ผมว่าผมเห็นกลยุทธ"ยืมหอกสนองคืน"นะ

ที่เห็นและเป็นไปรัฐบาลและตัวนายกฯ ที่เจอแต่คู่ต่อกรระดับบิ๊กๆที่ไม่ธรรมดาทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น
พรรคการเมืองเก่าแก่เชี่ยวชาญการเมืองระดับเขี้ยวลากดินทำนักการเมืองอาวุโสน้ำตาตกมาแล้วไม่น้อย
กองทัพที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายมาได้ทุกยุคทุกสมัย
กระบวนการทางกฏหมาย องค์กรณ์อิสสระต่างๆที่มีอำนาจที่เรียกได้ว่า"พิเศษ" อยู่ในมือ
ซึ่งหากมองย้อนไปแล้ว รัฐบาลที่เรียกได้ว่าไม่มีแบ็คอัพอะไรเลยนอกจากเสียงของประชาชนที่เลือกมาเท่านั้น
กับผู้นำที่อ่อนด้อยประสพการณ์ทางการเมืองอย่างนายกหญิง
ก็คงเห็นกันได้ไม่ยากหรอกว่า "ไม่น่าจะรอด"มาได้ถึงวันนี้เลยจริงๆ

ทำไมถึงได้อยู่ได้มาจนทุกวันนี้ มันก็คงไม่ใช่ความฟลุ๊ค หรือมีกำลังภายในอะไรดีหรอกครับ
แต่ผมว่าเค้ารู้จักใช้กลยุทธที่แหลมคมมากกว่า
เมื่อสู้กับคนที่มีอาวุธทั้งๆที่ตัวเองมือเปล่าก็ต้องหาทางยืมอาวุธของศัตรูนั่นแหละหันกลับไปทิ่มแทงศัตรูเสียเอง

การที่พรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ตกต่ำ จนแทบไม่มีที่จะยืนบนเวทีการเมืองอย่างที่เห็นนี่
คุณยิ่งลักษณ์กับรัฐบาลก็ยังไม่ได้ไปทำอะไรกับพรรคเก่าแก่นี้เลยแม้แต่น้อยคือแทนที่จะตอบโต้แบบแรงมาแรงไป
กลับพยายามทำให้ประชาชนเห็นความสามารถที่แตกต่างชัดเจนขึ้นมากกว่า
ที่เห็นและเป็นไป จนเป็นอย่างทุกวันนี้ล้วนเป็นการทำตัวเองทั้งสิ้น
หาก เมื่อเรียนรู้จนเข้าใจนิสัยและวิธีคิดของพรรคการเมืองนี้ ก็วางหมากให้เดินไปตามกที่ต้องการไปได้ไม่ยาก
กระตุ้นตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย ไม่นานความร้ายกาจที่มีก็ย้อนรอยมาทำลายตัวเอง
เพราะคนโง่ย่อมไม่เคยยอมรับว่าตัวเองว่าโง่
คนเมายอมไม่เคยยอมรับว่าตัวเองว่าเมาจนกว่าจะล้มคว่ำเดินไม่ไหวนั่นแหละ

กับการสู้กับกองทัพที่มีอำนาจกำหนดความเป็นไปของการเมืองไทยมาตลอด
จะเอาอาวุธที่ไหนไปต่อกรด้วยก็คงไม่มีทาง ก็ต้องยืมอาวุธที่กองทัพถนัดใช้นั่นแหละ

ที่หาข้ออ้างปฏิวัติรัฐประหารกันไม่ได้จนง้างค้างเป็นตะคริวกันอย่างที่เห็นนี่
ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊คแน่นอน
ไม่มีใครอยากเป็นผู้ร้ายโดยเฉพาะคนที่พยายามสร้างภาพว่าเป็นพระเอกมาตลอดหรอก
อาวุธยุทโธปกรมีประสิทธิภาพแค่ไหนหากถูกจำกัดว่านำมาใช้แล้วต้องกลายเป็นผู้ร้ายก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ใช้แล้วผลสะท้อนกลับมาหาตัวมันร้ายแรงกว่าเยอะถึงกับไม่มีที่ยืนบนโลกกันเลยทีเดียว
อย่างแค่อาวุธ"บังเกอร์"ที่เอามาตั้งข่มขวัญกันกลางกรุงนี่ไง มีใครกลัวมั่งล่ะ ร้องท้ากันอีกต่างหาก
กองทัพเสียรังวัดมากกว่าได้ซะอีก
ตั้งใจเอามาขู่แท้ๆพอไม่มีประโยชน์ตามที่หวังจะเก็บก็เสียหน้าต้องรักษาฟอร์มกันยากอยู่
แล้วนี่ดันยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน ไปอีก การมีอยู่ของบังเกอร์จึงเป็นการเปิดหน้าประจานโดยแท้
สุดท้ายแล้วหากเก็บอาการไม่อยู่ก็คงออกลายผู้ร้ายกันมาจนได้นั่นแหละ
  
กับม๊อบที่ออกมาต่อต้านกันจนถึงระดับ"มวลมหาประชาชน"กร่อยกร่อนกันจนเหลือแค่หยิบมือโดยที่ไม่ต้องมีการสลายการชุมนุม
มันก็ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊คเช่นกัน
รัฐบาลเป็นฝ่ายถอยมาตลอด แต่ฝ่ายถอยกลับดำรงค์อยู่เช่นเดิม เป็นฝ่ายรุกที่กลับอ่อนล้าหาทางลงไม่เจอไปซะเอง
อาวุธที่ดูน่าเกรงขามอย่างมวลมหาประชาชน ก็เหมือนดาบที่ฟาดฟันสะเปะสะปะ จนหักบิ่นเหลือแต่คมที่สั้นเต่อลงทุกวัน
แต่กลับทำอะไรรัฐบาลไม่ได้เลย

กระบวนการทางกฏหมาย องค์กรณ์อิสสระต่างๆ ที่กำลังแอ๊คทีฟรับไม้ต่อมาก็เช่นกัน
ดูแล้วก็คงมีสภาพไม่ได้ต่างไปจากทัพอื่นๆเท่าไหร่หรอก
ที่ต้องออกคำสั่งประหลาดๆคุ้มครองม๊อบ ผลที่ตามมาก็ตกกับคนออกคำสั่งทั้งองค์กรณ์นั่นแหละ
การแสดงออกของกกต.ต่อการจัดการเลือกตั้งที่ดูเหมือนจะพยายามใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ช่วยทำลายล้างไปตามแผน
แต่ยิ่งนานไปผลร้ายก็จะวกกลับไปที่ตัวเองจนได้เหมือนกัน
แม้แต่รัฐธรรมนูญที่เขียนมาเองกับมือแท้ๆ ก็กลับกำลังจะกลายเป็นอุปสรรคในการทำลายล้างเสียเอง

เพราะว่าองค์กรณ์สถาบันฯต่างๆล้วนดำรงค์อยู่ได้ด้วยศรัทธา
คฑาวิเศษที่มีมันมีอิทธิฤทธิได้ก็เพราะมีศรัทธา กวัดแกว่งใช้อย่างผิดๆ ศรัทธามันก็เสื่อม
ไม่นานคฑาวิเศษก็จะต้องกลายเป็นไม้ตีพริกในที่สุด
โดยที่รัฐบาลเองแทบไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

ที่ต้องเปิดหน้าเปิดตาออกมาให้คนเค้าด่าจนเกือบหมดทั้งทีมแล้วนี่ ผมว่าไม่ใช่ความฟลุ๊คหรอกว่ามั๊ย
มันต้องเป็นฝีมือการวางแผนของเสนาธิการที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวล่ะ
สู้กับสรรพาวุธร้ายแรงต่างๆได้ด้วยการยึดโยงอยู่กับประชาชนเท่านั้นเองจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่