เล่ม 1
เล่ม 2
บทนำ
บทที่
1 2
บทนี้ส่วนใหญ่อยู่ในอนิเมตอน 3 ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 3 อ๊ะ ผู้กล้านี่นา
あ、勇者じゃん
“おはようさぎっ!” [Note: อ่านว่า Ohayō sa gi’- ตรงนี้ผมไม่รู้จะแปลยังไงดี หาที่มาไม่เจอด้วย เป็นคำทักทายตอนเช้าแผลงมาจาก Ohayō ธรรมดานั่นแหละ ไม่รู้ว่าพวกดารานักร้องเป็นคนเริ่มใช้รึเปล่า]
เช้าหลังจากวันที่ผมไปเดท ระหว่างทางไปโรงเรียน
ผมโดนกำปั้นทุบเข้าที่หลัง พร้อมด้วยคำทักทายแบบเป็นกันเองนั่น นิบุทานินั่นเอง หายากนะที่จะเจอเธอระหว่างทางแบบนี้ รวมถึงกำปั้นที่ทุบมาโดยไม่ให้ตั้งตัวนั่นด้วย
หรือนั่นเป็นเพราะ แค่แสดงคำพูดความคิดเห็นแบบ S มันน่าเบื่อไปแล้ว เลยเปลี่ยนมาเป็นการกระทำแบบ S ด้วยซะเลย เจอแบบนี้เป็นใครก็ไม่พอใจล่ะ
“อะไรกัน ทำหน้าตาตลกเหมือนกับจะบอกว่า ‘มันเจ็บนะ! แทบตายเลย!’ งั้นแหละ ชั้นไม่ได้อยากได้หน้าแบบนั้นซะหน่อยนะ นายเองก็พูดกลับมาบ้างสิว่า ‘อรุณสวัสดิ์นะเฮ้ย!’”
นิบุทานิเดินมาข้างๆ ผมแล้วก็พูดอะไรไร้สาระนั่นออกมา
“ไม่ใช่เหมือนกับซะหน่อย ตกใจจริงๆ แล้วก็เจ็บจริงๆ ด้วยต่างหาก! ลอบทำร้ายกันแต่เช้าแบบนี้ ทำไมต้องทักทายกันแบบนี้ด้วยเนี่ย!”
“นี่เป็นตอนเช้านะ ต้องเรียก 光討ち ไม่ใช่รึไง?” [Note : เล่นมุก 闇討ち yami uchi = ลอบทำร้าย ลอบเล่นงาน กับคำว่า 光討ち Kō uchi ก็คือเล่นมุก 闇 ความมืด กับ 光 แสงสว่าง ครับ]
“นั่นไม่ใช่คำตรงข้ามของมันซะหน่อย!”
แล้ว 光討ち นั่นน่ะ มันต้องดูสว่างพร่าตาสุดๆ เลยสิ
จากนั้นก็ฉวยโอกาสเข้าจู่โจมซึ่งๆ หน้าก็ยังได้ ประมาณนั้นแหละนะ [Note : เข้าใจว่าเล่นมุกซ้อนอีก โดย 光討ち เป็นชื่อท่าของ Kurusu Masaki ราชาแห่งโวลต์ หรือ Flash Master จากเรื่อง GetBackers โดยท่านี้มีแค่ในอนิเมเท่านั้น ไม่เคยดูอนิเมเหมือนกัน แต่ wiki มีอธิบายไว้ คิดว่าคล้ายๆ หมัดแสงตะวันใน Dragon Ball]
“เพื่อนเขาอุตส่าห์ทักทายกันทั้งที ไม่เห็นน่าจะต้องโกรธแบบนั้นเลยนี่”
“ก็ถ้าทักทายกันแบบปกติก็ไม่โกรธอยู่แล้วล่ะ ทักทายแบบปกติน่ะ”
“おはよっ” [Note: O ha yo’- ประมาณว่า หวัดดีตอนเช้า มั้ง]
เธอพูดทักทายเหมือนปกติออกมา
งืม นั่นให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนึงเท่านั้นแหละ
“…..おはようぉーたーどらこん” [Note: Ohayō Water Dragon ถ้าจำได้ นี่เป็นคำทักทายที่ริกกะใช้เมื่อตอนที่แล้วครับ โดย うぉーたーどらこんเขียนเป็นคาตากานะ ได้ ウォータードラゴン อ่านแบบเดียวกัน ทับศัพท์ Water Dragon มาตรงๆ เลย]
“อุหวา อะไรล่ะนั่น จูนิเบียวชัดๆ เลยนะ!”
“หนวกหูน่า ก็ชั้นชอบแบบนี้นี่นา เธอไม่ต้องมาบ่นเลย”
“หืม~ เอาเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ต่างฝ่ายก็ยอมรับคำทักทายของอีกฝ่ายไปละกันนะ”
เธอทอดสายตาจิกกัดมองลงมาพร้อมกับพูดไปด้วย ถึงส่วนสูงเราจะไม่ต่างกันมาก แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกพูดใส่มาจากคนที่สูงกว่าซะงั้น รู้สึกเหมือนเป็นเบี้ยล่างให้กับผู้ที่เหนือกว่าอย่างน่าเศร้าเลยแฮะ
“แล้ว ไม่ทราบว่าต้องการอะไรเหรอครับ? ผม อยากจะรีบไปโรงเรียนนะ”
พูดเหมือนตกเป็นเบี้ยล่างโดยสมบูรณ์แบบเลย ท่าทางเหมือนกำลังโดนรุ่นพี่ขู่เข็ญไถตังค์ยังไงยังงั้น
ส่วนทางตัวคนเริ่มเรื่องกลับทำท่าทางสงสัยตอบกลับมาแปลกๆ
“ไม่ได้ต้องการอะไรซะหน่อยนี่? ชั้นก็แค่ลงจากรถไฟ เดินมาโรงเรียน แล้วระหว่างทางก็เจอเพื่อนอยู่ข้างหน้า เลยร้องเรียกเท่านั้นเอง มันแปลกตรงไหนงั้นเหรอ?”
“เปล่า ไม่ได้แปลกอะไรหรอก….. แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันก็น่าจะนิ่มนวลกว่านี้หน่อยนะ…..แค่ตบบ่าก็ได้”
“ก็ไม่ใช่เพราะเป็นเพื่อนกันเหรอ ก็ถ้าไปทุบคนที่ไม่ใช่เพื่อนกันจากข้างหลังแบบนั้นมันก็เป็นอาชญากรรมแล้วสิ”
“ถึงเป็นเพื่อนกันแต่แบบนั้นก็เรียกอาชญากรรมนะ!”
แล้วนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดอย่างมั่นอกมั่นใจกับเพื่อนซะหน่อยนะ
นี่ผมเป็นเพื่อนกับนิบุทานิจริงรึเปล่าเนี่ย….?
"ก็เป็นเพื่อนกันแล้วนี่ มีพูดคุยให้คำปรึกษาเรื่องความรักกันไปแล้วจริงมั้ย? ในหมู่สาวๆ น่ะ แค่ทำแบบนั้นแล้วก็ถือเป็นเพื่อนสนิทกันแล้วล่ะ”
“เป็นสัมพันธ์เพื่อนสนิทที่ดูเปราะบางดีจังนะ…….”
ผมพูดตอกกลับไปในทันทีเลย แล้วเธอเป็นคนมาขอคำปรึกษาเรื่องความรักอะไรตั้งแต่เมื่อไรกัน อยากถามจริงๆ ว่านี่คิดจะเข้ามายุ่งให้มันกลายเป็นรักสามเส้ารึไงเนี่ย แต่ว่านะ ถ้านิบุทานิไม่เข้ามาวุ่นวายให้มันกลายเป็นรักสามเส้าแล้วล่ะก็คงต้องบอกว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทที่ดีมากๆ(?) ได้เลยล่ะมั้ง
“งั้นก็เริ่มจาก เมื่อวานเป็นไงบ้างล่ะ?”
แล้วเธอก็แสดงสีหน้าซาดิสต์ที่เห็นประจำออกมาจนได้
เข้าใจล่ะ นี่เพราะจะถามเรื่องนี้สินะ
“ต้องขอบคุณเธอเลยนะ เป็น 1 วันที่มีความสุขจริงๆ เลยล่ะ”
“หวา พูดจาน่าหมั่นไส้ได้ไม่อายเลย! ชั้นไม่อยากได้ยิน!”
พูดเสร็จ นิบุทานิก็เอามือปิดหูทั้งสองข้าง งั้นทำไมไม่พูดแต่แรกว่าไม่อยากฟังล่ะเนี่ย ไหนๆ ก็จะทำเอามือปิดหู เหมือนไม่ได้ยินแต่จริงๆ ได้ยินแบบนั้น ผมเองเลยไม่พูดต่อละ
“อะไรกันเนี่ย –– นึกว่าจะโดนทิ้งตั้งแต่เดทครั้งแรกซะอีก”
“คุณนิบุทานิในวันนี้ไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยเรอะ!?”
ทำท่าเหมือนกับกำลังรู้สึกเสียใจที่ซื้อของบางอย่างมาเลย
พอมานึกๆ ดูแล้ว –––– อ๊ะ เป็นเพราะเรื่อง ผูกพันกันชั่วนิรันดร์ นั่นเหรอ แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของผมซะหน่อยนี่ [Note : ยังไม่เลิกตั้งแต่ตอนแรกอีก…]
“แต่ชั้นมีคิดแบบนั้นจริงๆ นะ”
“โหดร้ายถึงขั้นอำมหิตเลยนะนั่น!”
คิดมุ่งร้ายอย่างไร้เหตุผลจริงๆ! น่ากลัวที่สุด! ใครก็ได้ช่วยผมที ทำไมถึงต้องมาเจออะไรเลวร้ายแบบนี้ตั้งแต่เช้ากันเนี่ย
หรือจะอย่างที่เขาว่ากันว่า มีสุข 1 วัน ก็ต้องมีนรก 1 วัน……?
“เอาน่า แต่ชั้นก็มีคิดว่าไม่อยากให้พวกเธอแยกจากกันเหมือนกันแหละ”
“ไหงจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือได้เนี่ย!? แล้วจากที่พูดกันเมื่อกี้นี้ จะให้เชื่อได้รึไง!”
ยังชอบวกไปวนมาเหมือนเดิม หรือจะบอกว่าไม่คิดสนใจกับเนื้อความโดยรวมเลยดี
จะว่าไป ผมเองก็ตบมุกมาตลอดได้พักนึงแล้วแฮะ
คงเป็นเพราะเดทเมื่อวานริกกะแทบจะไม่ยิงมุกออกมาเลย (พอมีบ้างแหละ) ทำให้เกจพลังการตบมุกของผมที่มีอยู่เต็มเปี่ยมไม่ได้ใช้ออกมา มาตอนนี้เลยใช้ออกไปโดยไม่สนอะไรเลย
“หืม~ นี่นายไม่เชื่อเรื่องที่เพื่อนพูดงั้นเหรอเนี่ย? ใจร้ายจริงๆ เลยนะ – เลิกเป็นเพื่อนกันซะเลยดีกว่านะนี่”
“เป็นเพื่อนสนิทที่สัมพันธ์เปราะบางจริงๆ ด้วยสินะ!”
ผมตอกกลับอย่างรวดเร็ว เป็นคนไม่ดีจริงๆ ด้วย ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วละก็ ผมจะฟ้องร้องเรื่องที่โดนทำร้ายตอนก่อนหน้านี้ซะเลย คอยดูสิ!
“อะฮะฮะ นายนี่ไม่ว่าอะไรก็ตบมุกไปได้ซะทุกเรื่องเลยนะ นี่ถ้าไม่ทำอะไรตลกๆ แล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้เหรอ? เอาเถอะ แล้วที่ชั้นพูดเมื่อกี้นี้น่ะเป็นความจริง ไม่ได้โกหกนะ”
“เมื่อกี้ที่ว่า…..ที่บอกว่าไม่อยากให้พวกชั้นแยกจากกัน นั่นเหรอ?”
“ใช่ๆ เพราะแบบนั้นจะช่วยให้ทาคานาชิซังได้รับการเยียวยาไปด้วย”
“เยียวยา รักษา…..เธอเชื่อแบบนั้นเหรอ”
ความเชื่อของนิบุทานิ คือจะรักษาอาการจูนิเบียว ––– งั้นเหรอ
หลังจากที่ผมเริ่มคบกับริกกะมาแล้ว สิ่งนั้นตรงข้ามกับที่ผมคิดแบบสุดๆ เพราะผมกำลังนึกสงสัยว่าริกกะยังมีอาการจูนิเบียวอยู่จริงรึเปล่า
สิ่งที่น่าแปลกคือ มาถึงตอนนี้ผมกลับคิดกังวลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ดำมืดนั่นไม่เท่ากับที่เคยคิดเมื่อก่อนเลย แน่นอนว่าความรู้สึกอายแทบตายนั้นยังคงไม่เปลี่ยนไป แถมยังรู้สึกผิดที่ตัวเองไปก่อกวนคนอื่นเขาไปทั่วด้วย มันอาจจะไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเมื่อเทียบกับคนปกติทั่วไปก็จริง แต่ในตอนนี้ผมก็คิดจริงๆ ว่าจูนิเบียวนั้นเจ๋งสุดๆ
เป็นความจริงว่า เพราะอดีตเหล่านั้น เลยทำให้ผมเข้มแข็งสุดๆ กลายเป็นผมในตอนนี้ขึ้นมา อะไรประมาณนั้น
หรือง่ายๆ คือ เหมือนกับเป็นพัฒนาการทางจูนิเบียวอันสุดยอดเลยล่ะมั้ง
แล้ว หลังจากนั้น นิบุทานิที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดีก็จ้องมาที่ผมอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะเปิดปากพูดมาว่า
“…..เป็นคนแบบนายนี่ก็ดีเหมือนกันนะ”
“อื๋อ? หมายความว่าไงเนี่ย?”
ผมเลิกคิ้วขึ้นเพราะไม่เข้าใจที่เธอพูด พร้อมทำหน้าครุ่นคิด
“ก็ความหมายตามที่พูดไปนั่นแหละ จะว่าไปแล้ว ชั้นเอาแต่เรียกนายว่า นาย มาตลอดเลย ให้เรียก Gerzoni ดีมั้ย?” [Note: จากชื่อ Gerzoniansas ของยูตะ]
“พูดโน่นนี่ไปเรื่อยจนปะติดปะต่อไม่ได้สมเป็นโมริซะมะจริงๆ! มั่วซั่ว! อุ่ก!”
ผมโดนเล่นงานอีกครั้ง คราวนี้โดนหลังหมัดเข้าที่ท้อง ความเสียหายและความตะลึงงันจากการจู่โจมไม่ให้ตั้งตัวนั่นทำเอาเจ็บจนพูดอะไรไม่ออกเลย
นี่มัน…..光討ち เรอะ ! [Note: จากมุกข้างบนนู่น ที่ว่าเป็นท่าของตัวละครใน GetBackers]
“อุ…..เดี๋ยวสิ คราวนี้ไม่ใช่ความผิดชั้นไม่ใช่เรอะ? นิบุทานิเป็นคนเริ่มพูดก่อนเองนะ…..นี่นิบุทานิกลายเป็นพวกทำร้ายร่างกายคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรกัน….”
“พูดอะไรน่ะ? นั่นไม่ใช่ทำร้ายกันซะหน่อยนะ เป็นการตบมุกต่างหากล่ะ ก็แบบนั้นไง ถ้าคนเราโดนต่อยด้วยกำปั้นนั่นต่างหากถึงจะเรียกว่าทำร้าย แต่ถ้าเป็นหลังมือเขาเรียกตบมุกนะ แถมชั้นเองก็ซ่อนนิ้วโป้งเก็บไว้ข้างในด้วย เพราะงั้นจึงเป็นการตบมุกกันระหว่างเพื่อนไง”
“นี่เป็นการตบมุกด้วยความรักรึไงเนี่ย!?”
การตบมุกนี่ช่างมีมากมายหลากหลายดีจริงๆ
หรือนี่จะเป็นวิธีสกัดการยิงมุกล่ะเนี่ย?
“ก็ไม่ได้จะพูดว่าไม่พอใจอะไรหรอกนะ แต่ที่ชั้นโดนตบมุกมาเนี่ยหมายความว่าไงไม่เห็นเข้าใจเลย”
“นั่นน่ะ ชั้นไม่อยากพูดให้นายฟังหรอกนะ”
นิบุทานิทำหน้าเฉยเมยไม่สนใจ พร้อมพูดแบบไม่พอใจออกมา
แล้ว ก็ถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ ช่างเถอะ เอาล่ะ ถ้าโดนเห็นว่าไปโรงเรียนกัน 2 คนคงไม่ดีแน่–– ”
พอนิบุทานิพูดเสร็จ เธอก็เดินเร็วขึ้นแซงหน้าผมไป
พอเธอเดินนำไปได้ระยะนึงแล้ว ก็หยุดยืนกับที่ แล้วเอียงคอเชิดคางหันกลับมา
“งั้น ชั้นนำหน้าไปก่อนนะ เจอกันอีกทีที่โรงเรียนล่ะ Ger • zo • ni” [Note : ゲ•ル•ゾ•ニ]
พูดเสร็จ เธอก็ไป พร้อมผมที่ปลิวไสวไปตามสายลม
แล้วผมก็เดินไปโรงเรียนคนเดียวทั้งอย่างนั้น ดูเหมือนเธอจะเอาใจใส่ผมเหมือนกันแฮะ การคอยดูแลเอาใจใส่แบบนั้นสมกับที่เป็นผู้นำจริงๆ ถึงจะรู้สึกอยากขอบคุณก็จริง แต่อยากให้เธอช่วยผ่านๆ ชั้นไปไม่ต้องมาสนใจกันเลยมากกว่า
แถมตอนนี้ ชื่อเล่นของผมก็เปลี่ยนจาก ‘นาย’ กลายเป็น ‘Ger • zo • ni’ เรียบร้อย
เอาเถอะ ก็เป็นเพื่อนกันนี่นะ ถึงจะอยากเรียกด้วยชื่อเล่นอะไรแบบนั้น ก็ไม่รู้สึกแย่อะไรหรอก
ถึงแม้จะถูกเรียกว่า Gerzoniansas ก็เถอะ แต่ก็โดนจนรู้สึกชินโดยไม่เต็มใจไปซะแล้ว แล้วก็รู้สึกชอบชื่อเล่นแบบ Gerzoni นั่นเหมือนกัน
---------------------------------------------------------------------------
(Chunibyou LN Vol 2) บทที่ 3 อ๊ะ ผู้กล้านี่นา
เล่ม 2
บทนำ
บทที่ 1 2
บทนี้ส่วนใหญ่อยู่ในอนิเมตอน 3 ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้