มีอาวุธดี แต่ไปใช้อย่างผิดๆคฑาวิเศษก็กลายเป็นไม้ตีพริกได้ง่ายๆ

เปรียบเทียบกำลังอาวุธทั้งสองฝ่ายแล้วฝ่ายหนึ่งมีแค่ฉันทามติของประชาชน
กับอีกฝ่ายที่มีทั้งสื่อหลักในมือ กองทัพทั้งกองทัพ ระบบยุติธรรมทั้งระบบ และอีกทั้งศรัทธาต่อสถาบันฯ
ซึ่งดูแล้วเป็นอาวุธร้ายแรงทั้งนั้น ตามหลักแล้วรัฐบาลนี้น่าจะพ่ายแพ้จบไปตั้งนานแล้ว
แต่กลับไม่เป็นดังคาด เหตุผลสำคัญน่าจะเป็นเพราะใช้อาวุธไม่เป็น ใช้ไม่ถูกนะ

สื่อทั้งหลายที่มีอยู่ในมือแทนที่จะนำเสนอความจริงความถูกต้อง ก็กลับไปใช้โจมตีด้วยความหยาบคายถ่อยเถื่อน
แทนที่จะใช้เป็นพื้นที่ทำความเข้าใจอันดีกับประชาชนก็กลับใช้กันแค่เป็นอุปกรณ์สะกดจิต
ดูถูกวิจารณญาณของประชาชนจัง แทนที่จะได้สร้างมวลชนคุณภาพขึ้นมาใหม่
ก็เลยได้แต่มวลชนบ้องตื้นที่ชักจูงง่าย วุฒิภาวะต่ำมาเป็นพวกแทนซึ่งก็เป็นผลเสียมากกว่าผลดีนะ
แทนที่จะได้เห็นภาพความหวังอนาคตที่ดีกว่าให้ได้มาเปรียบเทียบ ก็กลับได้พบได้เห็นแต่ความชั่วร้ายที่ปิดไม่มิด
มีแต่ความเพ้อเจ้อไร้หลักการ วันๆนำเสนอแต่ความเกลียดชังที่ไม่มีทางออกดีๆมานำเสนอ
การใช้สื่อในมือกันอย่างนี้ได้ผลดีหรือร้าย ก็ดูได้จากเรทติ้งนั่นแหละ ถ้าได้ผลสำเร็จจริงป่านนี้มวลชนคงล้นถนนไม่หรอมแหรมจนแกนนำไปทำมาหากินต่างถิ่นไม่ได้อย่างนี้หรอก

กองทัพที่มีอยู่ในมือก็เช่นกันมีอาวุธยุทโธปกรณ์ทางสงครามในมือมากมายก็ไม่ใช่ว่าจะมาขู่ให้กลัวจนเปลี่ยนใจกันได้เสียเมื่อไหร่
ยิ่งนำมาใช้ก็มีแต่จะเสียมวลชนมากไปทุกที กับท่าทีดัดจริตไม่สมกับเป็นชายชาติทหาร
คิดอะไรทำอะไรไม่ทำให้มันแบบตรงไปตรงมา สนับสนุนใครก็บอกไปเลย ไม่ต้องยึกยักลับๆล่อๆ
อันนี้มันไม่เป็นผลดีต่อศรัทธาความน่าเชื่อถือกันซักเท่าไหร่
จิตวิทยาไม่ดีแทนที่จะกลัวเกรงกลับกลายเป็นยั่วยุ
ก็ดูเอาสิครับเรื่องปฏิวัติมีใครกลัวซะที่ไหน ร้องท้ากันเหยงๆ  เอาบังเกอร์มาตั้งก็ป้องกันอะไรไม่ได้ เหตุร้ายยังเกิดขึ้นทุกวันตบหน้ากองทัพเองปล่าวๆ
จากยุคสงครามเย็นกว่าจะขจัดความรู้สึกเกลียดชังทหารออกไปได้ใช้เวลาเป็นชั่วอายุคน
กับกระแสเกลียดชังทหารที่ระบาดอยู่ในตอนนี้ หากไม่รีบแก้ไข  อาวุธร้ายมันก็จะย้อนมาหาตัวเองกันจนได้นั่นแหละ

ระบบยุติธรรมที่มีพวกพ้องคุมอยู่ก็เช่นกัน ระบบยุติธรรมนั้นอยู่ได้ก็ด้วยความเชื่อถือ ศรัทธา ของประชาชน
ตัดสินถูกต้องเที่ยงธรรมศรัทธาก็ยังคงอยู่ อำนาจมันก็ยังมี
แต่ถ้าปล่อยให้มีครหาเรื่องความยุติธรรมสองมาตรฐาณขึ้นมาได้แถมไปตอกย้ำให้มันมีมูลชัดเจนอย่างลำพองใจ
พลังอำนาจที่คิดว่ามี มันก็อาจไม่มีความหมายในไม่ช้า
เพราะกฏหมายจะบังคับใช้ให้ได้ผลมันก็ต้องอยู่บนบรรทัดฐาณเดียวกัน
เอามาใช้อย่างผิดๆคิดเอามาทำลายกันทางการเมืองเลือกข้างกันอย่างไม่อายไม่เม้ม มันก็คงต้องพังไปทั้งระบบในไม่ช้า

อาวุธหลักที่ใช้กันบ่อยมากอีกอันก็คือ ศรัทธาต่อสถาบันฯนี่แหละนำมาขู่เข็ญแอบอ้างกันบ่อยๆ
เวลาทำปิดทำชั่วกันไป ผลร้ายก็ต้องกระทบต่อสถาบันฯอย่างไม่ต้องสงสัย
ใส่เสื้อทหารของพระราชาแล้วไปไล่ฆ่าประชาชนคนเห็นต่าง
มันเป็นการบ่อนทำลายศรัทธาที่มีต่อสถาบันฯอย่างเห็นได้ชัด
ลองไปทบทวนกันดูดีๆสิครับ ไอ้ข้อกล่าวหาล้มเจ้าน่ะ มันเริ่มจากอะไร?ใครไปดึงมาใช้?ทำไมถึงได้เอามาอ้างล้มเจ้า
มันต้องมีที่มาที่ไป มันอาจจะใช้ได้ผลกับมวลชนที่ไม่นิยมไตร่ตรองหาข้อเท็จจริง
แต่ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารปิดบังกันได้ยาก แค่ไปตะโกนในโรงหนังมันก็คงไม่พอแล้วล่ะ
อันนี้ก็อาวุธอันตรายที่หากใช้ผิดแทนที่จะได้ประโยชน์ก็กลับเป็นโทษทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
อย่าลืมว่าศรัทธานั้นสร้างสมมาอย่างยากลำบากเป็นชั่วอายุคน แต่ทำลายลงได้ง่ายนิดเดียวเอง

ในความเห็นของผมหากว่าฝ่ายที่ถืออาวุธร้ายแรงเหล่านี้ฉลาดจริง
ประเทศไทยก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ หรอก  ว่ามั๊ย?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่