สืบเนื่องจากกระทู้
http://ppantip.com/topic/31815275
วันนี้ สปป. ได้ออกแถลงเรื่องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว(การเลือกตั้งโมฆะ)
เห็นชัดว่า สปป. อิงข้อกฎหมายชัดเจน หนักแน่นไปทุกถ้อยคำของการให้ความเห็นแย้งศาลรัฐธรรมนูญ
แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น
ไม่รู้อิงอะไร มั่ว ไร้เหตุผล ไม่มีข้อกฎหมาย อาศัยเพียงอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ วินิจฉัยอย่างผิดกฎหมายออกมาเท่านั้น
อย่าว่าพวกเราชาวเน็ตเลยครับ แม้กระทั่งศาลเองก็เถียง สปป. ไม่ออก
แต่หน้าด้านซะอย่างใครจะทำไม
ใครหือมากก็มีทหารจัดการให้
ผมว่า นี่คือเฮือกสุดท้ายของอำนาจนอกระบบแล้วครับ
อีกไม่นาน...
หมดที่ยืน
............................................................................
เข้าเรื่อง
เรื่องคดีทักษิณซุกหุ้นนี่ ผมคันตับมานานแล้วครับ ว่าจะสาธยายหลายครั้ง แต่ขี้เกียจ เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์
โพสต์ไป สาธยายไป ก็จะมีแต่เกรียนเข้ามามั่ว เกรียนที่ไม่รู้ห่านอะไร ไม่ศึกษาอะไร ดีแต่เกรียนและแถไปวัน ๆ
วันนี้ได้โอกาส ก็จะได้เคลียร์กันครับ ไม่ใช่เพื่อทักษิณ แต่เพื่อความถูกต้องของเรื่องราว
ใช้เหตุผล อาศัยความเข้าใจ จะได้เลิกใช้ข้อมูลผิด ๆ มาสนับสนุนความเกลียดและอคติกันซะที
คดีซุกหุ้นนี่ คนที่เกลียดทักษิณจะรู้แบบไม่รู้ห่านอยู่สองเรื่องครับ
หนึ่งคือ ผลการตัดสิน 8-7 ทักษิณไม่ผิด ด้วยการเชื่อว่าทักษิณวิ่งเต้นให้รอดอย่างเฉียดฉิว
โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย ที่พูดบ่อย ๆ ว่า มีบุคคลที่น่าเชื่อถือในแวดวงตุลาการมาเล่าให้ฟังว่า
มีการใช้น้องเขยวิ่งเต้น ช่วยให้รอดพ้นจากความผิด ซึ่งก็เชื่อกันทันที เพราะนายชวนมีราคาความซื่อ(ปลอม)ทางสังคม
โดยไม่คิดว่า คำพูดนายชวน เป็นการพูดให้ร้ายอย่างไม่มีหลักฐาน อาศัยแค่ราคาทางสังคมเท่านั้น
(เรื่อง 8-7 นี่ อย่าเอาเรื่อง 7-6 มาเถียงนะครับ ขี้เกียจสาธยาย เมื่อย)
สองคือ เรื่องที่ทักษิณพูดว่า "บกพร่องโดยสุจริต" แล้วนำมาพูดถากถางเยาะเย้ย โดยไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าทำไมทักษิณพูดแบบนั้น
ตามมาครับ ผมจะอธิบายให้ฟัง ว่าเรื่องนี้
"สมควรผิด หรือไม่ผิด"
ขอแจงสักนิดนะครับ ว่าเรื่องนี้ ใช้ความจำจากการที่เคยศึกษามาล้วน ๆ ไม่ได้แนบหลักฐานใด ๆ ในทู้นี้
เพราะขี้เกียจค้นมาแปะ
ความขี้เกียจอันเป็นคุณสมบัติเฉพาะของคนหน้าตาดีไม่มีแฟนอย่าง "หล่อขวัญ"
ถ้าใครสงสัย ไม่เชื่อ ก็ไปค้นเองครับ หากไม่เป็นอย่างผมว่า ผมให้เตะ !!!
เรื่องนี้ มีการยื่นร้องว่าทักษิณแจงทรัพย์สินเป็นเท็จเมื่อปลายปี 2543 (แจ้งทรัพย์สินตอนเป็น รมต.ในรัฐบาลชวลิตเมื่อปี 2540)
เป็นเท็จเพราะไม่แจ้งทรัพย์สิน(หุ้น)ที่ใช้ชื่อแม่บ้านถือครองแทน
ปี 2544 มีการเลือกตั้งทั่วไป พรรคไทยรักไทยได้ 248 เสียง เกือบครึ่ง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ทักษิณขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย 3 สิงหาคม 2544
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8-7 ว่าทักษิณไม่ผิด
การไต่สวนในศาลรัฐธรรมนูญ ทักษิณแถลงปิดคดีด้วยตัวเอง
ด้วยการแถลงต่อศาลว่า
ตัวเองและภรรยา แจ้งทรัพย์สินว่ามีทั้งสิ้นสองหมื่นกว่าล้าน (ประมาณสองหมื่นสามพันล้าน)
การแจ้งบัญชีทรัพย์สินตอนนั้น ยังไม่มีกฎเกณฑ์ชัดเจน (พรบ.ปปช. ประกาศใช้ 2542 ตอนนั้นยังใช้ระเบียบ ปปป.)
จึงเข้าใจว่า ต้องแจ้งเฉพาะทรัพย์สินที่มีอยู่ในชื่อของตัวเอง ภรรยา เท่านั้น
ไม่ได้แจ้งทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อคนอื่น (แม่บ้าน)
ทักษิณให้เหตุผลว่า ยอดที่ไม่ได้แจ้ง มีเพียง 2.5 % เท่านั้นของทรัพย์สินที่แจ้งทั้งหมด (ห้าร้อยกว่าล้าน)
จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องซุกซ่อน
(ตรงนี้ผมขอให้ความเห็นเพิ่มว่า เพราะที่ซ่อนในชื่อคนอื่นมีเป็นหลายหมื่นล้าน จึงไม่จำเป็นต้องซ่อนไอ้แค่ห้าร้อยกว่าล้านนี่เลย
- เมื่อเข้าสู่การเมือง ใครก็ซ่อนครับ เพื่อหนีความเสี่ยง เพื่อความสะดวกในการใช้เงินในทางการเมือง)
ตัวเขาเองก็ลืมแจ้งทรัพย์สินไปหกพันกว่าบาท ภรรยาก็ไม่ได้แจ้งแสนกว่าบาท
ไม่ได้เจตนาซุกซ่อน แต่เพราะความไม่เข้าใจในระเบียบการแจ้ง ความเผอเรอ
ในส่วนที่เป็นชื่อแม่บ้านนั้น เพราะเหตุผลทางธุรกิจจึงต้องใช้ชื่อแม่บ้านเป็นเจ้าของทรัพย์สิน
เช่น เข้าไปซื้อหุ้นในกิจการที่มีหนี้สิน การใช้ชื่อตัวเองหรือภรรยา ก็มีผลต่อความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ
หรือการใช้ชื่อผู้อื่นเพื่อให้ครบเกณฑ์การถือครองตามกฎหมาย
หรือเพื่อให้มีเสียงข้างมากในการถือหุ้นธุรกิจนั้น
ซึ่งเรื่องเหล่านี้ กฎหมายอนุญาตให้ทำได้
นี่แหละครับ จึงเป็นที่มาของคำพูดของทักษิณที่ว่า
"บกพร่องโดยสุจริต"
ฟังเหตุผลทักษิณแล้ว
สมควรผิดไหมครับ ?
ฟังข้อเท็จจริงของเรื่องราวแล้ว ใครกันแน่ที่น่าจะเป็นคนวิ่งเต้นเล่นนอกลู่
ทักษิณ หรือ พวกที่จ้องกำจัดทักษิณ ?
คะแนน 8-7 นี่ เป็นการวิ่งของทักษิณ หรือพวกต้องการกำจัดทักษิณ
เรื่องนี้ ผมว่าควรให้ความเป็นธรรมกับเขาบ้าง
แต่สังคมฝ่ายคู่แข่งทางการเมือง พูดเก่งกว่า ประดิดประดอยวาทกรรมเก่งกว่า
ก็โจมตีทักษิณมาตลอดว่าซุกหุ้น คนเชื่อก็เชื่ออย่างไม่เคยรู้รายละเอียด เชื่อเพราะเกลียดเท่านั้น
ใน ปชป. น่ะ เชื่อจริงเหรอครับว่าไม่มีการซุกหุ้น
เชื่อจริงเหรอครับว่าคนอย่างสุเทพมีหนี้หลายร้อยล้าน
(กรณีกบฎเทือกนี่ แจ้งบัญชีทรัพย์สินล่าสุดว่า มีรายได้จากสวนปาล์ม
แต่การแจ้งทรัพย์สินกลับไม่มีสวนปาล์ม อ้าว ไม่มีสวนแต่มีรายได้
แจ้งว่ามีหนี้กับธนาคารอิสลามอยู่หลายร้อยล้าน หนี้ตรงนี้ ยืมจริงไหม ใช้อะไรค้ำประกัน
มีการร้องไปยัง ปปช. ผ่านไปสองสามปีแล้ว เงียบกริบ)
เรื่องทั้งหมดก็แค่นี้แหละครับ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างที่โหมประโคมโจมตีกันมาสิบกว่าปี
ก็อธิบายคร่าว ๆ นะครับ
สุขภาพยังแย่ ไม่อยากลงรายละเอียดกว่านี้
ใครอยากแย้ง เชิญครับ ได้ทุกแง่ ผมจะอธิบายเพิ่ม ให้เหตุผลเพิ่ม
ส่วนเรื่องที่ว่า คดีนี้เป็นต้นตอของปัญหานั้น
ผมว่าคนบอกแบบนี้ อคติเกินไปครับ
ช้า ๆ ชัด ๆ นะครับ เกี่ยวกับคดีซุกหุ้นของทักษิณ จะได้เข้าใจเรื่องราว รู้ข้อเท็จจริงกันซะที เลิกเชื่อเพราะเกลียดซะที
วันนี้ สปป. ได้ออกแถลงเรื่องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว(การเลือกตั้งโมฆะ)
เห็นชัดว่า สปป. อิงข้อกฎหมายชัดเจน หนักแน่นไปทุกถ้อยคำของการให้ความเห็นแย้งศาลรัฐธรรมนูญ
แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น
ไม่รู้อิงอะไร มั่ว ไร้เหตุผล ไม่มีข้อกฎหมาย อาศัยเพียงอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ วินิจฉัยอย่างผิดกฎหมายออกมาเท่านั้น
อย่าว่าพวกเราชาวเน็ตเลยครับ แม้กระทั่งศาลเองก็เถียง สปป. ไม่ออก
แต่หน้าด้านซะอย่างใครจะทำไม
ใครหือมากก็มีทหารจัดการให้
ผมว่า นี่คือเฮือกสุดท้ายของอำนาจนอกระบบแล้วครับ
อีกไม่นาน...
หมดที่ยืน
............................................................................
เข้าเรื่อง
เรื่องคดีทักษิณซุกหุ้นนี่ ผมคันตับมานานแล้วครับ ว่าจะสาธยายหลายครั้ง แต่ขี้เกียจ เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์
โพสต์ไป สาธยายไป ก็จะมีแต่เกรียนเข้ามามั่ว เกรียนที่ไม่รู้ห่านอะไร ไม่ศึกษาอะไร ดีแต่เกรียนและแถไปวัน ๆ
วันนี้ได้โอกาส ก็จะได้เคลียร์กันครับ ไม่ใช่เพื่อทักษิณ แต่เพื่อความถูกต้องของเรื่องราว
ใช้เหตุผล อาศัยความเข้าใจ จะได้เลิกใช้ข้อมูลผิด ๆ มาสนับสนุนความเกลียดและอคติกันซะที
คดีซุกหุ้นนี่ คนที่เกลียดทักษิณจะรู้แบบไม่รู้ห่านอยู่สองเรื่องครับ
หนึ่งคือ ผลการตัดสิน 8-7 ทักษิณไม่ผิด ด้วยการเชื่อว่าทักษิณวิ่งเต้นให้รอดอย่างเฉียดฉิว
โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย ที่พูดบ่อย ๆ ว่า มีบุคคลที่น่าเชื่อถือในแวดวงตุลาการมาเล่าให้ฟังว่า
มีการใช้น้องเขยวิ่งเต้น ช่วยให้รอดพ้นจากความผิด ซึ่งก็เชื่อกันทันที เพราะนายชวนมีราคาความซื่อ(ปลอม)ทางสังคม
โดยไม่คิดว่า คำพูดนายชวน เป็นการพูดให้ร้ายอย่างไม่มีหลักฐาน อาศัยแค่ราคาทางสังคมเท่านั้น
(เรื่อง 8-7 นี่ อย่าเอาเรื่อง 7-6 มาเถียงนะครับ ขี้เกียจสาธยาย เมื่อย)
สองคือ เรื่องที่ทักษิณพูดว่า "บกพร่องโดยสุจริต" แล้วนำมาพูดถากถางเยาะเย้ย โดยไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าทำไมทักษิณพูดแบบนั้น
ตามมาครับ ผมจะอธิบายให้ฟัง ว่าเรื่องนี้ "สมควรผิด หรือไม่ผิด"
ขอแจงสักนิดนะครับ ว่าเรื่องนี้ ใช้ความจำจากการที่เคยศึกษามาล้วน ๆ ไม่ได้แนบหลักฐานใด ๆ ในทู้นี้
เพราะขี้เกียจค้นมาแปะ
ความขี้เกียจอันเป็นคุณสมบัติเฉพาะของคนหน้าตาดีไม่มีแฟนอย่าง "หล่อขวัญ"
ถ้าใครสงสัย ไม่เชื่อ ก็ไปค้นเองครับ หากไม่เป็นอย่างผมว่า ผมให้เตะ !!!
เรื่องนี้ มีการยื่นร้องว่าทักษิณแจงทรัพย์สินเป็นเท็จเมื่อปลายปี 2543 (แจ้งทรัพย์สินตอนเป็น รมต.ในรัฐบาลชวลิตเมื่อปี 2540)
เป็นเท็จเพราะไม่แจ้งทรัพย์สิน(หุ้น)ที่ใช้ชื่อแม่บ้านถือครองแทน
ปี 2544 มีการเลือกตั้งทั่วไป พรรคไทยรักไทยได้ 248 เสียง เกือบครึ่ง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ทักษิณขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย 3 สิงหาคม 2544
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8-7 ว่าทักษิณไม่ผิด
การไต่สวนในศาลรัฐธรรมนูญ ทักษิณแถลงปิดคดีด้วยตัวเอง
ด้วยการแถลงต่อศาลว่า
ตัวเองและภรรยา แจ้งทรัพย์สินว่ามีทั้งสิ้นสองหมื่นกว่าล้าน (ประมาณสองหมื่นสามพันล้าน)
การแจ้งบัญชีทรัพย์สินตอนนั้น ยังไม่มีกฎเกณฑ์ชัดเจน (พรบ.ปปช. ประกาศใช้ 2542 ตอนนั้นยังใช้ระเบียบ ปปป.)
จึงเข้าใจว่า ต้องแจ้งเฉพาะทรัพย์สินที่มีอยู่ในชื่อของตัวเอง ภรรยา เท่านั้น
ไม่ได้แจ้งทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อคนอื่น (แม่บ้าน)
ทักษิณให้เหตุผลว่า ยอดที่ไม่ได้แจ้ง มีเพียง 2.5 % เท่านั้นของทรัพย์สินที่แจ้งทั้งหมด (ห้าร้อยกว่าล้าน)
จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องซุกซ่อน
(ตรงนี้ผมขอให้ความเห็นเพิ่มว่า เพราะที่ซ่อนในชื่อคนอื่นมีเป็นหลายหมื่นล้าน จึงไม่จำเป็นต้องซ่อนไอ้แค่ห้าร้อยกว่าล้านนี่เลย
- เมื่อเข้าสู่การเมือง ใครก็ซ่อนครับ เพื่อหนีความเสี่ยง เพื่อความสะดวกในการใช้เงินในทางการเมือง)
ตัวเขาเองก็ลืมแจ้งทรัพย์สินไปหกพันกว่าบาท ภรรยาก็ไม่ได้แจ้งแสนกว่าบาท
ไม่ได้เจตนาซุกซ่อน แต่เพราะความไม่เข้าใจในระเบียบการแจ้ง ความเผอเรอ
ในส่วนที่เป็นชื่อแม่บ้านนั้น เพราะเหตุผลทางธุรกิจจึงต้องใช้ชื่อแม่บ้านเป็นเจ้าของทรัพย์สิน
เช่น เข้าไปซื้อหุ้นในกิจการที่มีหนี้สิน การใช้ชื่อตัวเองหรือภรรยา ก็มีผลต่อความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ
หรือการใช้ชื่อผู้อื่นเพื่อให้ครบเกณฑ์การถือครองตามกฎหมาย
หรือเพื่อให้มีเสียงข้างมากในการถือหุ้นธุรกิจนั้น
ซึ่งเรื่องเหล่านี้ กฎหมายอนุญาตให้ทำได้
นี่แหละครับ จึงเป็นที่มาของคำพูดของทักษิณที่ว่า "บกพร่องโดยสุจริต"
ฟังเหตุผลทักษิณแล้ว สมควรผิดไหมครับ ?
ฟังข้อเท็จจริงของเรื่องราวแล้ว ใครกันแน่ที่น่าจะเป็นคนวิ่งเต้นเล่นนอกลู่
ทักษิณ หรือ พวกที่จ้องกำจัดทักษิณ ?
คะแนน 8-7 นี่ เป็นการวิ่งของทักษิณ หรือพวกต้องการกำจัดทักษิณ
เรื่องนี้ ผมว่าควรให้ความเป็นธรรมกับเขาบ้าง
แต่สังคมฝ่ายคู่แข่งทางการเมือง พูดเก่งกว่า ประดิดประดอยวาทกรรมเก่งกว่า
ก็โจมตีทักษิณมาตลอดว่าซุกหุ้น คนเชื่อก็เชื่ออย่างไม่เคยรู้รายละเอียด เชื่อเพราะเกลียดเท่านั้น
ใน ปชป. น่ะ เชื่อจริงเหรอครับว่าไม่มีการซุกหุ้น
เชื่อจริงเหรอครับว่าคนอย่างสุเทพมีหนี้หลายร้อยล้าน
(กรณีกบฎเทือกนี่ แจ้งบัญชีทรัพย์สินล่าสุดว่า มีรายได้จากสวนปาล์ม
แต่การแจ้งทรัพย์สินกลับไม่มีสวนปาล์ม อ้าว ไม่มีสวนแต่มีรายได้
แจ้งว่ามีหนี้กับธนาคารอิสลามอยู่หลายร้อยล้าน หนี้ตรงนี้ ยืมจริงไหม ใช้อะไรค้ำประกัน
มีการร้องไปยัง ปปช. ผ่านไปสองสามปีแล้ว เงียบกริบ)
เรื่องทั้งหมดก็แค่นี้แหละครับ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างที่โหมประโคมโจมตีกันมาสิบกว่าปี
ก็อธิบายคร่าว ๆ นะครับ
สุขภาพยังแย่ ไม่อยากลงรายละเอียดกว่านี้
ใครอยากแย้ง เชิญครับ ได้ทุกแง่ ผมจะอธิบายเพิ่ม ให้เหตุผลเพิ่ม
ส่วนเรื่องที่ว่า คดีนี้เป็นต้นตอของปัญหานั้น
ผมว่าคนบอกแบบนี้ อคติเกินไปครับ