โดยครูนพพร. อินสว่าง (ลูกสองครับ)
1.นำความฝันของตนเองมาตั้งเป้าหมายให้ลูก จนบางครั้งลืมมองความฝันของลูกว่าอยากเป็นอะไร ( แต่ถ้าเรากับลูกฝันเหมือนกันก็สนับสนุนกันไปให้เต็มเหนี่ยว)
2.เปรียบเทียบลูกตัวเองกับลูกชาวบ้านเสมอ ทั้งๆที่จริงๆแล้วเด็กทุกคนมีดีในตัวเองทุกคน
3.สร้างแรงกดดันในการเรียนและยัดเยียดห้องเรียนอัจฉริยะให้
4.ปกป้องลูกจากอุปสรรคและปัญหาทุกอย่างในชีวิต โดยลืมนึกว่าเราไม่ได้มีอายุถึง 200 ปี
5.ขโมยเวลาที่มีค่าในการเรียนรู้ชีวิตของลูก เพื่อไปเรียนกวดวิชาอย่างบ้าคลั่ง โดยเชื่อว่าจะสามารถสร้างอนาคตให้ลูกได้
6.มองสิ่งที่ลูกชอบหรือถนัดเป็นสิ่งไร้สาระ
ไม่มีคุณค่า
7.มีความเชื่อเสมอว่าการทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเข้าเรียนโรงเรียนดังๆได้ จะทำให้ลูกมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น( เด็กที่เรียนจบจากโรงเรียนวัดแต่มีทักษะการเรียนรู้และเป็นคนดีก็ประสบความ สำเร็จได้ครับ)
8.ตีกรอบความคิดเรื่องอาชีพว่า หมอ วิศวะ ตำรวจ ครู ทหารและอาชีพข้าราขการต่างๆ คืออาชีพที่ดีที่สุด มั่นคงที่สุดและประสบความสำเร็จที่สุดถ้าเป็นได้ จนลืมมองอาชีพในโลกว่ายังมีอาชีพอีกมากมายที่สามารถประสบความสำเร็จได้ ( เด็กไทยเองหลายๆคนพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่เรียนไม่จบด้วย ซ้ำ )
9.เข้าใจว่าเกรดหรือผลการเรียนคือใบเบิกทางสู่ความสำเร็จ ในการทำงาน แต่จริงๆแล้วความสำเร็จจริงๆวัดจากทักษะในการทำงานจริงๆต่างหาก
...ต่อให้ได้เกียรตินิยม ทำงานไปหกเดือนแล้วผลงานห่วย เข้ากับใครไม่ได้ เขาก็ไม่จ้างครับ
...มันมีอะไรที่มากกว่าแค่เกรดครับ ที่จะมาการันตีความสำเร็จ หรือแค่ใบปริญญา
10.เชื่อเสมอว่าสิ่งที่ลูกทำถูกต้องที่สุด ทุกคนที่มีปัญหากับลูกเลวหมด ให้ท้ายลูกเสมอ
11.(เพิ่มให้) สร้างค่านิยมว่าความสำเร็จในชีวิตวัดที่การยกระดับฐานะทางการเงิน โดยไม่สอนให้ลูก ยกระดับจิตใจคุณธรรม เสียสละและแบ่งปัน
ป.ล. อย่าเพิ่งเชื่อผมก็ได้ แต่ลองอ่านดูครับ
...ชีวิตเป็นของลูก ไม่ใช่ของเราครับ
ครูนพพร. อินสว่าง ( ไม่น่ายุ่งเลยเรา ลูกใครเขาก็ดูเองเนอะ )
http://www.momypedia.com/index.php?op=webboard-detail&cid=8&tid=1022052
------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ....ห่างหายไปจากชานเรือนนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
แวะเข้ามาอ่านบ้างนานๆ ที เพราะมีหลายสิ่งอย่างให้ทำเยอะแยะไปหมด
เจอบทความดีๆ แวะเอามาฝาก แวะชวนคุยกันค่ะ
หลายวันก่อน มีข่าวน่าสะเทือนใจ ลูกชาย ฆาตกรรมหมู่ พ่อ แม่ และน้องชาย (จากที่อ่านข่าวต้องบอกว่าเป็นความจงใจและมีสติรู้ตัวมากๆ เพราะพยายามทดลองยานอนหลับหลายขนานให้พ่อแม่กิน) และหลายวันก่อน เด็กประถม ฆ่าเด็กอนุบาล เอาศพไปซ่อน เหตุการณ์สังคมรอบตัว ดูรุนแรงขึ้นทุกวันๆ
หลายคนมองว่าเด็ก จิตใจเหี้ยมโหด เลว ในห้องนี้ มีคนเป็น พ่อ แม่ อยู่ อยากให้ลองมองกลับในอีกมุมนึงว่า การที่เด็กคนนึง จะลงมือทำอะไรแบบนี้ได้ น่าจะไม่ได้มีสาเหตุจากการแค่ โมโห ควบคุมสติไม่ได้ แล้วลงมือ (ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนั้น ก็อาจจะมาจากความบกพร่องบางอย่าง ของสมอง)
เด็กเล็กๆ อาจจะ มาจากความไม่รู้ เลียนแบบ ความประมาทของผู้ใหญ่ แล้วเด็กที่โตแล้ว สามารถรับรู้เหตุผล ถูก ผิด ดี ชั่ว ศีลธรรมล่ะ อะไรเป็นแรงขับเคลื่อน สิ่งสำคัญคือ การเลี้ยงดูจากพ่อแม่ และที่บ้าน มีอะไรที่ทำให้เด็กคนนึง คิด และลงมือกระทำแบบนั้น อะไรที่เราควรเรียนรู้ให้มากขึ้น และเผื่อแผ่คนรอบข้าง เพื่อเหตุการณ์แบบนี้ จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก
ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปี ที่เลี้ยงเด็กคนนึง มีหลายสิ่งอย่างที่ได้เรียนรู้มากมาย เกี่ยวกับมนุษย์ ทำให้เราเปลี่ยนความเชื่อหลายๆ อย่าง
- เราเชื่อว่า มนุษย์ เกิดมาไม่ได้เพื่อเป็นคนเลว ทุกคน อยาก จะเป็นคนดี แต่ด้วยเหตุและปัจจัยหลายสิ่ง ทำให้ เขาไม่สามารถเป็นได้
- สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมที่สุด ก็ได้
- โลกนี้ ไม่ได้มีความจริงสิ่งเดียว ที่เรายึดถือ การพยายามตัดสินผู้คน หรือเหตุการณ์ ใด เหตุการณ์หนึ่ง จากมุมมองความเชื่อจากโลกใบเล็กๆ ของเราคนเดียว ว่า มันเป็นจริงอย่างนั้น วิพากษ์วิจารณ์ เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังในการเลี้ยงลูก เพราะเขาจะซึมซับไปโดยไม่รู้ตัว
- การคิดว่า ความจริงที่เราเห็น อาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ทำให้เรา สอนลูกมองหลายแง่มุมมากขึ้น แค่ลองคิดว่า ในเหตุการณ์บางอย่างที่คนอื่นมองว่าไม่ดี มีอะไรดีๆ บ้าง ช่วยกันคิด ช่วยกันหา ก็ทำให้ความจริงที่เราเคยเชื่อ สั่นคลอนได้
- กฏหมาย และศีลธรรม เป็น "กติกา" ให้ผู้คนอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างปกติสุข ไม่เบียดเบียนสิทธิของกันและกัน...
แต่คนทำถูกกฏหมาย อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกเสมอไป คนทำผิดกฏหมายอาจจะไม่ใช่คนเลวเสมอไป คนทำผิดศีลธรรม อาจจะไม่ใช่คนเลวโดยกำเนิด
- การมองโลกในแง่ดีอย่างเดียว สำหรับเด็กยุคใหม่ อาจจะไม่พอ(ตามความเห็นของเรา) ผู้คนสมัยนี้ มองการมองโลกแง่ดีว่า "โลกสวย" โลกมัน "ควรจะ" เป็นบางสิ่ง บางอย่างในแบบที่เค้าคิดมากกว่า เพราะฉะนั้น การมองโลกในแง่ดีอย่างเดียว ไม่พอ มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใดๆ ให้สังคมเลย นอกจากเยียวยาตัวเอง แต่ถามว่าจำเป็นไม๊...เราว่า โลกสวยก็ยังจำเป็นนะ แถมฟังก์ชั่น ลงมือกระทำด้วย เพื่อ สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้จริงๆ
- ในโลกที่ผู้คนเชื่อมต่อกันไปหมด ทั้ง AEC ทั้ง facebook ทำให้เราพบเจอ เหตุการณ์ สถาณการณ์ ความหลากหลายของผู้คน วัฒนธรรม การพยายามมองโลกแบบหลายแง่มุม มีความจำเป็นมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น นักท่องเที่ยวจีน มาเที่ยวเชียงใหม่ ถ้าเรามองหลายแง่มุม เราอาจจะสร้าง สถาณการณ์ที่เป็นปัญหาให้เป็นโอกาส สร้าง สถาณการณ์ที่ เป็น win-win มากกว่าเดิมก็ได้
ขอให้ทุกคนสนุกกับการเลี้ยงลูกนะคะ
มิวมิว 6 ขวบครึ่งแย้วววค่า...เอาข้างหลังมาให้ดู แก้คิดถึง (มีใครคิดถึงหรอ...ป่าวไม่มีใครบอก 55555)
10 วิธีทำลายชีวิตลูกด้วยมือท่านเอง ( โดยไม่รู้ตัว )
1.นำความฝันของตนเองมาตั้งเป้าหมายให้ลูก จนบางครั้งลืมมองความฝันของลูกว่าอยากเป็นอะไร ( แต่ถ้าเรากับลูกฝันเหมือนกันก็สนับสนุนกันไปให้เต็มเหนี่ยว)
2.เปรียบเทียบลูกตัวเองกับลูกชาวบ้านเสมอ ทั้งๆที่จริงๆแล้วเด็กทุกคนมีดีในตัวเองทุกคน
3.สร้างแรงกดดันในการเรียนและยัดเยียดห้องเรียนอัจฉริยะให้
4.ปกป้องลูกจากอุปสรรคและปัญหาทุกอย่างในชีวิต โดยลืมนึกว่าเราไม่ได้มีอายุถึง 200 ปี
5.ขโมยเวลาที่มีค่าในการเรียนรู้ชีวิตของลูก เพื่อไปเรียนกวดวิชาอย่างบ้าคลั่ง โดยเชื่อว่าจะสามารถสร้างอนาคตให้ลูกได้
6.มองสิ่งที่ลูกชอบหรือถนัดเป็นสิ่งไร้สาระ
ไม่มีคุณค่า
7.มีความเชื่อเสมอว่าการทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเข้าเรียนโรงเรียนดังๆได้ จะทำให้ลูกมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น( เด็กที่เรียนจบจากโรงเรียนวัดแต่มีทักษะการเรียนรู้และเป็นคนดีก็ประสบความ สำเร็จได้ครับ)
8.ตีกรอบความคิดเรื่องอาชีพว่า หมอ วิศวะ ตำรวจ ครู ทหารและอาชีพข้าราขการต่างๆ คืออาชีพที่ดีที่สุด มั่นคงที่สุดและประสบความสำเร็จที่สุดถ้าเป็นได้ จนลืมมองอาชีพในโลกว่ายังมีอาชีพอีกมากมายที่สามารถประสบความสำเร็จได้ ( เด็กไทยเองหลายๆคนพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่เรียนไม่จบด้วย ซ้ำ )
9.เข้าใจว่าเกรดหรือผลการเรียนคือใบเบิกทางสู่ความสำเร็จ ในการทำงาน แต่จริงๆแล้วความสำเร็จจริงๆวัดจากทักษะในการทำงานจริงๆต่างหาก
...ต่อให้ได้เกียรตินิยม ทำงานไปหกเดือนแล้วผลงานห่วย เข้ากับใครไม่ได้ เขาก็ไม่จ้างครับ
...มันมีอะไรที่มากกว่าแค่เกรดครับ ที่จะมาการันตีความสำเร็จ หรือแค่ใบปริญญา
10.เชื่อเสมอว่าสิ่งที่ลูกทำถูกต้องที่สุด ทุกคนที่มีปัญหากับลูกเลวหมด ให้ท้ายลูกเสมอ
11.(เพิ่มให้) สร้างค่านิยมว่าความสำเร็จในชีวิตวัดที่การยกระดับฐานะทางการเงิน โดยไม่สอนให้ลูก ยกระดับจิตใจคุณธรรม เสียสละและแบ่งปัน
ป.ล. อย่าเพิ่งเชื่อผมก็ได้ แต่ลองอ่านดูครับ
...ชีวิตเป็นของลูก ไม่ใช่ของเราครับ
ครูนพพร. อินสว่าง ( ไม่น่ายุ่งเลยเรา ลูกใครเขาก็ดูเองเนอะ )
http://www.momypedia.com/index.php?op=webboard-detail&cid=8&tid=1022052
------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ....ห่างหายไปจากชานเรือนนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
แวะเข้ามาอ่านบ้างนานๆ ที เพราะมีหลายสิ่งอย่างให้ทำเยอะแยะไปหมด
เจอบทความดีๆ แวะเอามาฝาก แวะชวนคุยกันค่ะ
หลายวันก่อน มีข่าวน่าสะเทือนใจ ลูกชาย ฆาตกรรมหมู่ พ่อ แม่ และน้องชาย (จากที่อ่านข่าวต้องบอกว่าเป็นความจงใจและมีสติรู้ตัวมากๆ เพราะพยายามทดลองยานอนหลับหลายขนานให้พ่อแม่กิน) และหลายวันก่อน เด็กประถม ฆ่าเด็กอนุบาล เอาศพไปซ่อน เหตุการณ์สังคมรอบตัว ดูรุนแรงขึ้นทุกวันๆ
หลายคนมองว่าเด็ก จิตใจเหี้ยมโหด เลว ในห้องนี้ มีคนเป็น พ่อ แม่ อยู่ อยากให้ลองมองกลับในอีกมุมนึงว่า การที่เด็กคนนึง จะลงมือทำอะไรแบบนี้ได้ น่าจะไม่ได้มีสาเหตุจากการแค่ โมโห ควบคุมสติไม่ได้ แล้วลงมือ (ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนั้น ก็อาจจะมาจากความบกพร่องบางอย่าง ของสมอง)
เด็กเล็กๆ อาจจะ มาจากความไม่รู้ เลียนแบบ ความประมาทของผู้ใหญ่ แล้วเด็กที่โตแล้ว สามารถรับรู้เหตุผล ถูก ผิด ดี ชั่ว ศีลธรรมล่ะ อะไรเป็นแรงขับเคลื่อน สิ่งสำคัญคือ การเลี้ยงดูจากพ่อแม่ และที่บ้าน มีอะไรที่ทำให้เด็กคนนึง คิด และลงมือกระทำแบบนั้น อะไรที่เราควรเรียนรู้ให้มากขึ้น และเผื่อแผ่คนรอบข้าง เพื่อเหตุการณ์แบบนี้ จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก
ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปี ที่เลี้ยงเด็กคนนึง มีหลายสิ่งอย่างที่ได้เรียนรู้มากมาย เกี่ยวกับมนุษย์ ทำให้เราเปลี่ยนความเชื่อหลายๆ อย่าง
- เราเชื่อว่า มนุษย์ เกิดมาไม่ได้เพื่อเป็นคนเลว ทุกคน อยาก จะเป็นคนดี แต่ด้วยเหตุและปัจจัยหลายสิ่ง ทำให้ เขาไม่สามารถเป็นได้
- สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมที่สุด ก็ได้
- โลกนี้ ไม่ได้มีความจริงสิ่งเดียว ที่เรายึดถือ การพยายามตัดสินผู้คน หรือเหตุการณ์ ใด เหตุการณ์หนึ่ง จากมุมมองความเชื่อจากโลกใบเล็กๆ ของเราคนเดียว ว่า มันเป็นจริงอย่างนั้น วิพากษ์วิจารณ์ เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังในการเลี้ยงลูก เพราะเขาจะซึมซับไปโดยไม่รู้ตัว
- การคิดว่า ความจริงที่เราเห็น อาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ทำให้เรา สอนลูกมองหลายแง่มุมมากขึ้น แค่ลองคิดว่า ในเหตุการณ์บางอย่างที่คนอื่นมองว่าไม่ดี มีอะไรดีๆ บ้าง ช่วยกันคิด ช่วยกันหา ก็ทำให้ความจริงที่เราเคยเชื่อ สั่นคลอนได้
- กฏหมาย และศีลธรรม เป็น "กติกา" ให้ผู้คนอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างปกติสุข ไม่เบียดเบียนสิทธิของกันและกัน...
แต่คนทำถูกกฏหมาย อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกเสมอไป คนทำผิดกฏหมายอาจจะไม่ใช่คนเลวเสมอไป คนทำผิดศีลธรรม อาจจะไม่ใช่คนเลวโดยกำเนิด
- การมองโลกในแง่ดีอย่างเดียว สำหรับเด็กยุคใหม่ อาจจะไม่พอ(ตามความเห็นของเรา) ผู้คนสมัยนี้ มองการมองโลกแง่ดีว่า "โลกสวย" โลกมัน "ควรจะ" เป็นบางสิ่ง บางอย่างในแบบที่เค้าคิดมากกว่า เพราะฉะนั้น การมองโลกในแง่ดีอย่างเดียว ไม่พอ มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใดๆ ให้สังคมเลย นอกจากเยียวยาตัวเอง แต่ถามว่าจำเป็นไม๊...เราว่า โลกสวยก็ยังจำเป็นนะ แถมฟังก์ชั่น ลงมือกระทำด้วย เพื่อ สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้จริงๆ
- ในโลกที่ผู้คนเชื่อมต่อกันไปหมด ทั้ง AEC ทั้ง facebook ทำให้เราพบเจอ เหตุการณ์ สถาณการณ์ ความหลากหลายของผู้คน วัฒนธรรม การพยายามมองโลกแบบหลายแง่มุม มีความจำเป็นมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น นักท่องเที่ยวจีน มาเที่ยวเชียงใหม่ ถ้าเรามองหลายแง่มุม เราอาจจะสร้าง สถาณการณ์ที่เป็นปัญหาให้เป็นโอกาส สร้าง สถาณการณ์ที่ เป็น win-win มากกว่าเดิมก็ได้
ขอให้ทุกคนสนุกกับการเลี้ยงลูกนะคะ
มิวมิว 6 ขวบครึ่งแย้วววค่า...เอาข้างหลังมาให้ดู แก้คิดถึง (มีใครคิดถึงหรอ...ป่าวไม่มีใครบอก 55555)