส่วน
ใหญ่ก็เป็นนักโทษที่มีคดีติดตัว มันสามารถสร้างความคลุมเคลือในเรื่องความดี
ความชั่วได้ไม่น้อยว่า "เราสามารถเรียกคนที่กระทำความผิดแบบนี้ว่าเป็นฝ่าย
ธรรมะได้อย่างไร?" หรือ "พุซซี่เป็นบาทหลวง คนที่เดินตามเส้นทางของ
พระผู้เป็นเจ้า แต่การกระทำของเขานั้นสมควรกับการเดินในสายทางของพระเจ้าแล้ว
งั้นหรือ?" ซึ่งสิ่งเหล่านี้ค่อนข้างโดดเด่นนะครับในภาค 6 ยกตัวอย่างเช่น อนัสซี่
ที่เป็นฆาตกรที่ฆ่าคนตายอย่างโหดเหี้ยม แต่คนที่เคยฆ่าคนอย่างเลือดเย็นนั้นจะ
สามารถกลับมามีจิตใจที่สะอาดได้อีกครั้งได้จริงๆหรือเปล่า? หรือ เอลเมส ที่ทำทุกวิถี
ทางเพื่อต้องการล้างแค้นเจ้าคนที่ฆ่าพี่สาวของเธอ แล้วไหนจึงมีคำว่าการให้อภัย
เป็นเรื่องสำคัญที่สุดล่ะ?
สไตส์การต่อสู้ในภาคนี้ก็ต่างไปจากเดิมนิดๆ หลายๆคนบ่นว่าภาคนี้สู้ไม่มันส์เท่าไหร่
ทั้งๆที่ดูจากความนองเลือดและความรุนแรงในภาคนี้ผมว่าการต่อสู้ดุเดือดและรุนแรง
มากกว่าภาคก่อนๆซะอีกนะครับ ยิ่งตัวเอกเป็นโจลีนด้วยแล้วยิ่งเพิ่มรุนแรงของฉากต่อสู้
มากเข้าไปอีก (หลายๆคนยังคงจำศึกในห้องขังลืมของโจลีนกับผู้คุมเวสท์วู้ดได้ดี ผม
ยกให้เป็นศึกที่รุนแรงและดูโหดร้ายที่สุดในภาคนี้เลย) ทั้งนี้ทั้งนันมีสามารถสื่อถึงการ
เติบโตทั้งทางร่างกายและจิตใจของโจลีนได้ดี เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองที่แม้จะโหด
ร้ายไปหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นการหล่อหลอมโจลีนจากเด็กสาวธรรมดาๆกลายเป็น
แอ็คชั่นฮีโร่ได้น่าสนใจไม่น้อยครับ
...แต่สาเหตุจริงๆที่ฉากบู๊ในภาคนี้มันดูไม่สนุกเท่าภาคก่อนๆ คงเป็นเรื่องของความ
สามารถสแตนด์ศัตรูที่เข้าใจยากและดูนามธรรมไปหน่อย และในภาคนี้มีการอิงหลัก
วิทยาศาสตร์มาใช้มาก เป็นจุดเด่นของแสตนด์ในภาคนี้เลย หากเข้าใจก็จะสนุกไม่มี
ปัญหา แต่ถ้าอ่านไปด้วยความงงมันก็กลายเป็นความน่าเบื่อไปแทน ถือเป็นจุดเด่น
ที่มีเฉพาะแค่ในภาค 6 เท่านั้นเลยครับ
แต่ส่วนที่ทำได้ดีที่สุดของภาค 6 จริงๆนั้น ผมยกให้เป็นเรื่องความสัมพันธุ์พ่อลูกของ
โจทาโร่ กับ โจลีน นั่นเองครับ ...เป็นสิ่งที่ อ.อารากิ วางเอาไว้ได้ดีมากเลย ซึ่งก็เป็น
เหตุสนับสนุนที่ดีว่าทำไมตัวเอกภาคนี้จึงต้องเป็นผู้หญิง เพราะถ้าโจลีนเป็นลูกชาย มัน
จะไม่สามารถเล่นกับความรู้สึกที่ "ห่วงใย" แบบในเรื่องได้ ถ้าเป็นลูกชายความ
สัมพันธุ์มันคงจะออกมาเป็นแนวๆลูกผู้ชายแน่นอน แต่พอเป็นลูกสาวมันสามารถเล่น
กับความห่วงใย หรือจุดอ่อนในความเป็นพ่อที่รักลูกสาวมากๆ หรือปมความห่างเหิน
ระหว่างพ่อกับลูกที่ขาดผู้ชายต้นแบบได้
..หากจะบอกว่า เป้าหมายของภาค 6 ก็คือ
"การค้นพบชีวิตใหม่" ก็ไม่ผิดครับ