วิเคราะห์ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และความเสี่ยงทักษิณ ชินวัตร
จุดแข็ง
1. ภาพของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เปรียบเสมือน Good Product จากภาพของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นักเรียนทุนรัฐบาล จบปริญญาเอก เป็นภาพของคนที่มีการศึกษาสูง มีฐานะร่ำรวย
2. มีทีมและบุคลากรที่มีความสามารถ เพราะมีการดึงคนเก่ง เป็นที่ยอมรับทางสังคมมาร่วมทีม เช่น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
3. ใช้วิธีมาร์เก็ตติ้งเก่งกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ มีการคลอดนโยบายประชาชนใหม่ๆ ตลอดเวลา และ มีการใช้ IMC เต็มรูปแบบในการสร้างคะแนนนิยม
จุดอ่อน
1. ปัญหาบุคลิกภาพ จากนิสัยของทักษิณ ชินวัตร ที่ชอบพูดก้าวร้าว หยิ่งทะนง เชื่อมั่นในตัวเองสูง รักพวกพ้อง ถือหางลูกน้องในทางที่ผิด ทำให้เป็นจุดชนวนของปัญหาหลายๆ ด้าน
2. ภาพลักษณ์ของเผด็จการ จากการที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองเดียวในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้มีการใช้อำนาจตัดสินใจแบบเผด็จการในการปกครองประเทศ
3. บริวารรอบข้าง คนใกล้ชิดของทักษิณ ส่วนใหญ่มักสร้างปัญหาให้กับทักษิณ เช่น การแสดงออกถึงความก้าวร้าว โหดร้าย รวมทั้งการแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเอง โดยที่ทักษิณไม่ยอมรับรู้ และแก้ไข
4. การใช้บารมีที่ผิดของทักษิณ ในการแต่งตั้ง โยกย้าย ข้าราชการ และนักการเมือง โดยยึดหลักระบบอุปถัมภ์ ส่งเสริมพี่น้อง ญาติ เพื่อนสนิท ให้มามีอำนาจการปกครอง
5. ใช้หลักมาร์เก็ตติ้งผิดพลาด มองกลุ่มคนมีค่าเท่ากันหมด จึงเน้นหาเสียงกับกลุ่มคนระดับรากหญ้า ในขณะที่ลืมนึกถึงกลุ่มคนระดับชนชั้นกลาง ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนที่พลังอำนาจในการเคลื่อนไหวทางการเมือง
6. ภาพของปัญหาคอรัปชั่น ทั้งจากการทำโครงการใหญ่หลายโครงการ เช่น โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ มีภาพของการทุจริตเข้าไปเกี่ยวเนื่องของทักษิณ และบริวารรอบข้างอย่างเด่นชัด
7. ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน การขายหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานโทรศัพท์มือถือ, ดาวเทียมไทยคม, สถานีโทรทัศน์ไอทีวี และสายการบินแอร์เอเซีย ให้กับเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์) โดยไม่ต้องเสียภาษี ทำให้ทักษิณถูกมองเป็นนักทุนนิยมแบบสุดกู่
8. ปิดกั้นสื่อ เป็นปัญหาในระบบทักษิณอย่างเห็นได้ชัด โดยสื่อใดที่ออกมาตีแผ่ภาพลบของทักษิณและรัฐบาลจะถูกปิดกั้น ไม่ให้มีการนำเสนอ รวมทั้งมีการปลดบุคลากรสื่อมวลชนที่ออมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
9. ความงมงายด้านไสยศาสตร์ ทักษิณกลายเป็นผู้นำที่เชื่อในไสยศาสตร์มากเกินไป เช่น การไปทำงานในต่างประเทศจะต้องดูฤกษ์ยามในการเดินทางกลับ หรือการยึดถือเรื่องโชคลางทางไสยศาสตร์เพื่อสร้างอำนาจบารมีแก่ตนเอง
โอกาส
ทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณ มีโอกาสหวนกลับคืนมาในระบบการปกครองของไทยอีกครั้ง หากมีจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ ทั้งนี้ เพราะอำนาจเงินที่ถือว่าทักษิณมีทรัพยากรด้านเงินอย่างล้นเหลือ แม้ “เงินจะไม่ใช่พระเจ้า แต่ก็คล้ายกับพระเจ้า” ที่เพียงพอต่อการซื้อ ส.ส. หรือสร้างโอกาสพลิกสถานการณ์ทางการเมืองให้กลับมาอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนที่ยังสนับสนุนทักษิณอยู่ในสังคม
ความเสี่ยง
การถูกต่อต้านที่ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนชั้นกลาง เช่น นักวิชาการ นักธุรกิจ ผู้นำองค์กรต่างๆ มีพลังที่จะเคลื่อนไหวต่อต้านทักษิณต่อไป หากทักษิณจะกลับเข้ามาบริหารประเทศ
https://positioningmag.com/9187
ทักษิณ ผิดอะไร….ทำอะไรผิด ถึงหนีคดี…แต่อยากกลับบ้านด้วย พ.ร.ฎ.
นับตั้งแต่ที่มีรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นมา ในชั้นแรกต่างก็เข้าใจและเฝ้าดูกันว่า รัฐบาลจะใช้เสียงข้างมากในสภาหาทางตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณอย่างไร
และเมื่อผ่านไปสักพัก ก็มีการให้ข่าวว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน รอไปถึงกลางปีหน้าค่อยว่ากัน กระแสไต่ถามก็เบาลงไป แต่แล้วก็กลับมีกระแสผลักดันให้มีการพระราชทานอภัยโทษขึ้นมาแทน ขานรับขึ้นมาเป็นทอดๆ จนปัจจุบัน
ซึ่งวิธีแนวทางการกลับบ้านแบบแนวคิดเห็นของนักวิชาการเกือบทุกแขนง เคยระบุความเห็นว่า วิธีไม่ต้องติดคุกของ พตท.ทักษิณ ชินวัตร ถือเป็นปัญหาและเจอกฎหมายที่ซับซ้อน ควรที่จะสะสางภาพรวมให้เห็นกันชัดเจนเสียก่อน ดังต่อไปนี้ คือ ปัจจุบัน คดีคอร์รัปชันของ พตท.ทักษิณ ที่ไปถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองแล้ว 2 กลุ่ม คือ
คดีฝ่าฝืนกฎหมายเข้าซื้อที่ดินของรัฐ คดีนี้เป็นคดีที่ไม่มีการพิสูจน์ว่า พตท.ทักษิณทุจริตหรือไม่ แต่ผิดตรงที่ฝ่าฝืนข้อห้ามมิให้รัฐมนตรีหรือคู่สมรสเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น ซึ่งเมื่อคุณหญิงพจมานไปซื้อที่ดินถนนรัชดาฯ โดย พตท.ทักษิณ ให้ความยินยอม ศาลฎีกาจึงพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี แต่ก็บินหนีคดีออกนอกประเทศ
คดีนี้หากใช้วิธีนิรโทษกรรมก็จะยุติไปพร้อมคดีอื่นๆ แต่ถ้าใช้แนวทางอภัยโทษเช่นที่ก่อกระแสกันอยู่ทุกวันนี้ พตท.ทักษิณ ก็จะพ้นไปแต่เฉพาะคดีที่ดินรัชดาฯ นี้เท่านั้น แต่จะถูกคดีหนีอำนาจคุมขังของศาล จำคุก 3 ปี กับกลุ่มคดีชินคอร์ปลากขึ้นศาลไปตลอด ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
คดีชินคอร์ป คดีกลุ่มนี้เริ่มจากการขึ้นเป็นนายกฯ โดยซุกหุ้นสัมปทานชินคอร์ปไว้ในชื่อลูกและพี่น้องก่อน จากนั้นจึงมีการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ธุรกิจชินคอร์ปโดยมิชอบ ทำให้เกิดเป็นคดีขึ้นหลายคดีมาก ก็เช่น
1. คดียึดทรัพย์ คดีนี้ศาลฎีกาตัดสินเด็ดขาดไปแล้ว 2 ประการว่า มีการซุกหุ้นจริง มีมาตรการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบจริง จากนั้นจึงให้ยึดประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท
2. คดีขึ้นเป็นนายกฯ โดยคงถือหุ้นสัมปทาน คดีนี้มี 2 กระทง กระทงละ 3 ปี ฟ้องเป็นคดีแล้วแต่พักไว้รอได้ตัวจำเลยก่อน หนทางต่อสู้คดีไม่มีเลย เพราะศาลในคดียึดทรัพย์ตัดสินยุติเด็ดขาดไปแล้วว่าซุกหุ้นจริง
3. คดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ คือแจ้งบัญชีทรัพย์สินโดยไม่บอกว่าตนเองยังเป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ป มี 7 กระทง กระทงละ 2 ปี มีขาดอายุความ 5 ปีไปบ้างแล้ว คดีอยู่ในศาลแล้ว หนทางต่อสู้คดีไม่มีเลย เพราะศาลในคดียึดทรัพย์ตัดสินยุติเด็ดขาดไปแล้วว่าซุกหุ้นจริง
4. คดีปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ในบรรดามาตรการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ 5 มาตรการนั้น พบหลักฐานว่า พตท.ทักษิณมีส่วนสั่งการ 2 คดี คือคดีให้พม่ากู้เงินเอ็กซิมแบงก์ กับคดีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต พตท.ทักษิณฯ จึงถูกฟ้องเป็นจำเลยฐานทุจริตไว้แล้วทั้งสองคดี เป็นคดีที่สู้ได้ยากเช่นกันเพราะศาลตัดสินเด็ดขาดในคดียึดทรัพย์ไว้แล้วว่ามาตรการนี้ไม่ถูกต้องและประโยชน์ตกแก่ พตท.ทักษิณ ฉะนั้น พตท.ทักษิณ เหลือประตูต่อสู้แต่เพียงประเด็นข้อเท็จจริงว่าตนไม่รู้เรื่องด้วยเท่านั้น
ทั้งนี้เมื่อศาลตัดสินคดียึดทรัพย์ไปแล้ว ข้อเท็จจริงสำคัญๆ ก็ยุติเด็ดขาดไปเกือบหมด ทำให้การสู้คดีที่เหลือลำบากมากๆ ครั้นจะดึงจะหน่วงคดีก็ลำบากเพราะฟ้องคาอยู่ในศาลหมดแล้วทุกคดี ถ้าต้องโดนทุกคดีก็ติดคุกรวมกันได้สูงสุดถึง 40 ปีเลยทีเดียว
https://news.mthai.com/webmaster-talk/142488.html
วันนี้ในอดีต ..30 พ.ค. 2550 ‘พรรคไทยรักไทย’ พรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดถูก‘คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ’สั่งยุบ ข้อหาว่าจ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง
เมื่อ 30 พ.ค.2550 คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ยุบ‘พรรคไทยรักไทย’ ในข้อหา ว่าจ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหนีเกณฑ์ 20 % เนื่องจากตามกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. กำหนดว่า ในเขตเลือกตั้งใดมีผู้สมัครรายเดียว ผู้ได้รับเลือกตั้งต้องได้คะแนนมากกว่าร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดในเขตเลือกตั้งนั้นๆ ซึ่งพรรคไทยรักไทยประสบปัญหาจากเกณฑ์ 20 %ดังกล่าวในเขตเลือกตั้งพื้นที่ภาคใต้ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 เพราะว่ามีพรรคการเมืองหลายพรรค‘บอยคอต’การเลือกตั้ง ไม่ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนั้น
ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่2 เมษายน2549พรรคไทยรักไทย ได้คะแนนในระบบบัญชีรายชื่อถึง 18.99ล้านเสียง แต่ถูกร้องว่า ว่าจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กลงเลือกตั้งเพราะต้องการหลีกเลี่ยงกฎ 20% คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบ ซึ่งผลปรากฏว่ามีมูล และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคไทยรักไทย และ2 พรรคการเมืองเล็ก คือพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย
สำหรับคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ให้ยุบพรรคไทยรักไทยนั้น คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เห็นว่า พรรคไทยรักไทยสนับสนุนให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองเล็ก จึงเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และการที่พรรคไทยรักไทยจ้างบุคคลอื่นลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคการเมืองอื่น ถือได้ว่าเป็นการกระทำให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นการะทำที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีของประชาชน
http://www.komchadluek.net/news/today-in-history/279742
ฎีกายืนคุก 3 ปี 4 เดือน คดี พล.อ.ธรรมรักษ์ จ้างพรรคเล็กลง ลต.ปี 49
ศาลฎีกา ยืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุก อดีต จนท.กกต.3 ปี 4 เดือน ขณะที่อดีตนักการเมืองจำคุกคนละ 2 ปี คดี พล.อ.ธรรมรักษ์ อดีต รมว.กลาโหม และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จ้างวานพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้งเมื่อปี 2549
อ่านข่าวต่อได้ที่:
https://www.thairath.co.th/content/572139
เพียงเพราะตัดสินใจผิดพลาดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จากพรรคเพื่อไทยในอำนาจของทักษิณ
นั่นคือการออกกฎหมาย “นิรโทษกรรม” เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯซึ่งหนีคดีอยู่ต่างประเทศระหว่างนี้ พ้นโทษและกลับประเทศไทยโดยไม่ต้องรับโทษ
ปรากฏว่าเกิดแรงต่อต้านอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทย ภายใต้การนำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ภายใต้กลุ่มการเมือง กปปส.
6 เดือน จากแรงต้านรัฐบาล จนทำให้ต้องยุบสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องพักการทำงานและพ้นจากตำแหน่ง
จนทำให้การเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาผบ.ทบ. ได้เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ และเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศในขณะนี้
อ่านข่าวต่อได้ที่:
https://www.thairath.co.th/content/476939
พรรคอนาคตใหม่ พรรคนายทุนเปลี่ยนแปลงประเทศพลิกแผ่นดิน
“ผมคิดว่าทุกคนมีพระเจ้าของตัวเอง แล้วคุณก็คุยกับพระเจ้าของคุณเองได้โดยไม่ต้องผ่านวัด โบสถ์ หรือมัสยิด คุณคุยกับพระเจ้าของตัวคุณได้ แม้กระทั่งระหว่างการวิ่ง คุณก็คุยกับพระเจ้าได้ คุณไม่ต้องไปตักบาตร ไปมิสซา หรือละหมาดเพื่อจะคุยกับพระเจ้า สิ่งที่ผมเชื่อก็คือศรัทธาทางศาสนาควรจะเป็นศรัทธาที่เปิดกว้าง และไม่ควรมีวัดหรือศาสนา หรือองค์กรใดมาบังคับหรือเชิดชูความเชื่อใดความเชื่อหนึ่งให้มากกว่าความเชื่ออื่นๆ เช่น รัฐไทยไม่ควรจะอุปถัมภ์ศาสนาพุทธ เพราะมันทำให้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แก้กันไม่จบ ผู้คนที่อยู่ใน 3 จังหวัด แง่หนึ่งก็เหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง เพราะไม่มีที่ยืนที่เท่าเทียมกันกับคนที่นับถือศาสนาพุทธ ผมคิดว่ารัฐควรจะถอยตัวเองออกมาจากเรื่องศาสนา ไม่ควรจะอุปถัมภ์ศาสนาอะไรเลย ที่นี่คุณจะนับถือยูดาย คุณจะนับถือเต๋า นับถือเซนก็ได้ เหมือนอย่างธรรมกาย ต่อให้ไม่เห็นด้วยกับธรรมกาย รัฐก็ไม่ควรไปยุ่ง ปัญหาคือถ้ารัฐไปยุ่ง มันก็จะซับซ้อนวุ่นวายไปหมด
https://prachatai.com/journal/2018/03/75905
บทเรียนพรรคนายทุนที่กล้าคิด กล้าทำล้ำหน้า กับความล้มเหลวที่ปชช.คงคิดหนัก
ประชานิยมที่เอื้อประโยชน์ส่วนตัว ตามด้วยการพลิกระบอบการปกครอง สังคมและศาสนา
ต้องจับตาอย่ากระพริบค่ะ....👀👀👀👀👀👀👀👀👀
วันหยุดพักผ่อนสบายๆนะคะ อ่านการเมืองอย่าเครียดล่ะคะ...
🛠📍~มาลาริน~พรรคนายทุนกับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าในประเทศไทย..เริ่มจากพรรคไทยรักไทยถึงพรรคอนาคตใหม่ ปชช.จำไว้นะคะ
จุดแข็ง
1. ภาพของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เปรียบเสมือน Good Product จากภาพของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นักเรียนทุนรัฐบาล จบปริญญาเอก เป็นภาพของคนที่มีการศึกษาสูง มีฐานะร่ำรวย
2. มีทีมและบุคลากรที่มีความสามารถ เพราะมีการดึงคนเก่ง เป็นที่ยอมรับทางสังคมมาร่วมทีม เช่น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
3. ใช้วิธีมาร์เก็ตติ้งเก่งกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ มีการคลอดนโยบายประชาชนใหม่ๆ ตลอดเวลา และ มีการใช้ IMC เต็มรูปแบบในการสร้างคะแนนนิยม
จุดอ่อน
1. ปัญหาบุคลิกภาพ จากนิสัยของทักษิณ ชินวัตร ที่ชอบพูดก้าวร้าว หยิ่งทะนง เชื่อมั่นในตัวเองสูง รักพวกพ้อง ถือหางลูกน้องในทางที่ผิด ทำให้เป็นจุดชนวนของปัญหาหลายๆ ด้าน
2. ภาพลักษณ์ของเผด็จการ จากการที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองเดียวในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้มีการใช้อำนาจตัดสินใจแบบเผด็จการในการปกครองประเทศ
3. บริวารรอบข้าง คนใกล้ชิดของทักษิณ ส่วนใหญ่มักสร้างปัญหาให้กับทักษิณ เช่น การแสดงออกถึงความก้าวร้าว โหดร้าย รวมทั้งการแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเอง โดยที่ทักษิณไม่ยอมรับรู้ และแก้ไข
4. การใช้บารมีที่ผิดของทักษิณ ในการแต่งตั้ง โยกย้าย ข้าราชการ และนักการเมือง โดยยึดหลักระบบอุปถัมภ์ ส่งเสริมพี่น้อง ญาติ เพื่อนสนิท ให้มามีอำนาจการปกครอง
5. ใช้หลักมาร์เก็ตติ้งผิดพลาด มองกลุ่มคนมีค่าเท่ากันหมด จึงเน้นหาเสียงกับกลุ่มคนระดับรากหญ้า ในขณะที่ลืมนึกถึงกลุ่มคนระดับชนชั้นกลาง ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนที่พลังอำนาจในการเคลื่อนไหวทางการเมือง
6. ภาพของปัญหาคอรัปชั่น ทั้งจากการทำโครงการใหญ่หลายโครงการ เช่น โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ มีภาพของการทุจริตเข้าไปเกี่ยวเนื่องของทักษิณ และบริวารรอบข้างอย่างเด่นชัด
7. ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน การขายหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานโทรศัพท์มือถือ, ดาวเทียมไทยคม, สถานีโทรทัศน์ไอทีวี และสายการบินแอร์เอเซีย ให้กับเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์) โดยไม่ต้องเสียภาษี ทำให้ทักษิณถูกมองเป็นนักทุนนิยมแบบสุดกู่
8. ปิดกั้นสื่อ เป็นปัญหาในระบบทักษิณอย่างเห็นได้ชัด โดยสื่อใดที่ออกมาตีแผ่ภาพลบของทักษิณและรัฐบาลจะถูกปิดกั้น ไม่ให้มีการนำเสนอ รวมทั้งมีการปลดบุคลากรสื่อมวลชนที่ออมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
9. ความงมงายด้านไสยศาสตร์ ทักษิณกลายเป็นผู้นำที่เชื่อในไสยศาสตร์มากเกินไป เช่น การไปทำงานในต่างประเทศจะต้องดูฤกษ์ยามในการเดินทางกลับ หรือการยึดถือเรื่องโชคลางทางไสยศาสตร์เพื่อสร้างอำนาจบารมีแก่ตนเอง
โอกาส
ทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณ มีโอกาสหวนกลับคืนมาในระบบการปกครองของไทยอีกครั้ง หากมีจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ ทั้งนี้ เพราะอำนาจเงินที่ถือว่าทักษิณมีทรัพยากรด้านเงินอย่างล้นเหลือ แม้ “เงินจะไม่ใช่พระเจ้า แต่ก็คล้ายกับพระเจ้า” ที่เพียงพอต่อการซื้อ ส.ส. หรือสร้างโอกาสพลิกสถานการณ์ทางการเมืองให้กลับมาอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนที่ยังสนับสนุนทักษิณอยู่ในสังคม
ความเสี่ยง
การถูกต่อต้านที่ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนชั้นกลาง เช่น นักวิชาการ นักธุรกิจ ผู้นำองค์กรต่างๆ มีพลังที่จะเคลื่อนไหวต่อต้านทักษิณต่อไป หากทักษิณจะกลับเข้ามาบริหารประเทศ
https://positioningmag.com/9187
ทักษิณ ผิดอะไร….ทำอะไรผิด ถึงหนีคดี…แต่อยากกลับบ้านด้วย พ.ร.ฎ.
นับตั้งแต่ที่มีรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นมา ในชั้นแรกต่างก็เข้าใจและเฝ้าดูกันว่า รัฐบาลจะใช้เสียงข้างมากในสภาหาทางตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณอย่างไร
และเมื่อผ่านไปสักพัก ก็มีการให้ข่าวว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน รอไปถึงกลางปีหน้าค่อยว่ากัน กระแสไต่ถามก็เบาลงไป แต่แล้วก็กลับมีกระแสผลักดันให้มีการพระราชทานอภัยโทษขึ้นมาแทน ขานรับขึ้นมาเป็นทอดๆ จนปัจจุบัน
ซึ่งวิธีแนวทางการกลับบ้านแบบแนวคิดเห็นของนักวิชาการเกือบทุกแขนง เคยระบุความเห็นว่า วิธีไม่ต้องติดคุกของ พตท.ทักษิณ ชินวัตร ถือเป็นปัญหาและเจอกฎหมายที่ซับซ้อน ควรที่จะสะสางภาพรวมให้เห็นกันชัดเจนเสียก่อน ดังต่อไปนี้ คือ ปัจจุบัน คดีคอร์รัปชันของ พตท.ทักษิณ ที่ไปถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองแล้ว 2 กลุ่ม คือ
คดีฝ่าฝืนกฎหมายเข้าซื้อที่ดินของรัฐ คดีนี้เป็นคดีที่ไม่มีการพิสูจน์ว่า พตท.ทักษิณทุจริตหรือไม่ แต่ผิดตรงที่ฝ่าฝืนข้อห้ามมิให้รัฐมนตรีหรือคู่สมรสเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น ซึ่งเมื่อคุณหญิงพจมานไปซื้อที่ดินถนนรัชดาฯ โดย พตท.ทักษิณ ให้ความยินยอม ศาลฎีกาจึงพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี แต่ก็บินหนีคดีออกนอกประเทศ
คดีนี้หากใช้วิธีนิรโทษกรรมก็จะยุติไปพร้อมคดีอื่นๆ แต่ถ้าใช้แนวทางอภัยโทษเช่นที่ก่อกระแสกันอยู่ทุกวันนี้ พตท.ทักษิณ ก็จะพ้นไปแต่เฉพาะคดีที่ดินรัชดาฯ นี้เท่านั้น แต่จะถูกคดีหนีอำนาจคุมขังของศาล จำคุก 3 ปี กับกลุ่มคดีชินคอร์ปลากขึ้นศาลไปตลอด ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
คดีชินคอร์ป คดีกลุ่มนี้เริ่มจากการขึ้นเป็นนายกฯ โดยซุกหุ้นสัมปทานชินคอร์ปไว้ในชื่อลูกและพี่น้องก่อน จากนั้นจึงมีการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ธุรกิจชินคอร์ปโดยมิชอบ ทำให้เกิดเป็นคดีขึ้นหลายคดีมาก ก็เช่น
1. คดียึดทรัพย์ คดีนี้ศาลฎีกาตัดสินเด็ดขาดไปแล้ว 2 ประการว่า มีการซุกหุ้นจริง มีมาตรการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบจริง จากนั้นจึงให้ยึดประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท
2. คดีขึ้นเป็นนายกฯ โดยคงถือหุ้นสัมปทาน คดีนี้มี 2 กระทง กระทงละ 3 ปี ฟ้องเป็นคดีแล้วแต่พักไว้รอได้ตัวจำเลยก่อน หนทางต่อสู้คดีไม่มีเลย เพราะศาลในคดียึดทรัพย์ตัดสินยุติเด็ดขาดไปแล้วว่าซุกหุ้นจริง
3. คดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ คือแจ้งบัญชีทรัพย์สินโดยไม่บอกว่าตนเองยังเป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ป มี 7 กระทง กระทงละ 2 ปี มีขาดอายุความ 5 ปีไปบ้างแล้ว คดีอยู่ในศาลแล้ว หนทางต่อสู้คดีไม่มีเลย เพราะศาลในคดียึดทรัพย์ตัดสินยุติเด็ดขาดไปแล้วว่าซุกหุ้นจริง
4. คดีปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ในบรรดามาตรการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ 5 มาตรการนั้น พบหลักฐานว่า พตท.ทักษิณมีส่วนสั่งการ 2 คดี คือคดีให้พม่ากู้เงินเอ็กซิมแบงก์ กับคดีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต พตท.ทักษิณฯ จึงถูกฟ้องเป็นจำเลยฐานทุจริตไว้แล้วทั้งสองคดี เป็นคดีที่สู้ได้ยากเช่นกันเพราะศาลตัดสินเด็ดขาดในคดียึดทรัพย์ไว้แล้วว่ามาตรการนี้ไม่ถูกต้องและประโยชน์ตกแก่ พตท.ทักษิณ ฉะนั้น พตท.ทักษิณ เหลือประตูต่อสู้แต่เพียงประเด็นข้อเท็จจริงว่าตนไม่รู้เรื่องด้วยเท่านั้น
ทั้งนี้เมื่อศาลตัดสินคดียึดทรัพย์ไปแล้ว ข้อเท็จจริงสำคัญๆ ก็ยุติเด็ดขาดไปเกือบหมด ทำให้การสู้คดีที่เหลือลำบากมากๆ ครั้นจะดึงจะหน่วงคดีก็ลำบากเพราะฟ้องคาอยู่ในศาลหมดแล้วทุกคดี ถ้าต้องโดนทุกคดีก็ติดคุกรวมกันได้สูงสุดถึง 40 ปีเลยทีเดียว
https://news.mthai.com/webmaster-talk/142488.html
วันนี้ในอดีต ..30 พ.ค. 2550 ‘พรรคไทยรักไทย’ พรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดถูก‘คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ’สั่งยุบ ข้อหาว่าจ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง
เมื่อ 30 พ.ค.2550 คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ยุบ‘พรรคไทยรักไทย’ ในข้อหา ว่าจ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหนีเกณฑ์ 20 % เนื่องจากตามกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. กำหนดว่า ในเขตเลือกตั้งใดมีผู้สมัครรายเดียว ผู้ได้รับเลือกตั้งต้องได้คะแนนมากกว่าร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดในเขตเลือกตั้งนั้นๆ ซึ่งพรรคไทยรักไทยประสบปัญหาจากเกณฑ์ 20 %ดังกล่าวในเขตเลือกตั้งพื้นที่ภาคใต้ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 เพราะว่ามีพรรคการเมืองหลายพรรค‘บอยคอต’การเลือกตั้ง ไม่ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนั้น
ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่2 เมษายน2549พรรคไทยรักไทย ได้คะแนนในระบบบัญชีรายชื่อถึง 18.99ล้านเสียง แต่ถูกร้องว่า ว่าจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กลงเลือกตั้งเพราะต้องการหลีกเลี่ยงกฎ 20% คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบ ซึ่งผลปรากฏว่ามีมูล และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคไทยรักไทย และ2 พรรคการเมืองเล็ก คือพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย
สำหรับคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ให้ยุบพรรคไทยรักไทยนั้น คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เห็นว่า พรรคไทยรักไทยสนับสนุนให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองเล็ก จึงเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และการที่พรรคไทยรักไทยจ้างบุคคลอื่นลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคการเมืองอื่น ถือได้ว่าเป็นการกระทำให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นการะทำที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีของประชาชน
http://www.komchadluek.net/news/today-in-history/279742
ฎีกายืนคุก 3 ปี 4 เดือน คดี พล.อ.ธรรมรักษ์ จ้างพรรคเล็กลง ลต.ปี 49
ศาลฎีกา ยืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุก อดีต จนท.กกต.3 ปี 4 เดือน ขณะที่อดีตนักการเมืองจำคุกคนละ 2 ปี คดี พล.อ.ธรรมรักษ์ อดีต รมว.กลาโหม และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จ้างวานพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้งเมื่อปี 2549
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/572139
เพียงเพราะตัดสินใจผิดพลาดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จากพรรคเพื่อไทยในอำนาจของทักษิณ
นั่นคือการออกกฎหมาย “นิรโทษกรรม” เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯซึ่งหนีคดีอยู่ต่างประเทศระหว่างนี้ พ้นโทษและกลับประเทศไทยโดยไม่ต้องรับโทษ
ปรากฏว่าเกิดแรงต่อต้านอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทย ภายใต้การนำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ภายใต้กลุ่มการเมือง กปปส.
6 เดือน จากแรงต้านรัฐบาล จนทำให้ต้องยุบสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องพักการทำงานและพ้นจากตำแหน่ง
จนทำให้การเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาผบ.ทบ. ได้เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ และเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศในขณะนี้
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/476939
พรรคอนาคตใหม่ พรรคนายทุนเปลี่ยนแปลงประเทศพลิกแผ่นดิน
“ผมคิดว่าทุกคนมีพระเจ้าของตัวเอง แล้วคุณก็คุยกับพระเจ้าของคุณเองได้โดยไม่ต้องผ่านวัด โบสถ์ หรือมัสยิด คุณคุยกับพระเจ้าของตัวคุณได้ แม้กระทั่งระหว่างการวิ่ง คุณก็คุยกับพระเจ้าได้ คุณไม่ต้องไปตักบาตร ไปมิสซา หรือละหมาดเพื่อจะคุยกับพระเจ้า สิ่งที่ผมเชื่อก็คือศรัทธาทางศาสนาควรจะเป็นศรัทธาที่เปิดกว้าง และไม่ควรมีวัดหรือศาสนา หรือองค์กรใดมาบังคับหรือเชิดชูความเชื่อใดความเชื่อหนึ่งให้มากกว่าความเชื่ออื่นๆ เช่น รัฐไทยไม่ควรจะอุปถัมภ์ศาสนาพุทธ เพราะมันทำให้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แก้กันไม่จบ ผู้คนที่อยู่ใน 3 จังหวัด แง่หนึ่งก็เหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง เพราะไม่มีที่ยืนที่เท่าเทียมกันกับคนที่นับถือศาสนาพุทธ ผมคิดว่ารัฐควรจะถอยตัวเองออกมาจากเรื่องศาสนา ไม่ควรจะอุปถัมภ์ศาสนาอะไรเลย ที่นี่คุณจะนับถือยูดาย คุณจะนับถือเต๋า นับถือเซนก็ได้ เหมือนอย่างธรรมกาย ต่อให้ไม่เห็นด้วยกับธรรมกาย รัฐก็ไม่ควรไปยุ่ง ปัญหาคือถ้ารัฐไปยุ่ง มันก็จะซับซ้อนวุ่นวายไปหมด
https://prachatai.com/journal/2018/03/75905
บทเรียนพรรคนายทุนที่กล้าคิด กล้าทำล้ำหน้า กับความล้มเหลวที่ปชช.คงคิดหนัก
ประชานิยมที่เอื้อประโยชน์ส่วนตัว ตามด้วยการพลิกระบอบการปกครอง สังคมและศาสนา
ต้องจับตาอย่ากระพริบค่ะ....👀👀👀👀👀👀👀👀👀
วันหยุดพักผ่อนสบายๆนะคะ อ่านการเมืองอย่าเครียดล่ะคะ...