Share Dr. นิเวศน์. หุ้นล่าฝัน 1

กระทู้ข่าว
"หุ้นล่าฝัน" โดยดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Share on linkedin Share on facebook Share on twitter Share on email More Sharing Services
0
By Digital Media | 25 ก.พ. 2556 12:12 | 990 views | View Comment
หุ้นล่าฝัน   

   ในยามที่ตลาดหุ้นกำลังบูมสุดขีดนั้น  ถ้าสังเกตดูคร่าว ๆ  ก็จะพบว่า  หนึ่ง  บริษัทขนาดใหญ่มีกำไรเพิ่มขึ้นบ้าง  ส่วนใหญ่ก็ไม่มากนัก  คิดทั้งปีก็อาจจะโตซัก 10% -15%  เรียกว่าไม่ได้โดดเด่นมากขนาดที่จะทำให้หุ้นขึ้นไปได้ถึง 30%-40%  อย่างที่เกิดขึ้น  แต่สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับบริษัทขนาดใหญ่ก็คือ  พวกเขามักจะมีแผนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นมาก  มีการกู้เงินหรือบางทีก็เพิ่มทุนกันขนานใหญ่เพื่อที่จะไปลงทุน  ทั้งในและต่างประเทศ  สอง  บริษัทเล็ก ๆ  นั้นมักมีกำไรที่โตแบบ  “ก้าวกระโดด”  ซึ่งมีสาเหตุจากการที่ภาวะเศรษฐกิจหรืออุตสาหกรรมที่ดีขึ้นและอื่น ๆ  อีกมากมายรวมถึงการที่บริษัทเหล่านั้นมีขนาดเล็ก  กำไรที่เคยมีก็มักจะน้อยหรือมีฐานที่ต่ำ   ดังนั้น  เวลาที่กำไรดีขึ้น  เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็จะสูง  บางบริษัทจึงโตได้เป็นร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นไปนั้นกลับสูงลิ่วยิ่งกว่ามาก  ผลก็คือ  หุ้นตัวเล็ก ๆ  มีค่า PE สูงมาก  ค่า PE 30-40 เท่าจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับหุ้นกลุ่มนี้  สาม  หุ้นจำนวนไม่น้อยนั้น  กำไรของบริษัทเองก็ไม่ได้โดดเด่นนัก  บางบริษัทเองอยู่ในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่โตยากหรือแข่งขันหนัก  การหวังให้กำไรเติบโตจึงทำได้ยาก  ดังนั้น  พวกเขาจะหาอะไรมาเป็นตัว  “ขับเคลื่อนหุ้น”  ที่มักจะพร้อมจะวิ่งอยู่แล้วถ้ามีอะไรมากระตุ้นในภาวะแบบนี้?

   กลยุทธ์ที่จะใช้ในการขับเคลื่อนราคาหุ้นที่ “ทรงพลัง” มากอย่างหนึ่งในภาวะตลาดหุ้น “กระทิงดุ” ก็คือ  การทำธุรกิจที่กำลังร้อนแรง  เป็นธุรกิจแห่งอนาคต  เป็นธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก  และเป็นธุรกิจที่บริษัทเองนั้นก็อาจจะทำอยู่แล้ว  หรือเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องที่บริษัทอ้างว่าสามารถทำได้และมีความรู้ความสามารถเพียงพอ  ถ้าจะให้เรียกแบบให้เห็นภาพผมอยากจะเรียกว่าเป็น  “ธุรกิจในฝัน”  ซึ่งความหมายอาจจะออกได้เป็นสองแนวทางนั่นคือ  หนึ่ง  มันเป็นธุรกิจ “ในฝัน” เพราะว่ามันเป็นธุรกิจที่คนทั่วไปรู้สึกว่ามันมีศักยภาพที่จะโตและทำกำไรได้มากมายซึ่งจะทำให้หุ้นมีมูลค่าสูงมาก  เพราะนอกจากกำไรหรือค่า E ที่เพิ่มขึ้นแล้ว  ค่า PE ของหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ  ผลก็คือ  ราคาหุ้นก็จะวิ่งขึ้นไปได้หลาย ๆ  เท่าอย่างง่ายดาย  และในอีกความหมายหนึ่งก็คือ  มันเป็นธุรกิจ  “ในฝัน”  เพราะว่ามันเป็นธุรกิจที่สามารถ “สร้างฝัน”  ให้กับคนทำหรือนักลงทุนก่อนที่ “ผลลัพธ์” จะเกิดขึ้นจริงอีกนาน   ซึ่งในระหว่างนี้ราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นไปได้มากมาย  บางทีเป็นหลายเท่าตัว  เพียงพอที่จะทำให้ใครต่อใไปได้มากมายอยู่แล้ว

   มาดูกันว่าหุ้นบูมในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้มี “ธุรกิจในฝัน” อะไรที่บริษัทจดทะเบียนนำมาใช้ในการขับเคลื่อนหุ้นกันบ้าง  เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นที่ราคาน้ำมันกำลังพุ่งขึ้นแรงก็คือ  ถ่านหิน  ซึ่งก็มีการพูดกันว่าเป็นพลังงานแห่งอนาคตที่มีมากมายและจะมาแทนที่น้ำมันดิบที่กำลังหมดไป  หุ้นที่ทำเกี่ยวกับถ่านหินอยู่แล้วหรือคนที่มีธุรกิจใกล้เคียงต่างก็เตรียมตัว “ลุย”  ซึ่งทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปไม่น้อย  น่าเสียดายว่าความฝันเรื่องถ่านหินค่อนข้างสั้น  นักเล่นหุ้นที่เข้าไปเก็งกำไรกับธุรกิจเกี่ยวกับถ่านหินบางคนที่ถอนตัวไม่ทันจึงน่าจะเจ็บตัวไป   แต่เรื่องของพลังงานทดแทนนั้นไม่หมดลงไป  ธุรกิจเกี่ยวกับเอทธานอลที่ทำจากผลิตผลการเกษตรก็เกิดขึ้น  รวมถึงไบโอดีเซลเช่นน้ำมันที่ทำจากปาล์มน้ำมัน  อย่างไรก็ตาม  ความฝันในเรื่องเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ไปไกลนัก  ราคาหุ้นไม่ได้เคลื่อนไหวขึ้นไปมากนัก  เหตุผลก็คงเป็นว่ามันได้รับการสนับสนุนจากรัฐค่อนข้างน้อยมากเนื่องจากไม่มีหน่วยงานรัฐที่จะมารับซื้อผลิตผลเป็นเรื่องเป็นราวในราคาที่ทำกำไรได้  ผลก็คือ  มันกลายเป็น “ฝันร้าย”  ในเวลาอันสั้น  คนที่ทำกำไรจากฝันนี้น่าจะมีน้อยมาก

   เรื่องของพลังงานทดแทนที่เป็นธุรกิจ  “ในฝัน” จริง ๆ  น่าจะเป็นเรื่องของโซลาร์เซลหรือการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงแดด  และพลังงานไฟฟ้าจากกังหันลม  ส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจ “ในฝัน” ก็คือ  การที่รัฐบาลมาช่วย “สร้างฝัน” ให้กับบริษัทและนักลงทุน  นั่นก็คือ  การไฟฟ้าจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับผู้ผลิตและขายไฟทุกหน่วยไฟฟ้าที่จ่ายเข้ามาในระบบของการไฟฟ้าซึ่งทำให้การทำธุรกิจนี้ไม่ขาดทุนและมีผลตอบแทนที่เหมาะสม  นั่นก็คือ  บริษัทที่ลงทุนได้ผลตอบแทนคุ้มค่าของเงินที่ลงทุนไปเช่น  อาจจะปีละ 10%   แต่นี่ก็คงจะไม่ใช่อะไรที่จะทำให้นักลงทุนจริง ๆ  ตื่นเต้น   เพราะผลตอบแทนที่ 10%  ต่อปีนั้น  เป็นผลตอบแทนที่คนลงเงินจะต้องได้อยู่แล้ว  ประเด็นอยู่ที่รัฐนั้น  ยินดีที่จะจ่ายค่าชดเชยในช่วงประมาณซัก 8-9 ปีแรกมากผิดปกติที่จะทำให้บริษัทกำไรมาก ๆ  และหลังจากนั้นบริษัทก็จะไม่ได้รับการชดเชยเลย  พูดง่าย ๆ  บริษัทจะกำไรมากผิดปกติใน 8 ปีแรก  และหลังจากนั้นจะ “ขาดทุน”  และนี่ก็คือความฝันที่ “คนเล่นหุ้น”  อยากได้  นั่นก็คือ  กำไรของบริษัทในช่วงเวลาถึงแปดปีจะดูดีมาก  บริษัทจะเป็นบริษัทที่  กำไรดีและ  “โตเร็ว” รวมทั้งมีผลประกอบการที่  “สม่ำเสมอ”   และถ้าจะแถมอีกก็คือ  มีกระแสเงินสดที่ดีมากเนื่องจากการไฟฟ้าจะจ่ายเงินสดให้ตลอดเวลาโดยที่บริษัทไม่ต้องลงทุนเพิ่ม  มองหยาบ ๆ  อาจจะกลายเป็น  “ซุปเปอร์สต็อก”  ดังนั้น  ราคาหุ้นมีโอกาสที่จะ  “พุ่งทะลุฟ้า”  เพราะไม่มีคนสนใจว่าอีก 8-9 ปีที่กำไรอาจจะหายไปนั้นบริษัทจะทำอย่างไร  คนเล่นหุ้นนั้น  มีน้อยคนที่จะมองเกินปีสองปี  แม้แต่นักลงทุนระยะยาวบางคนก็มองไม่เกิน 3-4 ปี  ดังนั้น  นี่คือฝันที่แท้จริงโดยเฉพาะในยามหุ้นบูม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่