ได้ยินคนพูดเสมอมาว่า ไม่ว่าศาสนาไหนก็สอนให้คนเป็นคนดีทั้งนั้น
แต่ผมก็เห็น คนทำสงครามเพราะศาสนา ฆ่าคนเพราะศาสนา และทำเรื่องที่ผมเห็นว่า มันไม่ใช่ความดี ด้วยการอ้างศาสนา
และด้วยความรู้แบบผิวเผินก็สรุปแนวคิดหนึ่งขึ้นมาว่า จุดร่วมของศาสนาอาจไม่ใช่สอนให้คนเป็นคนดี
แต่เป็น การปิดจุดบอดทางความคิดของคน โดยผู้ที่ฉลาดที่สุด หรือผู้ที่มีลักษณะพิเศษในทางความคิด ในยุค และสถานที่ๆเกิดศาสนานั้นๆ
เพราะคนเป็นสัตว์ที่มีความคิด จินตนาการ ในความคิดของคนธรรมดา ที่มองโลกแก้ปัญหาปากท้องสนองความต้องการตัวเองไปวันๆ พอถึงจุดหนึ่งที่เริ่มคิดถึงว่า ตัวเองเกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน จะเกิดเป็นความเครียดเพราะไม่รู้ พอครุ่นคิดมากขึ้นบางคนอาจกลายเป็นบ้า จนคนทั่วไปไม่กล้าที่จะคิดถึงเรื่องแบบนี้
การปกครองในโบราณจึงต้องอาศัยการปิดจุดบอดตรงนี้มาทำให้ผู้คนเชื่อฟัง และคลายความเครียดทำให้คนเลิกครุ่นคิด หันมาเชื่อฟังผู้ปกครองแทน และปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งคิดแทน โดยเลือกความคิดที่มีประโยชน์กับการปกครองและสมเหตุสมผลที่สุดมาเผยแพร่
ดั้งนั้นเกือบทุกศาสนาในโลกที่คงอยู่ได้อย่างมั่นคง เพราะ มีแนวความคิดที่ ทำให้คนอยู่ร่วมกันได้โดยสร้างปัญหาน้อยที่สุดในการปกครอง โดยพื้นฐานอยู่ที่การปิดจุดบอดทางความคิดคนว่า เราเกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน ทำให้คนเลิกฟุ้งซ่าน แล้วหันมาทำประโยชน์กับสังคมที่ตัวเองอาศัยอยู่
ดังนั้น เนื้อหาของศาสนาที่แท้จริงของทุกศาสนาคือการตอบคำถามว่า เกิดมาได้ยังไง ตายแล้วไปไหน แค่นั้น ไม่ใช่ เรื่องการทำดี
ส่วนการปฏิบัติตัวอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อว่าทำแล้วได้อะไรทั้งก่อนตายหลังตาย ซึ่งอาจจะเป็นความดี หรือไม่ดี ก็ได้
ที่เห็นว่าศาสนาดีก็เพราะ การปฏิบัติตามความเชื่อนั้น ยังสามารถทำให้การอยู่ร่วมกันของสังคมมนุษย์ราบรื่น
ผมเห็นการถกเถียงถึงเนื้อหาเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดซึ่งเป็นการปิดจุดบอดในแบบพุทธในเรื่องตายแล้วไปไหน ว่ามีจริงหรือไม่ และผมคิดว่า เป็นการแตกแยกที่ทำให้คนธรรมดาอย่างผม สับสน และเริ่มเครียด เริ่มฟุ้งซ่าน
ผมตั้งข้อสังเกตุว่า ทำไมจะต้องชักจูงให้คนอื่นเชื่อเหมือนเรา ตราบใดที่ความเชื่อของเขายังเป็นกรอบให้เขาทำความดีตามบรรทัดฐานสังคมได้อยู่
เว้นแต่ว่า เรามีความเชื่อว่าชักจูงคนมาเชื่อได้มากๆ ตายไปจะได้ดี ซึ่งผมเห็นว่า เนื้อหาของพุทธไม่ได้เห็นเป็นสาระสำคัญ
ผมเป็นพุทธ สายที่เชื่อการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง นรกสวรรค์มีจริง แต่ผมก็เชื่อว่า อริยมรรค และศีล เท่านั้นที่ทำให้ตัวเองแข็งแรงพอจะหนีมันได้
แต่ผมก็ชื่นชมคนที่เชื่อแบบอื่น แต่เขามีการปฏิบัติดี จิตใจดี ทำตัวมีประโยชน์กับสังคมพอกันหรือมากกว่าผมด้วย
ผมว่าเป็นการให้เกียรติกัน เคารพกันในเรื่องความเชื่อ ที่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีในการอยู่ร่วมกันในโลกที่ความคิดหลากหลาย
ถ้าการกระทำตามความเชื่อเป็นเรื่องไม่ดี หรือสร้างปัญหา เราน่าจะโจมตีเฉพาะการกระทำนั้นว่าไม่ดี ดีกว่ามั้ยครับ ประมาณว่า เชื่อได้ แต่อย่าทำอย่างนี้อีกนะ คนอื่นเขาเดือดร้อน
ความเชื่อที่ทำให้คนยอมทำความเดือดร้อนให้คนอื่นได้ นั่นถึงจะเป็นความเชื่อที่ควรถูกโจมตีอย่างแท้จริง
ถ้าไม่ใช่ความเชื่อแบบนั้นเถียงกันไปก็เป็นปัญหาโลกแตกนะครับผมว่า
ผมคิดเกี่ยวกับศาสนา(พุทธ)อย่างนี้นะครับ
แต่ผมก็เห็น คนทำสงครามเพราะศาสนา ฆ่าคนเพราะศาสนา และทำเรื่องที่ผมเห็นว่า มันไม่ใช่ความดี ด้วยการอ้างศาสนา
และด้วยความรู้แบบผิวเผินก็สรุปแนวคิดหนึ่งขึ้นมาว่า จุดร่วมของศาสนาอาจไม่ใช่สอนให้คนเป็นคนดี
แต่เป็น การปิดจุดบอดทางความคิดของคน โดยผู้ที่ฉลาดที่สุด หรือผู้ที่มีลักษณะพิเศษในทางความคิด ในยุค และสถานที่ๆเกิดศาสนานั้นๆ
เพราะคนเป็นสัตว์ที่มีความคิด จินตนาการ ในความคิดของคนธรรมดา ที่มองโลกแก้ปัญหาปากท้องสนองความต้องการตัวเองไปวันๆ พอถึงจุดหนึ่งที่เริ่มคิดถึงว่า ตัวเองเกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน จะเกิดเป็นความเครียดเพราะไม่รู้ พอครุ่นคิดมากขึ้นบางคนอาจกลายเป็นบ้า จนคนทั่วไปไม่กล้าที่จะคิดถึงเรื่องแบบนี้
การปกครองในโบราณจึงต้องอาศัยการปิดจุดบอดตรงนี้มาทำให้ผู้คนเชื่อฟัง และคลายความเครียดทำให้คนเลิกครุ่นคิด หันมาเชื่อฟังผู้ปกครองแทน และปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งคิดแทน โดยเลือกความคิดที่มีประโยชน์กับการปกครองและสมเหตุสมผลที่สุดมาเผยแพร่
ดั้งนั้นเกือบทุกศาสนาในโลกที่คงอยู่ได้อย่างมั่นคง เพราะ มีแนวความคิดที่ ทำให้คนอยู่ร่วมกันได้โดยสร้างปัญหาน้อยที่สุดในการปกครอง โดยพื้นฐานอยู่ที่การปิดจุดบอดทางความคิดคนว่า เราเกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน ทำให้คนเลิกฟุ้งซ่าน แล้วหันมาทำประโยชน์กับสังคมที่ตัวเองอาศัยอยู่
ดังนั้น เนื้อหาของศาสนาที่แท้จริงของทุกศาสนาคือการตอบคำถามว่า เกิดมาได้ยังไง ตายแล้วไปไหน แค่นั้น ไม่ใช่ เรื่องการทำดี
ส่วนการปฏิบัติตัวอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อว่าทำแล้วได้อะไรทั้งก่อนตายหลังตาย ซึ่งอาจจะเป็นความดี หรือไม่ดี ก็ได้
ที่เห็นว่าศาสนาดีก็เพราะ การปฏิบัติตามความเชื่อนั้น ยังสามารถทำให้การอยู่ร่วมกันของสังคมมนุษย์ราบรื่น
ผมเห็นการถกเถียงถึงเนื้อหาเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดซึ่งเป็นการปิดจุดบอดในแบบพุทธในเรื่องตายแล้วไปไหน ว่ามีจริงหรือไม่ และผมคิดว่า เป็นการแตกแยกที่ทำให้คนธรรมดาอย่างผม สับสน และเริ่มเครียด เริ่มฟุ้งซ่าน
ผมตั้งข้อสังเกตุว่า ทำไมจะต้องชักจูงให้คนอื่นเชื่อเหมือนเรา ตราบใดที่ความเชื่อของเขายังเป็นกรอบให้เขาทำความดีตามบรรทัดฐานสังคมได้อยู่
เว้นแต่ว่า เรามีความเชื่อว่าชักจูงคนมาเชื่อได้มากๆ ตายไปจะได้ดี ซึ่งผมเห็นว่า เนื้อหาของพุทธไม่ได้เห็นเป็นสาระสำคัญ
ผมเป็นพุทธ สายที่เชื่อการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง นรกสวรรค์มีจริง แต่ผมก็เชื่อว่า อริยมรรค และศีล เท่านั้นที่ทำให้ตัวเองแข็งแรงพอจะหนีมันได้
แต่ผมก็ชื่นชมคนที่เชื่อแบบอื่น แต่เขามีการปฏิบัติดี จิตใจดี ทำตัวมีประโยชน์กับสังคมพอกันหรือมากกว่าผมด้วย
ผมว่าเป็นการให้เกียรติกัน เคารพกันในเรื่องความเชื่อ ที่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีในการอยู่ร่วมกันในโลกที่ความคิดหลากหลาย
ถ้าการกระทำตามความเชื่อเป็นเรื่องไม่ดี หรือสร้างปัญหา เราน่าจะโจมตีเฉพาะการกระทำนั้นว่าไม่ดี ดีกว่ามั้ยครับ ประมาณว่า เชื่อได้ แต่อย่าทำอย่างนี้อีกนะ คนอื่นเขาเดือดร้อน
ความเชื่อที่ทำให้คนยอมทำความเดือดร้อนให้คนอื่นได้ นั่นถึงจะเป็นความเชื่อที่ควรถูกโจมตีอย่างแท้จริง
ถ้าไม่ใช่ความเชื่อแบบนั้นเถียงกันไปก็เป็นปัญหาโลกแตกนะครับผมว่า