โดย : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในช่วงที่ผมเริ่มเป็น VI ใหม่ ๆ เกือบ 20 ปีมาแล้วนั้น กลยุทธ์การลงทุนตอนนั้นก็คือการซื้อหุ้นที่มีคุณภาพพอใช้ได้แต่มีราคาถูกมาก
หรือไม่ก็เป็นหุ้นมีคุณภาพดีราคาถูกพอสมควร ต่อมาเมื่อตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้นพร้อมภาวะเศรษฐกิจประเทศ
ราคาหุ้นทั่วไปในตลาดไม่ถูกเหมือนเดิมแต่ยังค่อนข้างถูก กลยุทธ์ลงทุนเปลี่ยนแปลงไป ผมหันมาลงทุนหุ้นมีคุณภาพดีมากราคาถูกหรือราคาไม่แพง เป็นแนวลงทุนแบบ Super Stock
จวบจนปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเป็นปกติแล้วและตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาเต็มที่ตามพื้นฐานที่ควรเป็น ส่งผลให้หุ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะหุ้นซุปเปอร์สต็อกราคาแพงขึ้นมาก จนแทบไม่เหลือ Margin of Safety หรือส่วนเผื่อความปลอดภัยการลงทุน ปัญหาคือถ้าเราได้รับปันผลมาหรือขายหุ้นบางตัวทิ้ง ควรจะเอาเงินไปลงทุนแบบไหน? และนี่นำมาสู่ประเด็นที่ผมจะพูด คือกลยุทธ์ลงทุนหุ้นถูก ที่ยังเหลืออยู่บ้างในตลาดหลักทรัพย์
ในภาวะปัจจุบันของตลาดหุ้นนั้น เรายังมีกลุ่มธุรกิจหลายกลุ่มที่มีหุ้นราคาถูกอยู่ในความหมายที่ว่า ค่า PE ยังต่ำกว่าหรือประมาณ 10 เท่าต้น ๆ ค่า PB ไม่ถึง 1 หรือหนึ่งเท่าเศษ ๆ และผลตอบแทนเงินปันผลมากกว่า 3-4% ของปีล่าสุด
การที่หุ้นมีราคาถูกนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะว่าหุ้นอยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่ดี หรืออาจจะมีปัญหาทำกำไรในอนาคต ทำให้ตลาดไม่ให้คุณค่ามันเท่ากับธุรกิจกลุ่มอื่นๆ อย่างไรก็ตามตลาดอาจจะผิด ในบางอุตสาหกรรมหรือในหุ้นบางตัว
ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นถูกของผมนั้นหลักๆ แล้วคือ พยายามหาหุ้นที่ถูกมาก ที่ตัวธุรกิจหรือกิจการอาจจะไม่ เลวร้าย อย่างที่ตลาดหรือนักลงทุนทั่วไปคิด ลองมาดูกันไปทีละกลุ่มที่อาจจะเป็นเป้าหมายลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มที่ยังถูกหรือไม่แพงยามนี้
หุ้นกลุ่มแรกที่ยังถูกอยู่และก็คงถูกไปเรื่อยๆ คือหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม ตะวันตกดิน เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร ผู้ผลิตสิ่งทอถูกจัดอยู่ในกลุ่มแฟชั่น และอุตสาหกรรมเหล็ก เป็นต้น หุ้นกลุ่มนี้มีปัญหาว่าในระยะยาวแล้ว อาจไม่สามารถแข่งขันได้กับประเทศอื่น ซึ่งทำให้ธุรกิจต้องค่อยๆ หดตัวลง ดังนั้นการลงทุนในหุ้นถูกกลุ่มนี้จึงไม่มีประโยชน์
อย่างไรก็ตาม คนที่เข้าใจกิจการอย่างลึกซึ้ง อาจจะหาหุ้นที่ไม่ได้ผลิตสินค้าตะวันตกดินอย่างที่คนอื่นคิด แม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจเหล่านั้น ถ้าพบบริษัทที่มีอนาคตแต่ราคาถูกมากก็สามารถลงทุนได้ ประเด็นสำคัญคือเราไม่ควรมองผลประกอบการระยะสั้นแล้วเข้าไปซื้อหุ้นในกลุ่มตะวันตกดิน แม้ว่าหุ้นจะมีราคาถูกมาก
หุ้นกลุ่มต่อมาที่ยังมีหุ้นราคาถูกอยู่บ้าง คือหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทสร้างบ้านขาย อานิสงส์จากการที่ราคาหุ้นในกลุ่มปรับตัวลงเมื่อเร็วๆ นี้จากผลกระทบเรื่องภาวะเศรษฐกิจประเทศที่อ่อนตัวลง หุ้นขายบ้านจัดสรรหรือทำคอนโดฯ มีราคาถูก เป็นเพราะธุรกิจนี้อาจจะค่อนข้างอิ่มตัว และมีคู่แข่งมาก อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีความผันผวนสูง ตามภาวะเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยในประเทศ
ดังนั้น โดยปกติที่หุ้นอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้มีราคาถูกจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุผล การที่จะหวังให้หุ้นมีค่า PE ที่สูงขึ้นจึงอาจจะหวังไม่ได้มากนัก ดังนั้น ถ้าจะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ นอกจากหุ้นจะต้องถูกมากแล้ว คิดว่าจะต้องเป็นบริษัทที่จะมีกำไรมากขึ้นอย่างน้อยช่วงหนึ่งถึงสองปีข้างหน้าอย่างค่อนข้างแน่ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ด้วยกำไรที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นก็น่าจะเพิ่มขึ้นตาม โดยค่า PE ก็ยังเท่าเดิมหรือไม่น่าจะต่ำลง
แต่ถ้าโชคดี ค่า PE ก็เพิ่มขึ้นด้วยเราก็จะได้ สองเด้ง ส่วนข้อที่ต้องระวังคือ อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน ถ้าปรับขึ้นแรง ราคาหุ้นมักปรับตัวลง เช่นเดียวกัน ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำลงอีก การซื้อบ้านอาจลดลงมาก และนั่นทำให้การลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์เสี่ยงพอสมควร
หุ้นกลุ่มใหญ่มากกลุ่มหนึ่ง ที่ยังมีหุ้นถูกอยู่พอสมควรคือ หุ้นธุรกิจการเงินซึ่งรวมถึงหุ้น ธนาคาร เงินทุน และหลักทรัพย์ หุ้นในกลุ่มนี้ที่นักลงทุนให้คุณค่าน้อยทำให้มีค่า PEกับPB ไม่สูง และปันผลตอบแทนค่อนข้างดีนั้น เป็นเพราะเรื่องของความเสี่ยง รุนแรง ในกรณีของบริษัทที่อิงอยู่กับการปล่อยกู้อย่างธนาคารพาณิชย์และบริษัทให้สินเชื่อเช่าซื้อทั้งหลาย โดยที่บริษัทเหล่านี้อาจประสบกับปัญหาหนี้เสียรุนแรง ซึ่งจะทำให้บริษัทขาดทุนหนักหรืออาจล้มละลายได้ เนื่องจากเงินปล่อยกู้นั้นสูงมากเมื่อเทียบกับส่วนทุนของบริษัทเอง
ส่วนในกรณีของธุรกิจหลักทรัพย์เองนั้น การแข่งขันในธุรกิจรุนแรงและมักเป็นการแข่งขันกันทางด้านของราคาเป็นหลัก ในอีกด้านหนึ่งปริมาณการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นรายได้หลักของโบรกเกอร์เองนั้น มีความไม่แน่นอนสูงขึ้นอยู่กับภาวะตลาด ซึ่งทำให้รายได้และกำไรบริษัทไม่แน่นอนสูงมาก ดังนั้นราคาหุ้นบริษัทหลักทรัพย์จึงไม่สามารถจะแพง เหมือนธุรกิจอื่นที่มีความแน่นอนกว่า
กลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจปล่อยเงินกู้ ไม่ว่าจะเป็นแบงก์หรือบริษัทให้กู้เช่าซื้อนั้น คิดว่าการที่หุ้นมีราคาค่อนข้างถูกช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความกลัวเรื่องหนี้เสียที่อาจจะเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะในด้านของบุคคลธรรมดา ดังนั้นกลยุทธ์ที่ควรใช้คือควรเลือกหุ้นถูกมากเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มที่ถูกอยู่แล้ว
นอกจากนั้น ควรต้องดูว่าหนี้เสียของบริษัทนั้นจะสามารถควบคุมได้ไม่สูงเกินไป ความสม่ำเสมอของผลงานในอดีตจะต้องเป็นปัจจัยประกอบการวิเคราะห์ด้วย ส่วนธุรกิจหลักทรัพย์นั้นคิดว่าถ้าจะลงทุนควรเน้นถูกมากๆ เช่น เฉพาะเงินสดที่มีในบริษัทอาจมากกว่าราคาหุ้นแล้ว หมายความว่าถ้าเลิกบริษัทเอาเงินมาแบ่งกันก็อาจคุ้มแล้ว
หุ้นพลังงาน ดั้งเดิม บางตัว นี่คือหุ้นขนาดใหญ่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานที่มีมานาน หุ้นบางตัวนั้นขนาดใหญ่มาก และทำธุรกิจหลากหลายเกี่ยวกับพลังงาน แม้ว่ากิจการจะมีกำไรผันผวนตามราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวไปเรื่อยๆ แต่ในระยะยาวแล้ว กำไร ปกติ ของบริษัทอยู่ในระดับที่ใช้ได้ อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มนี้มีขนาดใหญ่ทำให้ขาดแรง เก็งกำไร จากนักลงทุนรายย่อย
นอกจากนั้น การเติบโตของกิจการเองก็ไม่สูง ทำให้ตลาดไม่ให้คุณค่ามากนัก ถ้าจะลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ที่ถือว่ายังมีหุ้นถูกอยู่บ้างควรจะต้องเข้าใจว่า ข้อแรกราคาไม่ได้ถูกมาก ข้อสองการจะได้ผลตอบแทนมากและเร็วน่าจะยาก การลงทุนควรหวังว่าจะได้ผลตอบแทนพอสมควรความเสี่ยงไม่สูง ส่วนกลยุทธ์ลงทุนก็เช่นเคย ต้องเน้นหุ้นราคาถูกเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มเดียวกัน ขณะเดียวกัน ผลประกอบการต้องสม่ำเสมอมั่นคงพอสมควร และปันผลที่ได้ต้องค่อนข้างดี อย่างน้อยควรได้ถึง 4%ในปีล่าสุด
ทั้งหมดนั้นก็คือกลยุทธ์คร่าวๆ ของการลงทุนหุ้นถูก ที่ยังเหลืออยู่บ้างในตลาดหลักทรัพย์ การลงทุนนี้สำหรับผมเป็นการเลือกที่เรียกว่า Second Best คือ ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ และจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่ตนเองชอบหรือถนัด แต่ยังดีกว่าเก็บเงินสดไว้ในธนาคาร
การลงทุนในหุ้นถูกแบบนี้ อาจจะไม่ใช่การลงทุนที่ถือไว้ยาวนานมาก ต้องคอยเฝ้าดูอยู่เสมอว่าถึงเวลาขายหรือยัง ไม่ใช่แค่ดูหุ้นตัวที่เราลงทุน แต่ต้องดูว่ามีโอกาสจะพบหุ้นตัวใหม่ที่ดีกว่า และถือลงทุนระยะยาวกว่าได้หรือไม่ ดังนั้นนี่คือการลงทุนที่อาจไม่ถาวร แต่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงได้
กลยุทธ์ลงทุนหุ้นถูก
ในช่วงที่ผมเริ่มเป็น VI ใหม่ ๆ เกือบ 20 ปีมาแล้วนั้น กลยุทธ์การลงทุนตอนนั้นก็คือการซื้อหุ้นที่มีคุณภาพพอใช้ได้แต่มีราคาถูกมาก
หรือไม่ก็เป็นหุ้นมีคุณภาพดีราคาถูกพอสมควร ต่อมาเมื่อตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้นพร้อมภาวะเศรษฐกิจประเทศ
ราคาหุ้นทั่วไปในตลาดไม่ถูกเหมือนเดิมแต่ยังค่อนข้างถูก กลยุทธ์ลงทุนเปลี่ยนแปลงไป ผมหันมาลงทุนหุ้นมีคุณภาพดีมากราคาถูกหรือราคาไม่แพง เป็นแนวลงทุนแบบ Super Stock
จวบจนปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเป็นปกติแล้วและตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาเต็มที่ตามพื้นฐานที่ควรเป็น ส่งผลให้หุ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะหุ้นซุปเปอร์สต็อกราคาแพงขึ้นมาก จนแทบไม่เหลือ Margin of Safety หรือส่วนเผื่อความปลอดภัยการลงทุน ปัญหาคือถ้าเราได้รับปันผลมาหรือขายหุ้นบางตัวทิ้ง ควรจะเอาเงินไปลงทุนแบบไหน? และนี่นำมาสู่ประเด็นที่ผมจะพูด คือกลยุทธ์ลงทุนหุ้นถูก ที่ยังเหลืออยู่บ้างในตลาดหลักทรัพย์
ในภาวะปัจจุบันของตลาดหุ้นนั้น เรายังมีกลุ่มธุรกิจหลายกลุ่มที่มีหุ้นราคาถูกอยู่ในความหมายที่ว่า ค่า PE ยังต่ำกว่าหรือประมาณ 10 เท่าต้น ๆ ค่า PB ไม่ถึง 1 หรือหนึ่งเท่าเศษ ๆ และผลตอบแทนเงินปันผลมากกว่า 3-4% ของปีล่าสุด
การที่หุ้นมีราคาถูกนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะว่าหุ้นอยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่ดี หรืออาจจะมีปัญหาทำกำไรในอนาคต ทำให้ตลาดไม่ให้คุณค่ามันเท่ากับธุรกิจกลุ่มอื่นๆ อย่างไรก็ตามตลาดอาจจะผิด ในบางอุตสาหกรรมหรือในหุ้นบางตัว
ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นถูกของผมนั้นหลักๆ แล้วคือ พยายามหาหุ้นที่ถูกมาก ที่ตัวธุรกิจหรือกิจการอาจจะไม่ เลวร้าย อย่างที่ตลาดหรือนักลงทุนทั่วไปคิด ลองมาดูกันไปทีละกลุ่มที่อาจจะเป็นเป้าหมายลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มที่ยังถูกหรือไม่แพงยามนี้
หุ้นกลุ่มแรกที่ยังถูกอยู่และก็คงถูกไปเรื่อยๆ คือหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม ตะวันตกดิน เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร ผู้ผลิตสิ่งทอถูกจัดอยู่ในกลุ่มแฟชั่น และอุตสาหกรรมเหล็ก เป็นต้น หุ้นกลุ่มนี้มีปัญหาว่าในระยะยาวแล้ว อาจไม่สามารถแข่งขันได้กับประเทศอื่น ซึ่งทำให้ธุรกิจต้องค่อยๆ หดตัวลง ดังนั้นการลงทุนในหุ้นถูกกลุ่มนี้จึงไม่มีประโยชน์
อย่างไรก็ตาม คนที่เข้าใจกิจการอย่างลึกซึ้ง อาจจะหาหุ้นที่ไม่ได้ผลิตสินค้าตะวันตกดินอย่างที่คนอื่นคิด แม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจเหล่านั้น ถ้าพบบริษัทที่มีอนาคตแต่ราคาถูกมากก็สามารถลงทุนได้ ประเด็นสำคัญคือเราไม่ควรมองผลประกอบการระยะสั้นแล้วเข้าไปซื้อหุ้นในกลุ่มตะวันตกดิน แม้ว่าหุ้นจะมีราคาถูกมาก
หุ้นกลุ่มต่อมาที่ยังมีหุ้นราคาถูกอยู่บ้าง คือหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทสร้างบ้านขาย อานิสงส์จากการที่ราคาหุ้นในกลุ่มปรับตัวลงเมื่อเร็วๆ นี้จากผลกระทบเรื่องภาวะเศรษฐกิจประเทศที่อ่อนตัวลง หุ้นขายบ้านจัดสรรหรือทำคอนโดฯ มีราคาถูก เป็นเพราะธุรกิจนี้อาจจะค่อนข้างอิ่มตัว และมีคู่แข่งมาก อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีความผันผวนสูง ตามภาวะเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยในประเทศ
ดังนั้น โดยปกติที่หุ้นอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้มีราคาถูกจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุผล การที่จะหวังให้หุ้นมีค่า PE ที่สูงขึ้นจึงอาจจะหวังไม่ได้มากนัก ดังนั้น ถ้าจะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ นอกจากหุ้นจะต้องถูกมากแล้ว คิดว่าจะต้องเป็นบริษัทที่จะมีกำไรมากขึ้นอย่างน้อยช่วงหนึ่งถึงสองปีข้างหน้าอย่างค่อนข้างแน่ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ด้วยกำไรที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นก็น่าจะเพิ่มขึ้นตาม โดยค่า PE ก็ยังเท่าเดิมหรือไม่น่าจะต่ำลง
แต่ถ้าโชคดี ค่า PE ก็เพิ่มขึ้นด้วยเราก็จะได้ สองเด้ง ส่วนข้อที่ต้องระวังคือ อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน ถ้าปรับขึ้นแรง ราคาหุ้นมักปรับตัวลง เช่นเดียวกัน ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำลงอีก การซื้อบ้านอาจลดลงมาก และนั่นทำให้การลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์เสี่ยงพอสมควร
หุ้นกลุ่มใหญ่มากกลุ่มหนึ่ง ที่ยังมีหุ้นถูกอยู่พอสมควรคือ หุ้นธุรกิจการเงินซึ่งรวมถึงหุ้น ธนาคาร เงินทุน และหลักทรัพย์ หุ้นในกลุ่มนี้ที่นักลงทุนให้คุณค่าน้อยทำให้มีค่า PEกับPB ไม่สูง และปันผลตอบแทนค่อนข้างดีนั้น เป็นเพราะเรื่องของความเสี่ยง รุนแรง ในกรณีของบริษัทที่อิงอยู่กับการปล่อยกู้อย่างธนาคารพาณิชย์และบริษัทให้สินเชื่อเช่าซื้อทั้งหลาย โดยที่บริษัทเหล่านี้อาจประสบกับปัญหาหนี้เสียรุนแรง ซึ่งจะทำให้บริษัทขาดทุนหนักหรืออาจล้มละลายได้ เนื่องจากเงินปล่อยกู้นั้นสูงมากเมื่อเทียบกับส่วนทุนของบริษัทเอง
ส่วนในกรณีของธุรกิจหลักทรัพย์เองนั้น การแข่งขันในธุรกิจรุนแรงและมักเป็นการแข่งขันกันทางด้านของราคาเป็นหลัก ในอีกด้านหนึ่งปริมาณการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นรายได้หลักของโบรกเกอร์เองนั้น มีความไม่แน่นอนสูงขึ้นอยู่กับภาวะตลาด ซึ่งทำให้รายได้และกำไรบริษัทไม่แน่นอนสูงมาก ดังนั้นราคาหุ้นบริษัทหลักทรัพย์จึงไม่สามารถจะแพง เหมือนธุรกิจอื่นที่มีความแน่นอนกว่า
กลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจปล่อยเงินกู้ ไม่ว่าจะเป็นแบงก์หรือบริษัทให้กู้เช่าซื้อนั้น คิดว่าการที่หุ้นมีราคาค่อนข้างถูกช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความกลัวเรื่องหนี้เสียที่อาจจะเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะในด้านของบุคคลธรรมดา ดังนั้นกลยุทธ์ที่ควรใช้คือควรเลือกหุ้นถูกมากเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มที่ถูกอยู่แล้ว
นอกจากนั้น ควรต้องดูว่าหนี้เสียของบริษัทนั้นจะสามารถควบคุมได้ไม่สูงเกินไป ความสม่ำเสมอของผลงานในอดีตจะต้องเป็นปัจจัยประกอบการวิเคราะห์ด้วย ส่วนธุรกิจหลักทรัพย์นั้นคิดว่าถ้าจะลงทุนควรเน้นถูกมากๆ เช่น เฉพาะเงินสดที่มีในบริษัทอาจมากกว่าราคาหุ้นแล้ว หมายความว่าถ้าเลิกบริษัทเอาเงินมาแบ่งกันก็อาจคุ้มแล้ว
หุ้นพลังงาน ดั้งเดิม บางตัว นี่คือหุ้นขนาดใหญ่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานที่มีมานาน หุ้นบางตัวนั้นขนาดใหญ่มาก และทำธุรกิจหลากหลายเกี่ยวกับพลังงาน แม้ว่ากิจการจะมีกำไรผันผวนตามราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวไปเรื่อยๆ แต่ในระยะยาวแล้ว กำไร ปกติ ของบริษัทอยู่ในระดับที่ใช้ได้ อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มนี้มีขนาดใหญ่ทำให้ขาดแรง เก็งกำไร จากนักลงทุนรายย่อย
นอกจากนั้น การเติบโตของกิจการเองก็ไม่สูง ทำให้ตลาดไม่ให้คุณค่ามากนัก ถ้าจะลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ที่ถือว่ายังมีหุ้นถูกอยู่บ้างควรจะต้องเข้าใจว่า ข้อแรกราคาไม่ได้ถูกมาก ข้อสองการจะได้ผลตอบแทนมากและเร็วน่าจะยาก การลงทุนควรหวังว่าจะได้ผลตอบแทนพอสมควรความเสี่ยงไม่สูง ส่วนกลยุทธ์ลงทุนก็เช่นเคย ต้องเน้นหุ้นราคาถูกเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มเดียวกัน ขณะเดียวกัน ผลประกอบการต้องสม่ำเสมอมั่นคงพอสมควร และปันผลที่ได้ต้องค่อนข้างดี อย่างน้อยควรได้ถึง 4%ในปีล่าสุด
ทั้งหมดนั้นก็คือกลยุทธ์คร่าวๆ ของการลงทุนหุ้นถูก ที่ยังเหลืออยู่บ้างในตลาดหลักทรัพย์ การลงทุนนี้สำหรับผมเป็นการเลือกที่เรียกว่า Second Best คือ ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ และจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่ตนเองชอบหรือถนัด แต่ยังดีกว่าเก็บเงินสดไว้ในธนาคาร
การลงทุนในหุ้นถูกแบบนี้ อาจจะไม่ใช่การลงทุนที่ถือไว้ยาวนานมาก ต้องคอยเฝ้าดูอยู่เสมอว่าถึงเวลาขายหรือยัง ไม่ใช่แค่ดูหุ้นตัวที่เราลงทุน แต่ต้องดูว่ามีโอกาสจะพบหุ้นตัวใหม่ที่ดีกว่า และถือลงทุนระยะยาวกว่าได้หรือไม่ ดังนั้นนี่คือการลงทุนที่อาจไม่ถาวร แต่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงได้