[GIOGIO] บทความพิเศษ : เจาะลึก "โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ : Part 5 Vento Aureo" (ฉบับสมบูรณ์)

เพื่อนๆชาวพันทิปคงลืมไปหมดแล้วว่าผมเขียนบทความชุดนี้ค้างเอาไว้ที่ภาคห้า
(ฮาาา T^T หัวเราะทั้งน้ำตา) เพราะผมหายไปนานมากเลย จำได้ว่าน่าจะตั้งแต่
ปลายปี 2013 ที่ผมเขียนบทความชุดนี้ค้างไว้แล้วก็ไม่ได้กลับมาเขียนอีกเลย เพราะ
ส่วนตัวด้วยความยุ่งยากบางประการ กับตอนนั้นผมก่อเรื่องตั้งกระทู้งี่เง่าไร้สาระเอา
ไว้กระทู้หนึ่ง เลยไม่กล้าตั้งอะไรอีกเลยในตอนนั้น = ='' สาเหตุคือกำลังหงุดหงิดสุดขีด
...เป็นการกระทำชั่ววูบที่แย่มากๆ หวังว่าผมจะได้รับการให้อภัยนะครับ ....เอาล่ะ
พูดมาเยอะแล้ว มาเข้าเรื่องของเราในกระทู้นี้กันเถ๊อะ!

ลิงค์ตอนที่แล้ว (ภาค 4) : http://ppantip.com/topic/31381955

หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น
และในเนื้อหามีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญในการ์ตูน


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -




เจาะลึก "โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ
: Part 5 Vento Aureo" (ฉบับสมบูรณ์)


เคยมีใครคนหนึ่ง (คนๆนั้นคือเพื่อนผมครับ แต่จำไม่ได้แล้วว่าใคร) บอกไว้ว่า
"โจโจ้เป็นมังงะที่สามารถใส่พล็อตอะไรลงไปก็ได้" ...ทีนี้พอได้ฟังแบบนี้
ผมก็ลองมาถามตัวเองว่าจริงหรือเปล่า? โจโจ้เล่นพล็อตอะไรก็ได้จริงหรือ? จน
พอมานั่งอ่านตั้งแต่ภาค 1 จนถึง 8 ไล่ซ้ำอีกรอบ (เป็นรอบที่ล้านแล้วมั้งเนี่ย XD)
จริงๆแล้วโจโจ้แต่ละภาคมันก็มีแนวและ theme ที่ต่างกันทุกภาคอยู่แล้ว พูดง่ายๆ
คือพอขึ้นภาคใหม่ มันก็เหมือนเป็นการ์ตูนอีกเรื่องไปเลย นี่ถือเป็นความสนุกอีก
อย่างในการติดตามโจโจ้นะครับ ว่าการเปิดม่านภาคใหม่แต่ละครั้ง โจโจ้จะ
มาในรูปแบบไหน

และพอเอา "อารากิสไตส์" มาผสมกับ "แนวอื่นๆ" นั้น (อธิบายก่อนว่า
อารากิสไตส์ ก็คือการทำงานสไตส์อารากิ ที่นำอิทธิพลที่ได้จากสิ่งต่างๆ มาผสมกัน
จนออกมาเป็นวิธีการทำงานที่ไม่มีใครเหมือนนั่นเอง) หากมันเข้าคู่กันหรือลงตัว มัน
จะเป็นทำให้โจโจ้ภาคนั้นสนุกและพีคสุดๆ ซึ่งในโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ภาค 5 นี้ มัน
ก็เป็นอย่างเช่นที่ผมว่าไปข้างต้น นั่นคือการนำอารากิสไตส์ มาเล่าเรื่องใน theme
ของวงการแก๊งค์สเตอร์และมาเฟียแบบในหนัง The Godfather หรือ Goodfellas ซึ่งก็
ตอบไม่ได้เหมือนกันนะครับว่าทำไมพอโจโจ้มาจับคู่กับเนื้อหาวงการนักเลง มันจะออก
มาสนุกลงตัวได้ขนาดนี้ จนหลายๆคน ยกให้เป็นโจโจ้ภาคที่พีคที่สุดไปแล้ว

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

Gang Star is My Dream

เรื่องราวในภาค 5 เกิดขึ้นในฉากหลังเป็นอิตาลีในยุค 2001 ในแวดวงมาเฟียของ
แก๊งค์ "พาสิโอเน่" ที่ตามมาด้วยเรื่องราวการหักเหลี่ยมเฉือนคมและเนื้อเรื่อง
ที่สุดจะคาดเดา ...สังเกตว่าสิ่งที่ อ.อารากิ เก่งขึ้นจากภาคก่อนๆขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง
ก็คือ "ความเข้มของบทดราม่าและการวางโครงเรื่อง" ครับ ใน 4 ภาคที่ผ่าน
มาโจโจ้จะเดินเรื่องแบบไม่ค่อยมีอะไรมาก เดินเป็นเส้นตรง แต่พอมาถึงภาคนี้ เนื้อหา
ของโจโจ้จะซับซ้อนขึ้น มีชั้นเชิงในการนำเนสอ การสร้างจุดพลิกผัน รวมไปถึงการหักมุม
ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ต่างจากภาพยนต์หรือซีรีย์ดีๆเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

ปกติองค์ประกอบรายล้อมก็ทำให้โจโจ้สามารถเดินเรื่องธรรมดาๆให้น่าสนใจกว่าธรรมดา
ได้มากอยู่แล้ว แต่ภาค 5 นี่ได้ทั้งเนื้อเรื่องดีๆ และองค์ประกอบรายล้อมที่น่าสนใจ ทำให้
โครงเรื่องของภาค 5 แข็งมากจนหาข้อติไม่ค่อยจะเจอเลยครับ เพราะอะไรๆมันก็ดูลงตัว
เหมาะเจาะไปด้วยกันหมด ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นที่สวยและออกแบบตัวละครได้เปี่ยมสไตส์
ทั้งตัวละครดีและร้าย (เป็นภาคเดียวเลยนะครับที่ผมรู้สึกว่า อ.อารากิ แกออกแบบตัวละคร
ได้มีสเน่ห์มากๆทุกตัว ไม่มีตัวไหนที่ดูแล้วรู้สึกว่ามันแปลกหรือง่อยเลย แม้แต่คาร์เน่หรือ
เซ็คโก้ก็ออกมาดูดีในแบบของตัวเอง)

หรือกระทั่งการเดินเรื่องที่ไม่ยืดเยื้อให้เสียเวลา เนื้อหาจะเริ่มและจบในตัวของมันเอง
ไปเลยภายในเวลาไม่นาน เริ่มกระชับ เนื้อหาระหว่างเรื่องก็กระชับ กระทั่งตอนสู้ศึกสุด
ท้ายกับบอสก็ออกมากกระชับลงตัวสมบูรณ์มาก แทบจะพูดได้เลยว่าโจโจ้ภาคที่มีความ
เอกภาพในตัวเองมากที่สุด ก็คือภาคที่ห้านี่เองครับ

และที่ดู อ.อารากิ จะพัฒนาขึ้นไปอีกอย่างในการสร้างเนื้อเรื่องและคาแรคเตอร์คือ
การสร้าง "พื้นที่สีเทา" ในโจโจ้บ้าง ที่ผ่านมาฝ่ายธรรมะกับอธรรมจะแบ่งแยก
กันชัดเจนไปเลย แต่มาภาคนี้พื้นที่สีเทาเริ่มจะแผ่ขยายในหมู่ตัวละครและเนื้อเรื่องแล้ว
นิดๆครับ เพราะภายใต้การต่อสู้แบบเจอศัตรูเป็นด่านๆตามสูตรทั่วไปมันมีความซับซ้อน
ทางด้านอารมรณ์และความคิด ของตัวละครแฝงอยู่ในเนื้อเรื่องบ้างแล้ว เช่น บูจาราตี้
และพรรคพวกที่เริ่มต้นจากการเป็นคนที่มีชีวิตที่พังทลายเพราะโชคชะตาเล่นตลก แต่
ก็ยังยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้องอยู่ แม้มันจะเสี่ยงต่อชีวิต

ส่วนพวกศัตรูเองก็น่าสนใจไม่แพ้กันโดยเฉพาะทีมสังหารของ รีซอร์ท เนโร ที่เป็นกลุ่ม
ตัวร้ายที่มีศักดิ์ศรีและความเด็ดเดี่ยวทนงมากที่สุดในโจโจ้แล้ว ..ว่ากันตามจริงสถานะ
ของทีมนี้กับบูจาราตี้ในช่วงหลังก็ไม่ต่างกัน คือเป็นกลุ่มคนทรยศ ถ้าบูจาราตี้ทรยศเร็ว
กว่านี้ล่ะก็สองแก๊งค์อาจจะมารวมทีมกันโค่นบอสก็ได้ ซึ่งภายใต้เรื่องราวการสังหาร
ความจงรักภัคดี และการทรยศหักหลังนี้ คนอ่านจะได้สำผัสถึงตื้น ลึก หนา บาง
ของตัวละครมากกว่าเดิมมากๆ

สเน่ห์ของตัวละครหลักๆในภาคนี้อีกอย่างคงเป็น การที่ อ.อารากิ ได้เล่าภูมิหลังของ
ตัวละครทั้งหมดได้ดีและมีความลึกทางอารมณ์มาก ภายในเวลาแค่ 2-3 หน้ากระดาษ
เท่านั้น ก็สามารถบอกถึงประวัติคร่าวๆ รวมทั้งทัศนคติทุกอย่าง ของตัวละครให้เราได้
รู้ได้แล้ว (และทำให้รู้นะครับว่า ในทีมบูจาราตี้มีแต่พวกตกกระไดพลอยโจนมาเป็นนักเลง
ทั้งนั้น มีแต่สามรูคุงจริงๆที่ตั้งใจเข้ามาในแก๊งค์ด้วยตนเอง XD)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

Sleeping Slaves

ทำไมโจรูโน่ถึงต้องเป็นลูกดีโอ? ทั้งๆที่โจสตาร์ก็ควรจะเกิดมาจากโจสตาร์แท้ๆมิใช่หรือ?
แต่บางคนก็ลืมไปว่าร่างที่ดีโอมันใช้อยู่ก็คือร่างของโจสตาร์รุ่นปู่อย่างโจนาธานนะครับ
ฉะนั้นสายเลือดของโจรูโน่ก็คือโจสตาร์เต็มๆเลย ทีนี้พอกำหนดให้ตัวเอกเป็นลูกชายของ
ดีโอ มันก็เกิดความน่าสนใจมากในแง่ของการสืบทอดและสายเลือด เพราะมันทำให้โจรูโน่
เป็นตัวเอกที่เป็นส่วนผสมระหว่างแนวตัวเอกหัวใจคุณธรรมเหมือนสี่คนก่อน กับตัวเอกที่ตัด
สินใจอย่างเด็ดขาดและไม่มีความปราณี เป็นเรื่องแปลกเหมือนกันนะครับที่สองอย่างนี้จะ
มาอยู่ในตัวเอกคนๆเดียวได้ (แต่มาตอนนี้คงไม่แปลกอีกแล้ว เพราะบุคลิกพระเอกแบบ
นี้มีกันเกือบทุกเรื่องเลย)

ตามทฤษฎีของดีโอที่เขียนในไดอารี่ ในนิยาย Over Heaven คือ "ผู้หญิงยิ่งจิตใจหยาบ
ช้าเท่าใด ลูกที่ออกมาก็จะยิ่งดีเลิศประเสิรฐมากเท่านั้น"
เอาจริงๆผมก็ไม่เข้าใจแนวคิดนี้
ของดีโอเท่าไหร่นะครับ แต่ดูแล้วคงจะจริง เพราะแม่ของโจรูโน่นั้นหาความดีไม่ได้เลย
แต่สาเหตุที่ทำให้โจรูโน่เป็นชายหนุ่มผู้งดงามดั่งทองคำจริงๆก็คือการได้พบกับนักเลงลึกลับ
ที่ท่าทางเหมือน MJ คนนั้นนั่นเอง เพราะถ้าไม่มีเหตุการณ์นั้นโจรูโน่คงจะกลายเป็นเด็กมี
ปัญหาเป็นภาระสังคมแบบพี่น้องพ่อเดียวกันในภาค 6 แน่ๆ ฉะนั้นผมเลยคิดว่า โจรูโน่คือ
ตัวเอกที่บ่งบอกถึงส่วนผสมที่เกิดขึ้นจากทั้งด้านมืดและด้านสว่างได้ดีมากๆ ด้วยโชคชะตา
ทำให้เขาเลือกเส้นทางแบบ "โจสตาร์" ได้ ...ลองนึกภาพว่าหากโจรูโน่เลือกที่จะเป็น
"ดีโอคนที่สอง" ดูสิครับ

...แต่บางคนก็แอบบ่นว่า โจรูโน่เป็นตัวเอกที่ไม่ค่อยมีพัฒนาการเท่าไหร่ ทุกครั้งที่โจรูโน่
ปรากฏตัวเขาจะมาพร้อมกับความหล่อเก่งเทพเสมอ จนทำให้โจรูโน่ไม่ค่อยมีพัฒนาการทาง
ความรู้สึกเท่าใดนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้อเสียอะไรหรอกนะครับเพราะด้วยบทบาทของโจรูโน่เอง
พัฒนาการทางด้านนี้ก็ดูจะไม่จำเป็น เพราะคนที่มีบทบาทเรื่องพัฒนาการทางความรู้สึกของ
เรื่องจริงๆ ดันเป็นพระรองของเรื่องอย่าง "โบรโน่ บูจาราตี้" คนนี้ซะอย่างงั้น แฟนๆ
โจโจ้ที่อ่านภาค 5 ทุกคนคงจะรู้กันดีนะครับว่าบริบทของความเป็น "พระเอก" แทบจะเทมา
หาบูจาราตี้คนเดียว ทั้งบุคลิกความเป็นชายหนุ่มผู้อ่อนโยนที่ถูกชะตาเล่นตลกจนต้องกลาย
เป็นนักเลงในองค์กรมาเฟีย (ส่วนโจรูโน่มันตั้งใจเข้ามาในองค์กรด้วยตัวเองอยู่แล้ว XD),
บางครั้งบูจาราตี้ก็ปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลบ่อยๆเพราะอดีตที่เจ็บปวด (แต่โจรูโน่
จะมีความสุขุมและคิดตรึกตรองได้ดีกว่า), และความอ่อนโยนที่มากไป จนแทบจะเป็นจุด
อ่อนที่สุดของบูจาราตี้ (แต่โจรูโน่จะมีความเด็ดขาดมากในการสู้กับศัตรู)

บทพวกนี้มันส่งให้บูจาราตี้เป็นพระเอกมากๆ อาจเพราะตัวเอกอย่างโจรูโน่นั้นเป็นลูกของ
ดีโอด้วยครับ ทำให้ต้องมีตัวละครตัวไหนซักตัวมารับผิดชอบในส่วนของบทที่ให้เราได้เห็น
พัฒนาการของตัวละครด้วย บูจาราตี้เลยมีบทที่มีมิติ และดูมีเสน่ห่์แบบตัวละครมนุษย์มี
เลือดเนื้อมากกว่าโจรุโน่เยอะ ...ส่วนกลุ่มตัวเอกแต่ละคนก็น่าสนใจทุกคนครับ สังเกตว่า
ในเกม ASB มีภาค 3 กับ 5 นี่แหละที่มีตัวละครหลักๆในกลุ่มตัวเอกมากันเกือบครบเลย
พิสูจน์เลยว่าแฟนๆชอบตัวละครกลุ่มนี้ทั้งกลุ่มจริงๆ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

Golden Wind

ว่ากันถึงเรื่องที่หลายๆคนว่ากันว่า ภาค 5 คือจุดพีคที่สุดของ อ.อารากิ ในงานเขียน
โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ..คำถามคือ "ส่วนที่ว่าเป็นพีคนั้นตกลงแล้วมันอยู่ตรงไหนล่ะ?"

อืม...จะว่าไปแล้วมันคำถามที่ตอบยากเอาการเลยนะครับ เรื่องที่จะเอาอะไรมาวัดว่าภาค 5
คือภาคที่พีคที่สุด เพราะแต่ละคนก็มีภาคที่ตัวเองชอบที่สุดที่ต่างกันออกไป (อย่างตัวผมก็
ชอบภาค 4 และ 7 ที่สุด ส่วนภาค 5 ชอบรองลงมาเป็นอันดับสี่)

แต่ถ้าให้ตอบแบบเอามาตรฐาณโจโจ้ทุกภาคมาวัดกันแล้ว ภาค 5 โดดเด่นที่สุดในเรื่อง
"ความลงตัว" นั่นเอง แฟนๆหลายคนยกให้ภาค 5 เป็นที่สุดในแง่ของความลงตัว
ไม่ขาดไม่เกินจริงๆ ถ้าเป็นภาคอื่นเราคงจะเห็นถึงความหนักไปและเบาที่ต่างกันไปในภาคนั้นๆ
ได้หมด แต่ภาค 5 นี้ไม่มีเลย ทั้งๆที่โดยเนื้อหาของภาคนี้ว่าตามจริง มันเป็นภาคที่มีความเกี่ยว
ข้องกับภาคอื่นๆน้อยมาก (แต่เอ๊ะ...สำคัญด้วยหรือว่าจะเกี่ยวมากเกี่ยวน้อย 5555+ ในมุมมอง
ของผมในฐานะเป็นเนื้อหา ที่ยังไม่รีเซ็ทจักรวาล ผมว่าความต่อเนื่องก็สำคัญนะ) ..แต่ความ
เพอร์เฟ็คของภาค 5 ในเรื่องของความลงตัวทำให้นี่เป็นภาคที่อ่านสนุกและมีสาระให้คนอ่าน
ได้ขบคิดไปพร้อมกันแบบไม่ต้องเข้าใจกับปรัชญาลึกซึ้งแบบในภาคหลังๆ หรือมีเนื้อหาที่สูตร
สำเร็จมากไปแบบในภาคแรกๆเลย ...ทีนี้จริงๆแล้วภาคไหนคือภาคที่พีคที่สุดของโจโจ้
ขึ้นอยู่กับมุมมองของคนอ่านเป็นคนตัดสินแล้วกันครับ ^ ^

แต่ก็ตามประสาทั่วๆไปของนักเขียนการ์ตูนนะครับ เวลาอยู่ในจุดพีคที่สุดในการทำงาน
มันคงยากที่จะมีจุดพีคครั้งที่ 2 มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ...อ.อารากิ เองก็เหมือนกัน เพราะ
โจโจ้บทต่อไปก็เป็นภาคที่ค่อนข้างอยู่นอกสายตาหลายๆคนที่สุดภาคหนึ่งเลย เพราะด้วย
ความคิดหลายอย่างของ อ.อารากิ ที่เปลี่ยนไปแล้ว กับการอยากทดลองอะไรใหม่ๆจนเกิด
ความไม่ลงตัวบางอย่างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตัวเอกผู้หญิงเป็นครั้งแรก หรือการกำหนด
ให้เรื่องราวดำเนินอยู่ในคุก ที่สำคัญยังเป็นจุดจบที่นำไปสู่จุดเริ่มต้น "อีกครั้ง" ของ
จักรวาลโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ในแบบที่นักเขียนการ์ตูนหลายๆคนไม่กล้าทำแน่ๆ...


(To Be Continued>>>)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่