คัดจากหนังสือบันทึกคำ
พระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย
ตอบปัญหาธรรม แก่อุบาสกผู้สงสัย
(ภาคที่หนึ่ง)
๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๘ ณ วัดเขาสุกิม
.......
อุบาสกกราบเรียน ผู้ปฏิบัติไม่ต้องอาศัยครูอาจารย์ ทำไปโดยลำพัง จะเป็นไปเพื่อความสำเร็จได้ไหมครับ
หลวงปู่ตอบ บางคนอาจสำเร็จได้ แต่บางคนไม่มีทางสำเร็จได้
อุบาสกกราบเรียน เป็นเพราะเหตุใดครับ
หลวงปู่ตอบ ผู้ตรัสรู้ มีอยู่ด้วยกันสามจำพวก คือ หนึ่งสัพพัญญูพุทธ สองปัจเจกพุทธ สองจำพวกนี้ตรัสรู้เองโดยไม่ต้องมีใครบอก สาม สาวก พุทธ ตรัสรู้ ตามผู้อื่น เขาผู้นั้นจะอยู่พวกไหน ถ้าอยู่ในสองพวกข้างต้นก็ตรัสรู้เองได้ แต่ถ้าหากเป็นจำพวกที่สามก็ไม่มีทางที่จะตรัสรู้เองได้
อุบาสกกราบเรียน พวกสาวกพุทธต้องอาศัยคนอื่นแนะนำจึงจะสำเร็จได้อย่างนั้นหรือครับ
หลวง ปู่ตอบ ใช่อย่างนั้นจริง ยกรูปเปรียบคนที่มีนัยน์ตาอันดี แต่อยู่ในที่มืดไม่มีแสงสว่างช่วย ย่อมมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งทางควร
เดินหรือไม่ควรเดินก็ไม่รู้ จึงเป็นเหตุให้เดินทางผิด อันบัณฑิตไม่พึงปรารถนา จึงเรียกว่าผู้ทำชีวิตให้เป็นหมัน คนตาดีเสมือน
หนึ่งคนตาบอด นี่พูดถึงคนที่มีวาสนาพอที่จะรับธรรมะและปฏิบัติ แต่ขาดกัลยาณมิตรหรือบัณฑิตที่แนะนำประโยชน์ให้
อุบาสกกราบเรียน บางคนเขาพูดกันว่าคนที่มีวาสนาแล้วไม่ยากเลยใช่ไหมครับท่านอาจารย์
หลวงปู่ตอบ ไม่ใช่อย่างที่เขาพูด
อุบาสกกราบเรียน เป็นเพราะเหตุอะไรครับ
หลวงปู่ตอบ ดูตัวอย่างในครั้งพุทธกาลไม่ปรากฏว่าสาวก สาวิกาองค์ใดสำเร็จโดยลำพังตนเองแม้แต่องค์เดียว ต้องอาศัยคนอื่นแนะนำ ให้จึงสำเร็จได้
อุบาสก กราบเรียน ถ้าอย่างนั้นจะไม่แย่หรือครับท่านอาจารย์ กระผมเห็นครูบาอาจารย์สมัยนี้ส่วนมากเข้าใจไม่ถูก ผู้ปฏิบัติมีจำนวนมากทีเดียวที่อยากพิสูจน์ความจริงทางพระศาสนา กระผมคนหนึ่ง เพราะมานึกถึงพระพุทธเจ้าพระองค์เป็นลูกชายใหญ่ของกษัตริย์ ความสุขของพระองค์ครั้งสมัยเป็นฆราวาสจะต้องมีความสุขมากทีเดียว แต่เป็นความสุขแบบโลกๆ มานึกถึงความสุขที่พระองค์ได้มาจากการตรัสรู้ที่เรียกว่า “สุญญตวิโมกข์” จะ ต้องเป็นความสุขที่ประเสริฐแน่ ถ้าไม่ประเสริฐพระองค์จะต้องสึกออกมารับความสุขอย่างเดิมอีกแน่นอน กระผมจึงนึกสงสารพวกที่มีศรัทธาออกแสวงหาของจริงของแท้ อย่างพระพุทธเจ้าได้ อย่างพระพุทธเจ้าถึง และ มุ่งจะเดินตามยุคลบาทของพระพุทธเจ้า แต่แล้วมาพบครูบาอาจารย์ที่ไม่เคยเห็นของจริง ของแท้ และไม่รู้จักเส้นทางที่พระองค์ทรงดำเนิน จึงเป็นเหตุให้เขาเดินทางผิด ผลที่ได้รับก็ไม่เป็นสิ่งอันพึงปรารถนา ถูกไหมครับท่านอาจารย์
หลวงปู่ตอบ ถูกอย่างนั้น
อุบาสกกราบเรียน ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดีครับ
หลวงปู่ตอบ จะทำอย่างไรก็แล้วแต่คนที่แสวงหา ถ้าโง่ก็พลาด ฉลาดก็ดี จุด ประสงค์ของการภาวนาต้องการอะไรกันแน่ ผู้เป็นอาจารย์ที่เราจะไปอาศัยนั้นมีหลักวิชาพอที่จะมีสิ่งที่เราปรารถนาแจก เราไหม ตัวอย่างภายนอก คนที่ป่วยเป็นโรคฟันก็ควรไปหาทันตแพทย์ คนที่ต้องการเงินก็ต้องไปทำงานเพื่อเงิน ต้องไปทำงานให้คนที่มีเงินจึงจะได้เงินเป็นสิ่งตอบแทน ฉันใดก็ดี ผู้มุ่งบำเพ็ญสมณธรรมเพื่อต้องการของจริงของแท้ ต้องแสวงหาผู้รู้ ผู้เห็นของ จริงของแท้ จึงจะสมประสงค์ตามเจตนาของเรา เราภาวนาเพื่อชำระจิตของเราให้พ้นไปจากความวุ่น ผู้ที่เราจะถือเป็นครูเป็นอาจารย์ของเราหมดวุ่นแล้วหรือยัง เราต้องสังเกตดู
อุบาสก กราบเรียน ในสมัยนี้หาได้ยากทีเดียวครับท่านอาจารย์ กระผมหาไม่เป็น กระผมจะดูตำราแล้วปฏิบัติตามเลยจะดีไหมครับท่านอาจารย์
หลวง ปู่ตอบ ดี ถ้าเราเข้าใจเลือก สมัยนี้คนเขียนธรรมะมากเหลือเกิน ตีความหมายในข้อธรรมะตามทัศนะของตนเอง ตนเองก็ไม่รู้ไม่เห็นของจริงทำไมรู้ว่าถูก ยิ่งผู้เขียนๆ ตามทัศนะของตนเองเพื่อขายเอาสตางค์ ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเขาไม่ได้มองถึงความเสียหาย และฆราวาสก็ปฏิบัติตาม ถึงแม้ตัวหนังสือที่เขาเขียนว่าประกาศพระศาสนาก็ตาม เมื่อมองดูตามพฤติการณ์แล้วเป็นการทำลายพระศาสนา เพราะการกระทำอาศัยกิเลสนำพาหัวใจให้กระทำ เมื่อหากจิตใจของผู้กระทำอยู่ใต้อำนาจของกิเลสแล้ว ก็ไม่น่าจะตั้งตนเป็นอาจารย์ผู้ประกาศพระศาสนา เพราะการกระทำอยู่ใต้อำนาจของกิเลส
ผู้ประกาศพระศาสนาควรเป็นปัญญาจารย์ อย่าได้เป็นเพียงสัญญาจารย์ และขอให้คิดดูอีกทีว่าผู้ที่อาศัยกิเลสนำพาหัวใจก็เรียกว่า “ผู้วุ่น” จะ ประกาศความว่างให้แก่ผู้อื่นได้อย่างไร ขอให้คุณสังเกตดูศาสนพิธีใหม่ ๆ ที่คนมีกิเลสจัดขึ้นมาทำลายศาสนพิธีจนเกือบไม่เหลือปรากฏไว้เป็นอนุสรณ์เลย
อุบาสกกราบเรียน ความจริงแล้วครูบาอาจารย์ควรทำอย่างไรจึงจะถูกครับ
หลวง ปู่ตอบ ความจริงแล้ว ครูบาอาจารย์ควรลงมือปฏิบัติเสียก่อน จนกว่าจะเห็นผลแล้วจึงสอนคนอื่น ถ้าไม่อย่างนั้นก็สอนคนอื่นไม่ถูก ถ้าต้องการนำหลักวิชาของพระพุทธเจ้าที่ไม่แฝงหลักวิชามาจากศาสนาอื่น เฉพาะปฏิปทาที่จะดำเนินเข้าไปสู่ความพ้นทุกข์จริงๆ มาวางให้ลูกศิษย์ แต่ครูบาอาจารย์ผู้สอนเข้าใจไม่จริง ตนเองได้เป็นครูบาอาจารย์ก็เนื่องจากผู้อื่นสมมุติให้ พอได้รับสมมุติแล้วก็ตั้งตนเป็นอาจารย์ประกาศพระศาสนาต่อไป แต่ไม่ได้พูดทั่วไป พูดเฉพาะบุคคลผู้ไม่รู้จริงๆ แล้วแต่งตั้งตนเป็นผู้ประกาศพระศาสนา เข้า ในทำนองที่ว่าคนเป็นขี้กลากรักษายังไม่หายหรือยังไม่ได้รักษาเลยแล้วไปตั้ง ตนของเขาเป็นหมอ เที่ยวประกาศขายยาแก้ขี้กลากฉันนั้น
ผู้เป็นครูบาอาจารย์เช่นเดียวกัน ความจริงทางที่ถูกแล้ว ผู้ที่จะเป็นครูอาจารย์ควรจะต้องปฏิบัติชำระกิเลสให้เบาบางหรือหมดก่อน หรือให้รู้จักคุณค่าพระธรรม ให้ได้รับรสชาติของพระธรรมนั้นมีรสชาติแค่ไหน จึงสมควรเป็นครูบาอาจารย์ ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่าการดำเนินตามพระธรรมนี้จะเป็นไปเพื่อ ผลประโยชน์ และโทษที่ควรหลีกนั้นมีอย่างไรบ้าง เพราะการปฏิบัติไม่มีแต่คุณอย่างเดียว โทษก็มี ถ้าปฏิบัติผิดคือเดินทางผิดก็เป็นโทษ ถ้าปฏิบัติถูกหรือเดินทางถูกก็มีคุณ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่จะเป็นครูบาอาจารย์ควรปฏิบัติเสียก่อน จนรู้ถูกรู้ผิด ชำนาญทางพอแล้วจึงนำพาคนอื่นให้เดินตาม หรือแนะนำทางให้คนอื่นได้ ถ้า ไม่อย่างนั้น ผู้ไม่เข้าใจมาแนะนำทำให้ผู้ตามเดินทางผิด จะขาดทุนและเสียเวลาเปล่าๆ หรืออาจเป็นอันตรายก็ได้ แต่แล้วผู้เป็นอาจารย์ผู้ไม่ได้ปฏิบัติหรือปฏิบัติอยู่แต่ดำเนินไม่ถูก เพราะเดินทางผิด จึงเป็นเหตุให้กิเลสยังนุงนังอยู่ กิเลสนำพาให้อยากเป็นครูบาอาจารย์ เพราะที่เรารู้กันการเป็นครูบาอาจารย์สอนกัมมัฏฐานมีคนเลื่อมใสมาก ลาภสักการะมาก กิเลสมันนำพาให้ต้องการแล้วก็เลียนแบบเขา ว่าเขาทำอย่างไร เขาสอนอย่างไร ทำตามเขา สอนตามเขา เอาอย่างเขา แต่จุดเจตนาไม่เหมือนเขา เหมือนเขาแต่อาการ
ผล เสียจะเป็นอย่างไรไม่คำนึง ขอให้ตนเองได้รับความสุขเพราะอามิส หรือเป็นอาจารย์หรือมีชื่อว่าอาจารย์ ตามโลกนิยมก็พอใจ อย่างนี้แย่มาก เพราะเมื่อใครได้ครูบาอาจารย์อย่างนี้นำพาแล้ว จะเสียแรงและเสียประโยชน์เปล่าๆ หรือจะมีโทษอีกด้วย และอาจย่ำยีพระศาสนาให้ย่อยยับก็ได้ บางทีตนเองได้รับคำแนะนำจากคนอื่นที่เข้าใจไม่จริง แนะนำให้จำได้แล้วยังนำไปสอนคนอื่นอีก ยังแถมอ้างว่าเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าเสียอีก บางทีอาจว่าไม่ถูกธรรมะของพระพุทธเจ้า จะว่าอย่างไรลองคิดดูดี ๆ ก่อนที่เราจะเชื่อ ควรเชื่อด้วยเหตุผล อย่างมงาย และต้องปฏิบัติดูก่อน อย่าด่วนสอนคนอื่น จึงจะไม่เข้าทำนองที่ว่านกสาลิกาพูดภาษามนุษย์ และไม่เป็นการดูถูกพระพุทธเจ้า
ทำไมว่าดูถูกพระพุทธเจ้า ก็เราอ้างธรรมะของพระพุทธเจ้า บางทีไม่ถูกตามธรรมะของพระพุทธเจ้าเล่าจะว่าอย่างไร และอย่างหนึ่ง คุณธรรมบางอย่างที่พระพุทธเจ้าได้วางไว้เป็นหลักฐานว่าอันนี้ได้แก่อันนี้ เมื่อเราเข้าใจยังไม่ถึงว่าผิดจุดประสงค์จะว่าอย่างไร จะ ไม่เป็นการกล่าวตู่พุทธวจนะหรอกหรือ และจะเป็นการนำพาคนอื่นที่มีวาสนาพอที่จะรับธรรมะและปฏิบัติต่อธรรมะได้ให้ เสียประโยชน์ ไม่สมหวัง ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าใน คราวพระองค์เสด็จแสวงหาการตรัสรู้อยู่ พระองค์ได้รับการศึกษาจากอาจารย์ที่ไม่เข้าใจทางสำเร็จมรรคผล สอนให้พระองค์ดำเนินตามหลักวิชานั้น ก็ไม่เป็นไปเพื่อความสำเร็จได้
ตัวอย่าง คนที่จะเดินไปสู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่ไม่รู้ทาง คนเขาแนะนำทางให้ แต่ทางไม่ได้ไปสู่บ้านนั้น คนที่เดินทางนั้นจะมีกำลังดีสักเท่าไรก็ไม่สามารถไปให้ถึงบ้านหลังนั้นได้ ยิ่งไปก็ยิ่งไกล ต่อเมื่อไปพบคนที่รู้จักทางแนะนำทางถูกให้จึงจะไปถูกหรือถึงบ้านนั้นได้ ตัวอย่าง พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะในคราวแสวงหาโมกขธรรม ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ที่ไม่เข้าใจทางมรรคผล แนะนำให้ก็ไม่เห็นสำเร็จมรรคผลได้เลย ต่อเมื่อไปพบพระอัสสชิเถรเจ้า พระสารีบุตรได้ฟังธรรมจากท่านแล้วจึงสำเร็จเป็นพระโสดาบัน พอกลับสู่สำนักได้นำธรรมะไปแสดงให้โมคคัลลานะฟัง โมคคัลลานะได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ทั้ง สองเข้าไปสู่สำนักของพระบรมศาสดา พระองค์ได้ทรงสอนธรรมะเพิ่มเติมให้ตามอัธยาศัย จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ตัวอย่างมีอยู่อย่างนี้ เราผู้แสวงหาครูบาอาจารย์ควรระวังอย่าให้พบหมอขี้โรคและอาจารย์กิเลสนำพา
ถ้าเราไม่เข้าใจหรือไม่ระวังจะขาดทุน ปรารถนามรรคผลจะได้นรก หวังเทิดทูนพระศาสนาจะกลายเป็นย่ำยี พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ในมงคลสูตรว่า “อย่าเสพคนพาล ให้เสพบัณฑิต” โบราณกล่าวไว้ว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล นี้เป็นความจริง และความจริงของการปฏิบัติธรรมมุ่งความสงบ เพราะ สงบเป็นเหตุแห่งความสุข หรือจะพูดได้ว่า ผู้ปฏิบัติธรรมต้องการความสุข ผู้ที่ยังไม่ได้ปฏิบัติ หรือปฏิบัติแล้วแต่ยังไม่ถึงความสงบก็ยังไม่พ้นจากความวุ่น เหตุของความวุ่นมาจากไหน ตอบได้ว่ามาจากกิเลส
พราะเหตุนั้นความวุ่นเกิดมาจากกิเลสก่อกวน ผู้ปฏิบัติที่ต้องการความสงบไม่ควรทำอย่างอื่น เพราะจุดประสงค์ของเราต้องการความสงบ สิ่ง ที่ทำให้สงบไม่ได้เนื่องมาจากกิเลสก่อกวน เมื่อเป็นอย่างนี้ควรชำระกิเลสโดยตรง เพราะกิเลสเป็นตัวก่อกวน กิเลสอยู่ที่ไหนตอบได้ว่าอยู่ที่จิต
........
ผู้ตอบปัญหา คือ หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย
ผู้กราบเรียนถามปัญหา คือ คุณครูสมบูรณ์ อินทรเสนา
จขกท. เผยแพร่เป็นธรรมทาน
ธรรมะหายากกว่าวัตถุ.....คุณสมบัติผู้นำปฏิบัติธรรมเป็น "ปัญญาจารย์" หรือ "สัญญาจารย์"
พระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย
ตอบปัญหาธรรม แก่อุบาสกผู้สงสัย
(ภาคที่หนึ่ง)
๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๘ ณ วัดเขาสุกิม
.......
อุบาสกกราบเรียน ผู้ปฏิบัติไม่ต้องอาศัยครูอาจารย์ ทำไปโดยลำพัง จะเป็นไปเพื่อความสำเร็จได้ไหมครับ
หลวงปู่ตอบ บางคนอาจสำเร็จได้ แต่บางคนไม่มีทางสำเร็จได้
อุบาสกกราบเรียน เป็นเพราะเหตุใดครับ
หลวงปู่ตอบ ผู้ตรัสรู้ มีอยู่ด้วยกันสามจำพวก คือ หนึ่งสัพพัญญูพุทธ สองปัจเจกพุทธ สองจำพวกนี้ตรัสรู้เองโดยไม่ต้องมีใครบอก สาม สาวก พุทธ ตรัสรู้ ตามผู้อื่น เขาผู้นั้นจะอยู่พวกไหน ถ้าอยู่ในสองพวกข้างต้นก็ตรัสรู้เองได้ แต่ถ้าหากเป็นจำพวกที่สามก็ไม่มีทางที่จะตรัสรู้เองได้
อุบาสกกราบเรียน พวกสาวกพุทธต้องอาศัยคนอื่นแนะนำจึงจะสำเร็จได้อย่างนั้นหรือครับ
หลวง ปู่ตอบ ใช่อย่างนั้นจริง ยกรูปเปรียบคนที่มีนัยน์ตาอันดี แต่อยู่ในที่มืดไม่มีแสงสว่างช่วย ย่อมมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งทางควร
เดินหรือไม่ควรเดินก็ไม่รู้ จึงเป็นเหตุให้เดินทางผิด อันบัณฑิตไม่พึงปรารถนา จึงเรียกว่าผู้ทำชีวิตให้เป็นหมัน คนตาดีเสมือน
หนึ่งคนตาบอด นี่พูดถึงคนที่มีวาสนาพอที่จะรับธรรมะและปฏิบัติ แต่ขาดกัลยาณมิตรหรือบัณฑิตที่แนะนำประโยชน์ให้
อุบาสกกราบเรียน บางคนเขาพูดกันว่าคนที่มีวาสนาแล้วไม่ยากเลยใช่ไหมครับท่านอาจารย์
หลวงปู่ตอบ ไม่ใช่อย่างที่เขาพูด
อุบาสกกราบเรียน เป็นเพราะเหตุอะไรครับ
หลวงปู่ตอบ ดูตัวอย่างในครั้งพุทธกาลไม่ปรากฏว่าสาวก สาวิกาองค์ใดสำเร็จโดยลำพังตนเองแม้แต่องค์เดียว ต้องอาศัยคนอื่นแนะนำ ให้จึงสำเร็จได้
อุบาสก กราบเรียน ถ้าอย่างนั้นจะไม่แย่หรือครับท่านอาจารย์ กระผมเห็นครูบาอาจารย์สมัยนี้ส่วนมากเข้าใจไม่ถูก ผู้ปฏิบัติมีจำนวนมากทีเดียวที่อยากพิสูจน์ความจริงทางพระศาสนา กระผมคนหนึ่ง เพราะมานึกถึงพระพุทธเจ้าพระองค์เป็นลูกชายใหญ่ของกษัตริย์ ความสุขของพระองค์ครั้งสมัยเป็นฆราวาสจะต้องมีความสุขมากทีเดียว แต่เป็นความสุขแบบโลกๆ มานึกถึงความสุขที่พระองค์ได้มาจากการตรัสรู้ที่เรียกว่า “สุญญตวิโมกข์” จะ ต้องเป็นความสุขที่ประเสริฐแน่ ถ้าไม่ประเสริฐพระองค์จะต้องสึกออกมารับความสุขอย่างเดิมอีกแน่นอน กระผมจึงนึกสงสารพวกที่มีศรัทธาออกแสวงหาของจริงของแท้ อย่างพระพุทธเจ้าได้ อย่างพระพุทธเจ้าถึง และ มุ่งจะเดินตามยุคลบาทของพระพุทธเจ้า แต่แล้วมาพบครูบาอาจารย์ที่ไม่เคยเห็นของจริง ของแท้ และไม่รู้จักเส้นทางที่พระองค์ทรงดำเนิน จึงเป็นเหตุให้เขาเดินทางผิด ผลที่ได้รับก็ไม่เป็นสิ่งอันพึงปรารถนา ถูกไหมครับท่านอาจารย์
หลวงปู่ตอบ ถูกอย่างนั้น
อุบาสกกราบเรียน ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดีครับ
หลวงปู่ตอบ จะทำอย่างไรก็แล้วแต่คนที่แสวงหา ถ้าโง่ก็พลาด ฉลาดก็ดี จุด ประสงค์ของการภาวนาต้องการอะไรกันแน่ ผู้เป็นอาจารย์ที่เราจะไปอาศัยนั้นมีหลักวิชาพอที่จะมีสิ่งที่เราปรารถนาแจก เราไหม ตัวอย่างภายนอก คนที่ป่วยเป็นโรคฟันก็ควรไปหาทันตแพทย์ คนที่ต้องการเงินก็ต้องไปทำงานเพื่อเงิน ต้องไปทำงานให้คนที่มีเงินจึงจะได้เงินเป็นสิ่งตอบแทน ฉันใดก็ดี ผู้มุ่งบำเพ็ญสมณธรรมเพื่อต้องการของจริงของแท้ ต้องแสวงหาผู้รู้ ผู้เห็นของ จริงของแท้ จึงจะสมประสงค์ตามเจตนาของเรา เราภาวนาเพื่อชำระจิตของเราให้พ้นไปจากความวุ่น ผู้ที่เราจะถือเป็นครูเป็นอาจารย์ของเราหมดวุ่นแล้วหรือยัง เราต้องสังเกตดู
อุบาสก กราบเรียน ในสมัยนี้หาได้ยากทีเดียวครับท่านอาจารย์ กระผมหาไม่เป็น กระผมจะดูตำราแล้วปฏิบัติตามเลยจะดีไหมครับท่านอาจารย์
หลวง ปู่ตอบ ดี ถ้าเราเข้าใจเลือก สมัยนี้คนเขียนธรรมะมากเหลือเกิน ตีความหมายในข้อธรรมะตามทัศนะของตนเอง ตนเองก็ไม่รู้ไม่เห็นของจริงทำไมรู้ว่าถูก ยิ่งผู้เขียนๆ ตามทัศนะของตนเองเพื่อขายเอาสตางค์ ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเขาไม่ได้มองถึงความเสียหาย และฆราวาสก็ปฏิบัติตาม ถึงแม้ตัวหนังสือที่เขาเขียนว่าประกาศพระศาสนาก็ตาม เมื่อมองดูตามพฤติการณ์แล้วเป็นการทำลายพระศาสนา เพราะการกระทำอาศัยกิเลสนำพาหัวใจให้กระทำ เมื่อหากจิตใจของผู้กระทำอยู่ใต้อำนาจของกิเลสแล้ว ก็ไม่น่าจะตั้งตนเป็นอาจารย์ผู้ประกาศพระศาสนา เพราะการกระทำอยู่ใต้อำนาจของกิเลส ผู้ประกาศพระศาสนาควรเป็นปัญญาจารย์ อย่าได้เป็นเพียงสัญญาจารย์ และขอให้คิดดูอีกทีว่าผู้ที่อาศัยกิเลสนำพาหัวใจก็เรียกว่า “ผู้วุ่น” จะ ประกาศความว่างให้แก่ผู้อื่นได้อย่างไร ขอให้คุณสังเกตดูศาสนพิธีใหม่ ๆ ที่คนมีกิเลสจัดขึ้นมาทำลายศาสนพิธีจนเกือบไม่เหลือปรากฏไว้เป็นอนุสรณ์เลย
อุบาสกกราบเรียน ความจริงแล้วครูบาอาจารย์ควรทำอย่างไรจึงจะถูกครับ
หลวง ปู่ตอบ ความจริงแล้ว ครูบาอาจารย์ควรลงมือปฏิบัติเสียก่อน จนกว่าจะเห็นผลแล้วจึงสอนคนอื่น ถ้าไม่อย่างนั้นก็สอนคนอื่นไม่ถูก ถ้าต้องการนำหลักวิชาของพระพุทธเจ้าที่ไม่แฝงหลักวิชามาจากศาสนาอื่น เฉพาะปฏิปทาที่จะดำเนินเข้าไปสู่ความพ้นทุกข์จริงๆ มาวางให้ลูกศิษย์ แต่ครูบาอาจารย์ผู้สอนเข้าใจไม่จริง ตนเองได้เป็นครูบาอาจารย์ก็เนื่องจากผู้อื่นสมมุติให้ พอได้รับสมมุติแล้วก็ตั้งตนเป็นอาจารย์ประกาศพระศาสนาต่อไป แต่ไม่ได้พูดทั่วไป พูดเฉพาะบุคคลผู้ไม่รู้จริงๆ แล้วแต่งตั้งตนเป็นผู้ประกาศพระศาสนา เข้า ในทำนองที่ว่าคนเป็นขี้กลากรักษายังไม่หายหรือยังไม่ได้รักษาเลยแล้วไปตั้ง ตนของเขาเป็นหมอ เที่ยวประกาศขายยาแก้ขี้กลากฉันนั้น
ผู้เป็นครูบาอาจารย์เช่นเดียวกัน ความจริงทางที่ถูกแล้ว ผู้ที่จะเป็นครูอาจารย์ควรจะต้องปฏิบัติชำระกิเลสให้เบาบางหรือหมดก่อน หรือให้รู้จักคุณค่าพระธรรม ให้ได้รับรสชาติของพระธรรมนั้นมีรสชาติแค่ไหน จึงสมควรเป็นครูบาอาจารย์ ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่าการดำเนินตามพระธรรมนี้จะเป็นไปเพื่อ ผลประโยชน์ และโทษที่ควรหลีกนั้นมีอย่างไรบ้าง เพราะการปฏิบัติไม่มีแต่คุณอย่างเดียว โทษก็มี ถ้าปฏิบัติผิดคือเดินทางผิดก็เป็นโทษ ถ้าปฏิบัติถูกหรือเดินทางถูกก็มีคุณ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่จะเป็นครูบาอาจารย์ควรปฏิบัติเสียก่อน จนรู้ถูกรู้ผิด ชำนาญทางพอแล้วจึงนำพาคนอื่นให้เดินตาม หรือแนะนำทางให้คนอื่นได้ ถ้า ไม่อย่างนั้น ผู้ไม่เข้าใจมาแนะนำทำให้ผู้ตามเดินทางผิด จะขาดทุนและเสียเวลาเปล่าๆ หรืออาจเป็นอันตรายก็ได้ แต่แล้วผู้เป็นอาจารย์ผู้ไม่ได้ปฏิบัติหรือปฏิบัติอยู่แต่ดำเนินไม่ถูก เพราะเดินทางผิด จึงเป็นเหตุให้กิเลสยังนุงนังอยู่ กิเลสนำพาให้อยากเป็นครูบาอาจารย์ เพราะที่เรารู้กันการเป็นครูบาอาจารย์สอนกัมมัฏฐานมีคนเลื่อมใสมาก ลาภสักการะมาก กิเลสมันนำพาให้ต้องการแล้วก็เลียนแบบเขา ว่าเขาทำอย่างไร เขาสอนอย่างไร ทำตามเขา สอนตามเขา เอาอย่างเขา แต่จุดเจตนาไม่เหมือนเขา เหมือนเขาแต่อาการ
ผล เสียจะเป็นอย่างไรไม่คำนึง ขอให้ตนเองได้รับความสุขเพราะอามิส หรือเป็นอาจารย์หรือมีชื่อว่าอาจารย์ ตามโลกนิยมก็พอใจ อย่างนี้แย่มาก เพราะเมื่อใครได้ครูบาอาจารย์อย่างนี้นำพาแล้ว จะเสียแรงและเสียประโยชน์เปล่าๆ หรือจะมีโทษอีกด้วย และอาจย่ำยีพระศาสนาให้ย่อยยับก็ได้ บางทีตนเองได้รับคำแนะนำจากคนอื่นที่เข้าใจไม่จริง แนะนำให้จำได้แล้วยังนำไปสอนคนอื่นอีก ยังแถมอ้างว่าเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าเสียอีก บางทีอาจว่าไม่ถูกธรรมะของพระพุทธเจ้า จะว่าอย่างไรลองคิดดูดี ๆ ก่อนที่เราจะเชื่อ ควรเชื่อด้วยเหตุผล อย่างมงาย และต้องปฏิบัติดูก่อน อย่าด่วนสอนคนอื่น จึงจะไม่เข้าทำนองที่ว่านกสาลิกาพูดภาษามนุษย์ และไม่เป็นการดูถูกพระพุทธเจ้า
ทำไมว่าดูถูกพระพุทธเจ้า ก็เราอ้างธรรมะของพระพุทธเจ้า บางทีไม่ถูกตามธรรมะของพระพุทธเจ้าเล่าจะว่าอย่างไร และอย่างหนึ่ง คุณธรรมบางอย่างที่พระพุทธเจ้าได้วางไว้เป็นหลักฐานว่าอันนี้ได้แก่อันนี้ เมื่อเราเข้าใจยังไม่ถึงว่าผิดจุดประสงค์จะว่าอย่างไร จะ ไม่เป็นการกล่าวตู่พุทธวจนะหรอกหรือ และจะเป็นการนำพาคนอื่นที่มีวาสนาพอที่จะรับธรรมะและปฏิบัติต่อธรรมะได้ให้ เสียประโยชน์ ไม่สมหวัง ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าใน คราวพระองค์เสด็จแสวงหาการตรัสรู้อยู่ พระองค์ได้รับการศึกษาจากอาจารย์ที่ไม่เข้าใจทางสำเร็จมรรคผล สอนให้พระองค์ดำเนินตามหลักวิชานั้น ก็ไม่เป็นไปเพื่อความสำเร็จได้
ตัวอย่าง คนที่จะเดินไปสู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่ไม่รู้ทาง คนเขาแนะนำทางให้ แต่ทางไม่ได้ไปสู่บ้านนั้น คนที่เดินทางนั้นจะมีกำลังดีสักเท่าไรก็ไม่สามารถไปให้ถึงบ้านหลังนั้นได้ ยิ่งไปก็ยิ่งไกล ต่อเมื่อไปพบคนที่รู้จักทางแนะนำทางถูกให้จึงจะไปถูกหรือถึงบ้านนั้นได้ ตัวอย่าง พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะในคราวแสวงหาโมกขธรรม ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ที่ไม่เข้าใจทางมรรคผล แนะนำให้ก็ไม่เห็นสำเร็จมรรคผลได้เลย ต่อเมื่อไปพบพระอัสสชิเถรเจ้า พระสารีบุตรได้ฟังธรรมจากท่านแล้วจึงสำเร็จเป็นพระโสดาบัน พอกลับสู่สำนักได้นำธรรมะไปแสดงให้โมคคัลลานะฟัง โมคคัลลานะได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ทั้ง สองเข้าไปสู่สำนักของพระบรมศาสดา พระองค์ได้ทรงสอนธรรมะเพิ่มเติมให้ตามอัธยาศัย จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ตัวอย่างมีอยู่อย่างนี้ เราผู้แสวงหาครูบาอาจารย์ควรระวังอย่าให้พบหมอขี้โรคและอาจารย์กิเลสนำพา
ถ้าเราไม่เข้าใจหรือไม่ระวังจะขาดทุน ปรารถนามรรคผลจะได้นรก หวังเทิดทูนพระศาสนาจะกลายเป็นย่ำยี พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ในมงคลสูตรว่า “อย่าเสพคนพาล ให้เสพบัณฑิต” โบราณกล่าวไว้ว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล นี้เป็นความจริง และความจริงของการปฏิบัติธรรมมุ่งความสงบ เพราะ สงบเป็นเหตุแห่งความสุข หรือจะพูดได้ว่า ผู้ปฏิบัติธรรมต้องการความสุข ผู้ที่ยังไม่ได้ปฏิบัติ หรือปฏิบัติแล้วแต่ยังไม่ถึงความสงบก็ยังไม่พ้นจากความวุ่น เหตุของความวุ่นมาจากไหน ตอบได้ว่ามาจากกิเลส
พราะเหตุนั้นความวุ่นเกิดมาจากกิเลสก่อกวน ผู้ปฏิบัติที่ต้องการความสงบไม่ควรทำอย่างอื่น เพราะจุดประสงค์ของเราต้องการความสงบ สิ่ง ที่ทำให้สงบไม่ได้เนื่องมาจากกิเลสก่อกวน เมื่อเป็นอย่างนี้ควรชำระกิเลสโดยตรง เพราะกิเลสเป็นตัวก่อกวน กิเลสอยู่ที่ไหนตอบได้ว่าอยู่ที่จิต
........
ผู้ตอบปัญหา คือ หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย
ผู้กราบเรียนถามปัญหา คือ คุณครูสมบูรณ์ อินทรเสนา
จขกท. เผยแพร่เป็นธรรมทาน