ช่างเป็นเรื่องแสนบัดสีที่สื่อมวลชนไทยยุคนี้แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ค่อยได้ สื่อฯ บางสำนัก
เข้าข่ายโง่บัดซบด้วยซ้ำไป เหตุผลที่สื่อฯ ถูกวิพากษ์รุนแรงเช่นนี้ก็เพราะ มักจะปรากฏเสมอ ๆ
ว่า หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียงหลายฉบับและหลายสถานีนำเสนอข่าวที่ไม่
ควรนำเสนอ อาทิ ข่าวคนทำผิดกฎหมายวิพากษ์วิจารณ์และด่าทอศาลจนเข้าข่าวช่วย
กระจายสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้แพร่กระจายไปในสังคม แม้กระท่งการนำเสนอข่าวที่แกนนำเสื้อ
แดงขี้ข้าระบอบทักษิณ อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกข่าวเรื่องนายกรัฐมนตรีคนกลางโดยไม่มี
เหตุผลและหลักฐานที่ชัดเจนประกอบ
เมื่อสื่อฯ เกิดอาการโง่บัดซบ ก็จึงกลายเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้สังคมไทยเกิดอาการโง่
บัดซบและเห็นผิดเป็นชอบตามไปโดยปริยาย เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยยังให้ความเกรง
อกเกรงใจ และยกย่องว่าสื่อฯ คือฐานันดรที่สี่ของสังคม
การที่สังคมยกย่องสื่อฯ เช่นนั้น เพราะเชื่อมั่นว่าสื่อฯ เป็นคนดี เป็นผู้มีสติปัญญา เป็นผู้ที่เห็น
แก่ผลประโยชน์ของบ้านของเมืองเป็นสำคัญ และสื่อฯ สามารถชี้ช่องทางที่ถูกต้องให้กับสังคมได้
แต่ความจริงกับความเชื่อเกี่ยวกับสื่อฯ ในยุคนี้กลายเป็นคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง เพราะสื่อฯ
จำนวนไม่น้อยโง่เขลาเบาปัญญา ขาดความรับผิดชอบต่อสาธารณะ เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว
จนเกินบรรยาย และสื่อฯ จำนวนไม่น้อยก็ยอมตกเป็นขี้ข้าระบอบทักษิณเพราะเห็นแก่อามิสสิน
จ้างมากกว่ายึดมั่นในหลักอาชีวะปฏิญาณของวิชาชีพสื่อสารมวลชน
สื่อฯ บางรายยอมคลานเข้าไปกราบแทบเท้าเพื่อขอเงินจากนักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร สือฯ
บางจำพวกรู้ดีว่าทักษิณหนีคดีอาญาแผ่นดินแต่ก็กลับคลานไปขอสัมภาษณ์นักโทษอาญาและ
นำเอาความเท็จของทักษิณออกมาขยายความอย่างครึกโครมโดยปราศจากคำซักค้านและตี
แผ่มุมมืดของอาชญากรแผ่นดินรายนี้ ส่วนสื่อฯ อีกไม่น้อยต่างก็ช่วยกันขยายความเลวของขี้ข้า
ทักษิณอย่างไร้ความยั้งคิด
ตัวอย่างล่าสุดคือการที่สื่อฯ ช่วยกันประโคมข่าวโคมลอยเรื่องนายกรัฐมนตรีคนกลางที่ถูกปล่อย
จากปากของผู้ที่เคยยุยงให้เกิดการเผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553
หลังจากขี้ข้าทักษิณปล่อยข่าวไร้ความจริงเรื่องนี้ออกมา สังคมก็ได้เห็นความโง่ของสื่อฯ ไทย
จำนวนไม่น้อยที่ต่างกระโจนเข้าแย่งกันรายงานข่าวนี้อย่างเมามัน ซึ่งการทำเช่นนี้ก็คือการส่งเสริม
ให้ขี้ข้าทักษิณโกหกสังคมไทยได้สะดวกสบายขึ้น
น่าสมเพชสื่อมวลชนไทยยุคนี้เสียเหลือเกิน น่าสมเพชเพราะไร้สติไร้ปัญญาสิ้นความคิด สื่อฯ
คงลืมไปแล้วว่า การนำเสนอข่าวโคมลอยไร้ความจริงคือการจงใจสร้างความโกลาหลและเหตุ
มิคสัญญีกลียุคให้เกิดกับสังคมอย่างแท้จริง
สื่อฯ ควรจะต้องสำเหนียกตนเองให้มากยิ่งขัน และต้องเร่งทบทวนการกระทำของตนโดยด่วน
สื่อต้องถามตัวเองอย่างจริงจังและหนักแน่นว่า เวลาทำอาชีพสือฯ นั้น ตนเองมีความรับผิดชอบ
ต่อสังคม และยังมีสติ มีสมองสมบูรณ์อยู่หรือไม่ หากไม่แน่ใจว่าตนเองมีความรับผิดชอบต่อสังคม
มากเพียงพอ และไม่แน่ใจว่าตนเองโง่หรือฉลาดแล้ว ขอได้โปร่ดเลิกอาชีพนักสื่อสารมวลชนเสีย
เถอะ อย่าทนทำอาชีพสำคัญนี้อีกต่อไปเลย เพราะนั่นเท่ากัน สื่อฯ คือตัวการทำลาย และทำร้าย
บ้านเมืองไทยอย่างน่าอนาถใจ
http://www.naewna.com/politic/columnist/11697
น่าจะระบุชื่อมาเลยนะ อยากจะด่า "มติชน ข่าวสด:...." เป็นหลัก รวมทั้งบางคอลัมน์ในไทยรัฐ
แต่ระวังด้วย เดี๋ยว เขาเลยไม่ใหั้ วสิษฐ เดชกุญชร กับ นงนุช สิงหะเดชะ เขียนนะ
คนทำสื่อ มืออาชีพ ก็ทำเป็นธุรกิจ ต้องการผลกำไร ไม่ใช่พิมพ์แล้วไม่มีคนอ่าน ต้องไปแจก
และอาจถึงกับต้องจ้างให้อ่านก็ได้นะ
"แนวหน้า" ประนามสื่อไทย "สื่อไทยฯ ยังโง่ จึงตกเป็นเหยื่อขี้ข้าทักษิณ" บทบรรณาธิการ
เข้าข่ายโง่บัดซบด้วยซ้ำไป เหตุผลที่สื่อฯ ถูกวิพากษ์รุนแรงเช่นนี้ก็เพราะ มักจะปรากฏเสมอ ๆ
ว่า หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียงหลายฉบับและหลายสถานีนำเสนอข่าวที่ไม่
ควรนำเสนอ อาทิ ข่าวคนทำผิดกฎหมายวิพากษ์วิจารณ์และด่าทอศาลจนเข้าข่าวช่วย
กระจายสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้แพร่กระจายไปในสังคม แม้กระท่งการนำเสนอข่าวที่แกนนำเสื้อ
แดงขี้ข้าระบอบทักษิณ อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกข่าวเรื่องนายกรัฐมนตรีคนกลางโดยไม่มี
เหตุผลและหลักฐานที่ชัดเจนประกอบ
เมื่อสื่อฯ เกิดอาการโง่บัดซบ ก็จึงกลายเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้สังคมไทยเกิดอาการโง่
บัดซบและเห็นผิดเป็นชอบตามไปโดยปริยาย เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยยังให้ความเกรง
อกเกรงใจ และยกย่องว่าสื่อฯ คือฐานันดรที่สี่ของสังคม
การที่สังคมยกย่องสื่อฯ เช่นนั้น เพราะเชื่อมั่นว่าสื่อฯ เป็นคนดี เป็นผู้มีสติปัญญา เป็นผู้ที่เห็น
แก่ผลประโยชน์ของบ้านของเมืองเป็นสำคัญ และสื่อฯ สามารถชี้ช่องทางที่ถูกต้องให้กับสังคมได้
แต่ความจริงกับความเชื่อเกี่ยวกับสื่อฯ ในยุคนี้กลายเป็นคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง เพราะสื่อฯ
จำนวนไม่น้อยโง่เขลาเบาปัญญา ขาดความรับผิดชอบต่อสาธารณะ เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว
จนเกินบรรยาย และสื่อฯ จำนวนไม่น้อยก็ยอมตกเป็นขี้ข้าระบอบทักษิณเพราะเห็นแก่อามิสสิน
จ้างมากกว่ายึดมั่นในหลักอาชีวะปฏิญาณของวิชาชีพสื่อสารมวลชน
สื่อฯ บางรายยอมคลานเข้าไปกราบแทบเท้าเพื่อขอเงินจากนักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร สือฯ
บางจำพวกรู้ดีว่าทักษิณหนีคดีอาญาแผ่นดินแต่ก็กลับคลานไปขอสัมภาษณ์นักโทษอาญาและ
นำเอาความเท็จของทักษิณออกมาขยายความอย่างครึกโครมโดยปราศจากคำซักค้านและตี
แผ่มุมมืดของอาชญากรแผ่นดินรายนี้ ส่วนสื่อฯ อีกไม่น้อยต่างก็ช่วยกันขยายความเลวของขี้ข้า
ทักษิณอย่างไร้ความยั้งคิด
ตัวอย่างล่าสุดคือการที่สื่อฯ ช่วยกันประโคมข่าวโคมลอยเรื่องนายกรัฐมนตรีคนกลางที่ถูกปล่อย
จากปากของผู้ที่เคยยุยงให้เกิดการเผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553
หลังจากขี้ข้าทักษิณปล่อยข่าวไร้ความจริงเรื่องนี้ออกมา สังคมก็ได้เห็นความโง่ของสื่อฯ ไทย
จำนวนไม่น้อยที่ต่างกระโจนเข้าแย่งกันรายงานข่าวนี้อย่างเมามัน ซึ่งการทำเช่นนี้ก็คือการส่งเสริม
ให้ขี้ข้าทักษิณโกหกสังคมไทยได้สะดวกสบายขึ้น
น่าสมเพชสื่อมวลชนไทยยุคนี้เสียเหลือเกิน น่าสมเพชเพราะไร้สติไร้ปัญญาสิ้นความคิด สื่อฯ
คงลืมไปแล้วว่า การนำเสนอข่าวโคมลอยไร้ความจริงคือการจงใจสร้างความโกลาหลและเหตุ
มิคสัญญีกลียุคให้เกิดกับสังคมอย่างแท้จริง
สื่อฯ ควรจะต้องสำเหนียกตนเองให้มากยิ่งขัน และต้องเร่งทบทวนการกระทำของตนโดยด่วน
สื่อต้องถามตัวเองอย่างจริงจังและหนักแน่นว่า เวลาทำอาชีพสือฯ นั้น ตนเองมีความรับผิดชอบ
ต่อสังคม และยังมีสติ มีสมองสมบูรณ์อยู่หรือไม่ หากไม่แน่ใจว่าตนเองมีความรับผิดชอบต่อสังคม
มากเพียงพอ และไม่แน่ใจว่าตนเองโง่หรือฉลาดแล้ว ขอได้โปร่ดเลิกอาชีพนักสื่อสารมวลชนเสีย
เถอะ อย่าทนทำอาชีพสำคัญนี้อีกต่อไปเลย เพราะนั่นเท่ากัน สื่อฯ คือตัวการทำลาย และทำร้าย
บ้านเมืองไทยอย่างน่าอนาถใจ
http://www.naewna.com/politic/columnist/11697
น่าจะระบุชื่อมาเลยนะ อยากจะด่า "มติชน ข่าวสด:...." เป็นหลัก รวมทั้งบางคอลัมน์ในไทยรัฐ
แต่ระวังด้วย เดี๋ยว เขาเลยไม่ใหั้ วสิษฐ เดชกุญชร กับ นงนุช สิงหะเดชะ เขียนนะ
คนทำสื่อ มืออาชีพ ก็ทำเป็นธุรกิจ ต้องการผลกำไร ไม่ใช่พิมพ์แล้วไม่มีคนอ่าน ต้องไปแจก
และอาจถึงกับต้องจ้างให้อ่านก็ได้นะ