ยุ่งมากไม่ได้มีโอกาสรีวิวภาพยนตร์ที่รักเสียนาน ต้องขอเขียนถึงสักหน่อยกับภาพยนตร์พีเรียดหายนะฟอร์มยักษ์เปิดศักราช ปี 2014 กับ “Pompeii ไฟนรกถล่มปอมเปอี” หนังพีเรียดกลิ่นอายสไตล์ Gladiator ผสมผสานความโรแมนติก แบบต่างชนชั้นของพระนาง ซึ่งเป็นผลงานใหม่ล่าสุดของผู้กำกับมือฉมังแนวหน้าอีกหนึ่งท่าน พอล ดับบิวเอส แอนเดอร์สัน (Resident Evil) และยังได้คนเขียนบทเนื้อหอมอย่าง จูเลียน เฟลโลเวียส จาก Downton Abbey มาช่วยทำให้บทนุ่มนวลและมีมิติยิ่งขึ้น
นครปอมเปอี (Pompeii) เป็นเมืองนครโรมันที่ถูกฝังบางส่วนใกล้กับเมืองเนเปิลส์สมัยใหม่ ในแคว้นกัมปาเนีย ประเทศอิตาลี ปอมเปอีถูกทำลายบางส่วนและถูกฝังใต้เถ้าและหินภูเขาไฟหนา 4-6 เมตร จากเหตุภูเขาไฟวีซูเวียสปะทุใน ค.ศ.79 ร่วมกับเฮอร์คิวเลเนียม
ปอมเปอีสาบสูญไปเกือบ 1,700 ปี ก่อนมีการค้นพบใหม่ใน ค.ศ.1748 นับแต่นั้น การขุดค้นได้ให้ความเข้าใจอย่างละเอียดในชีวิตของนครระหว่างสันติภาพโรมัน ซึ่งในปัจจุบันมรดกโลกของยูเนสโกแห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมที่สุดของอิตาลี โดยมีนักท่องเที่ยวประมาณ 2.5 ล้านคนต่อปี
Pompeii เป็นเรื่องราวความรักต่างชั้นวรรณะระหว่างลูกสาว ของนายทาส และทาสหนุ่มหน้าหล่อ วันหนึ่งพระเอก “ไมโล” รับบทโดย “คีธ แฮร์ริงตัน ต้องถูกขายไปเป็นนักสู้แกลดิเอเตอร์ ในขณะที่นางเอก “แคสเซีย” รับบทโดย “เอมิลี่ บราวน์นิ่ง” ก็ถูกขุนนางขี้ฉ้อบีบบังคับให้แต่งงาน ท่ามกลางอุปสรรคที่เลวร้ายนานาประการที่รุมเร้าอยู่รอบด้าน ในขณะที่ภูเขาไฟวีซูเวียส เกิดปะทุขึ้นพร้อมระเบิดลาวา อุณหภูมิกว่า 1,000 องศา เข้าเผาผลาญทำลายทั้งเมืองด้วยความพิโรธโกรธา ไมโลจึงตัดสินใจที่จะเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยหญิงสาวที่เขารักดังดวงใจ
ก่อนที่ทั้งโลกจะได้ร่วมเป็นพยาน ในมหาวิบัติภูเขาไฟ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งมวลมนุษยชาติ “ปอมเปอี” ในรูปแบบของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ทุนสร้างกว่า 150 ล้านเหรียญฯ จากฝีมือผู้กำกับ Resident Evil และทีมสเปเชียลเอ็ฟเฟกต์จาก Pacific Rim ขอแนะนำข้อมูลสำคัญที่จะช่วยเพิ่มระดับความตื่นเต้น ถึงขีดสุด ให้กับการปะทุครั้งนี้ ของ “Pompeii ไฟนรกถล่มปอมเปอี”
1)อารยธรรม 800 ปี ดับสูญในเวลา 48 ชั่วโมง เมืองปอมเปอี ถือว่าเป็นเมืองชายทะเล ที่มีความเจริญรุ่งเรือง มากที่สุดเมืองหนึ่ง ของอิตาลียุคนั้น มีการสั่งสมอารยธรรม มายาวนานกว่า 800 ปี ผู้คนหลงใหลในการใฝ่หาความสำราญ ชอบร้องรำทำเพลง จนได้รับการขนานนามว่า เป็นลาสเวกัส แห่งศตวรรษนั้น แต่ในเวลาเพียง 2 วัน จากการระเบิดภูเขาไฟวิซูเวียส ปอมเปอี ก็กลายเป็นเพียงอดีตในแผนที่โลกไปกว่า 1,700 ปี
2)ปอมเปอี แผ่อาณาเขต แห่งหายนะไกลข้ามทวีป รัศมีการทำลายล้างของภูเขาวีซูเวียส ไม่ได้แค่ทำให้เมืองปอมเปอีหายไปจากแผนที่โลก แต่ยังกินอาณาเขตเท่ากับสนามเบสบอลถึง 58 สนาม และทิ้งร่องรอยการระเบิดไกลถึงทวีปแอฟริกา
3)รอคอยกว่า 10 ปี เพื่อระเบิด “ปอมเปอี” ให้สุดสมจริง ผู้สร้าง ผู้กำกับ รวมทั้งทีมงาน CG ของภาพยนตร์ ต้องใช้เวลาถึง 10 ปี ในการรอคอยให้วงการ CG ของฮอลลีวูดได้รับการพัฒนาเทียบเท่ากับปัจจุบันเสียก่อน จึงจะเห็นว่า ถึงเวลาที่จะสร้างภาพของมหาวิบัติปอมเปอี ได้อย่างสมจริงและน่าตื่นตะลึงสูงสุด
4)50 นาทีถล่มปอมเปอี ตรึงทุกที่นั่ง หยุดทุกลมหายใจ พบกับการถ่ายทอดฉากมหาวิบัติ ที่จะสะกดทุกสายตา กินเวลากว่า 50 นาที บนจอภาพยนตร์ ไต่ระดับแห่งหายนะของปอมเปอีสู่ขีดสุด จากแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์ ลูกไฟมหึมา และลาวาที่ไหลทะลัก พร้อมที่จะทำให้ผู้ชม ทุกคนต้องลืมหายใจ
5)กลับสู่ปอมเปอี ถ่ายทำจริง เพื่อที่สุดแห่งความสมจริง ทีมงานของภาพยนตร์เรื่อง Pompeii ได้ยกกองไปถ่ายทำจริง ที่เมืองปอมเปอี ประเทศอิตาลี เพื่อให้ได้ภาพของสเกลภูเขา ไฟวีซูเวียสจริง รวมทั้งยังมีไปเก็บภาพศพ ของเหยื่อจากเหตุการณ์จริง ที่ยังคงสภาพแข็ง เป็นหินปูนจากการเย็นตัวของลาวา
6)ถ่ายทอดภาพอย่างเหนือชั้น ด้วยเทคนิคกล้องที่ไม่เหมือนใคร การถ่ายทำภาพของมหาวิบัติภูเขาไฟที่ค่อยทำลายเมืองปอมเปอีให้เป็นจุณ ใช้อุปกรณ์ถ่ายทำชนิดพิเศษ ที่เรียกว่า “กล้องลอยฟ้า” ซึ่งจะผูกติดกับเฮลิคอปเตอร์บังคับ สามารถถ่ายทำในมุมที่สูงกว่า 200 ฟุต เหนือพื้นดิน
7)ทุ่มฟิตหุ่น พร้อมสู้ศึกปอมเปอี โจทย์ท้าทายครั้งใหญ่ ของนักแสดงชาย ในเรื่อง โดยเฉพาะ พระเอกหนุ่ม “คีธ แฮร์ริงตัน” และนักแสดงที่มารับบทเพื่อนนักรบกับเขา “อเดวาล อคินนูเย อัคบาเจ” คือการต้องฟิตร่างกาย อย่างหนักหน่วง เพื่อให้สมกับบทบาทของนักรบ ผู้แข็งแกร่ง โดยสิ่งที่พวกเขาต้องทำทุกวันในการเตรียมตัว คือ เล่นคาดิโอ 1 ชม. ,ฝึกสตั๊นท์และเรียนดาบ 2 ชม.,เล่นเวท 1 ชม.และจบด้วยคาดิโออีก 1 ชม.
พล็อตเรื่องรักต่างวรรณะ จนทำให้นึกถึงภาพยนตร์รักอมตะเรื่อง Titanic ซึ่ง “ไมโล” และ “แคสเซีย” อาจเป็นอดีตชาติของ “แจ็ค” และ “โรส” ก็ได้นะ 555 นับว่าเป็นความแปลกใหม่ที่เราได้ร่วมรับรู้และสัมผัสถึงโศกนาฏกรรมอันน่าสะเทือนใจกับภาพยนตร์มหันตภัยย้อนยุคเรื่องเยี่ยมเรื่องนี้ อีกทั้งเป็นการโคจรมาพบกันครั้งแรกสำหรับคู่พระนางสุดฮ็อต ของพระเอกหนุ่มหล่อเซอร์สุดเซ็กซี่จากซีรี่ส์สุดฮิต Game of Thrones อย่าง “คีธ แฮริงตัน” และนักแสดงสาวหน้าใสขาวโอโม่งามราวตุ๊กตา “เอมิลี่ บราวน์นิ่ง” จาก Sucker Punch
พอดูครั้งแรกก็เกิดความประทับใจในความงามของภาพยนตร์ และน่าเสียดายที่ไม่ได้ดูในระบบ 3 มิติ เนื่องจากโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านไม่มีฉายในระบบดังกล่าว จึงต้องหอบความประทับใจไปดูอีกรอบกับเพื่อนซี้ หลังจากไปทำบุญด้วยกันมา โดยเข้าชมในระบบ 4DX บัตรแพงขึ้นมาหน่อย แต่กับภาพยนตร์ดีๆสักเรื่อง ถือว่าคุ้มค่าเต็มอิ่มอรรถรสไปกับ 7 มิติ จนแทบหยุดหายใจกันเลยทีเดียวค่ะ เนื้อเรื่องเดินเรื่องได้กระชับไม่ซับซ้อน ภาพสวย CG อลังการ ผนวกกับ 3 มิติทำให้เห็นภัยพิบัติพวยพุ่งเข้าตา ดนตรีประกอบภาพยนตร์ตอกย้ำความรู้สึกในทุกห้วงอารมณ์และมีความเหมาะสมอย่างลงตัว นักแสดงทุกท่านรับผิดชอบบทบาทของตนเองได้ดีไม่มีเก้อเขิน ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสมของคู่พระนาง และความเข้าขาของพระเอกและเพื่อนนักรบ ถือว่ามีปฏิกิริยาเคมีที่ดีต่อกัน เล่นฉากแอ็คชั่นสู้รบพุ่งชนได้อย่างสมจริง นอกจากจะดูความสวยสะพรั่งของสาว เอมิลี่ บราวน์นิ่ง เชื่อว่าแฟนคลับพ่อ จอน สโนว ไม่ว่าชายจริง หญิงแท้ หญิงเทียมคงอดตื่นตะลึงกับความหล่อเข้มและซิกแพ็คสุดเฟิร์มของ ฉากเปิดตัวพ่อหนุ่ม คิท แฮริงตัน กันไปไม่ได้เลยเชียว 555 (ได้ยินเสียงสาวๆในโรงกรี๊ดอยู่ ว๊าย พระเอกหล่อ อันนี้ไม่เถียง เขาหล่อจริงๆ)
ไม่อยากให้พลาดภาพยนตร์ดีๆเรื่องนี้กันนะคะ ไปดูเถอะรับรองไม่ผิดหวัง อีกทั้งยังให้ข้อคิดในเชิงศาสนาปรัชญาด้วยว่า สูงต่ำดำขาว รวยหรือจน ขุนนางหรือไพร่ เมื่อความตายมาเยือน ทุกคนเสมอภาค ไม่มีใครเหนือไปกว่ากัน ความรวย ลาภยศและความสูงศักดิ์มิอาจเป็นเครื่องต่อรองกับมหันตภัยและความตายที่อยู่เบื้องหน้าได้เลย ชีวิต คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีใครที่จะอยู่ค้ำฟ้า เมื่อมีโอกาสได้เกิดมาแล้วจงเร่งทำกรรมดี ทำตนเองให้มีความสุข และเอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมโลก เผื่อหากวันใดที่ต้องสิ้นชีพ ลึกๆในดวงใจก็ไม่มีอะไรที่ติดค้าง ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจ และที่สำคัญที่สุด หากชีวิตจะสั้นลงไปหน่อย แต่การที่ได้อยู่เคียงข้างกับคนที่เรารักและรักเรา มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และคุ้มแสนคุ้ม เพราะรักแท้จะคงอยู่เหนือกาลเวลาเสมอ ขอให้มีความสุขกับภาพยนตร์เรื่องนี้กันนะคะ สวัสดีค่ะ
สัพพะทานัง ธรรมะทานัง ชินาติ “การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ทานทั้งปวง"
By Rose
ภาพยนตร์พีเรียดหายนะ “Pompeii ไฟนรกถล่มปอมเปอี” By Rose
ยุ่งมากไม่ได้มีโอกาสรีวิวภาพยนตร์ที่รักเสียนาน ต้องขอเขียนถึงสักหน่อยกับภาพยนตร์พีเรียดหายนะฟอร์มยักษ์เปิดศักราช ปี 2014 กับ “Pompeii ไฟนรกถล่มปอมเปอี” หนังพีเรียดกลิ่นอายสไตล์ Gladiator ผสมผสานความโรแมนติก แบบต่างชนชั้นของพระนาง ซึ่งเป็นผลงานใหม่ล่าสุดของผู้กำกับมือฉมังแนวหน้าอีกหนึ่งท่าน พอล ดับบิวเอส แอนเดอร์สัน (Resident Evil) และยังได้คนเขียนบทเนื้อหอมอย่าง จูเลียน เฟลโลเวียส จาก Downton Abbey มาช่วยทำให้บทนุ่มนวลและมีมิติยิ่งขึ้น
นครปอมเปอี (Pompeii) เป็นเมืองนครโรมันที่ถูกฝังบางส่วนใกล้กับเมืองเนเปิลส์สมัยใหม่ ในแคว้นกัมปาเนีย ประเทศอิตาลี ปอมเปอีถูกทำลายบางส่วนและถูกฝังใต้เถ้าและหินภูเขาไฟหนา 4-6 เมตร จากเหตุภูเขาไฟวีซูเวียสปะทุใน ค.ศ.79 ร่วมกับเฮอร์คิวเลเนียม
ปอมเปอีสาบสูญไปเกือบ 1,700 ปี ก่อนมีการค้นพบใหม่ใน ค.ศ.1748 นับแต่นั้น การขุดค้นได้ให้ความเข้าใจอย่างละเอียดในชีวิตของนครระหว่างสันติภาพโรมัน ซึ่งในปัจจุบันมรดกโลกของยูเนสโกแห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมที่สุดของอิตาลี โดยมีนักท่องเที่ยวประมาณ 2.5 ล้านคนต่อปี
Pompeii เป็นเรื่องราวความรักต่างชั้นวรรณะระหว่างลูกสาว ของนายทาส และทาสหนุ่มหน้าหล่อ วันหนึ่งพระเอก “ไมโล” รับบทโดย “คีธ แฮร์ริงตัน ต้องถูกขายไปเป็นนักสู้แกลดิเอเตอร์ ในขณะที่นางเอก “แคสเซีย” รับบทโดย “เอมิลี่ บราวน์นิ่ง” ก็ถูกขุนนางขี้ฉ้อบีบบังคับให้แต่งงาน ท่ามกลางอุปสรรคที่เลวร้ายนานาประการที่รุมเร้าอยู่รอบด้าน ในขณะที่ภูเขาไฟวีซูเวียส เกิดปะทุขึ้นพร้อมระเบิดลาวา อุณหภูมิกว่า 1,000 องศา เข้าเผาผลาญทำลายทั้งเมืองด้วยความพิโรธโกรธา ไมโลจึงตัดสินใจที่จะเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยหญิงสาวที่เขารักดังดวงใจ
ก่อนที่ทั้งโลกจะได้ร่วมเป็นพยาน ในมหาวิบัติภูเขาไฟ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งมวลมนุษยชาติ “ปอมเปอี” ในรูปแบบของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ทุนสร้างกว่า 150 ล้านเหรียญฯ จากฝีมือผู้กำกับ Resident Evil และทีมสเปเชียลเอ็ฟเฟกต์จาก Pacific Rim ขอแนะนำข้อมูลสำคัญที่จะช่วยเพิ่มระดับความตื่นเต้น ถึงขีดสุด ให้กับการปะทุครั้งนี้ ของ “Pompeii ไฟนรกถล่มปอมเปอี”
1)อารยธรรม 800 ปี ดับสูญในเวลา 48 ชั่วโมง เมืองปอมเปอี ถือว่าเป็นเมืองชายทะเล ที่มีความเจริญรุ่งเรือง มากที่สุดเมืองหนึ่ง ของอิตาลียุคนั้น มีการสั่งสมอารยธรรม มายาวนานกว่า 800 ปี ผู้คนหลงใหลในการใฝ่หาความสำราญ ชอบร้องรำทำเพลง จนได้รับการขนานนามว่า เป็นลาสเวกัส แห่งศตวรรษนั้น แต่ในเวลาเพียง 2 วัน จากการระเบิดภูเขาไฟวิซูเวียส ปอมเปอี ก็กลายเป็นเพียงอดีตในแผนที่โลกไปกว่า 1,700 ปี
2)ปอมเปอี แผ่อาณาเขต แห่งหายนะไกลข้ามทวีป รัศมีการทำลายล้างของภูเขาวีซูเวียส ไม่ได้แค่ทำให้เมืองปอมเปอีหายไปจากแผนที่โลก แต่ยังกินอาณาเขตเท่ากับสนามเบสบอลถึง 58 สนาม และทิ้งร่องรอยการระเบิดไกลถึงทวีปแอฟริกา
3)รอคอยกว่า 10 ปี เพื่อระเบิด “ปอมเปอี” ให้สุดสมจริง ผู้สร้าง ผู้กำกับ รวมทั้งทีมงาน CG ของภาพยนตร์ ต้องใช้เวลาถึง 10 ปี ในการรอคอยให้วงการ CG ของฮอลลีวูดได้รับการพัฒนาเทียบเท่ากับปัจจุบันเสียก่อน จึงจะเห็นว่า ถึงเวลาที่จะสร้างภาพของมหาวิบัติปอมเปอี ได้อย่างสมจริงและน่าตื่นตะลึงสูงสุด
4)50 นาทีถล่มปอมเปอี ตรึงทุกที่นั่ง หยุดทุกลมหายใจ พบกับการถ่ายทอดฉากมหาวิบัติ ที่จะสะกดทุกสายตา กินเวลากว่า 50 นาที บนจอภาพยนตร์ ไต่ระดับแห่งหายนะของปอมเปอีสู่ขีดสุด จากแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์ ลูกไฟมหึมา และลาวาที่ไหลทะลัก พร้อมที่จะทำให้ผู้ชม ทุกคนต้องลืมหายใจ
5)กลับสู่ปอมเปอี ถ่ายทำจริง เพื่อที่สุดแห่งความสมจริง ทีมงานของภาพยนตร์เรื่อง Pompeii ได้ยกกองไปถ่ายทำจริง ที่เมืองปอมเปอี ประเทศอิตาลี เพื่อให้ได้ภาพของสเกลภูเขา ไฟวีซูเวียสจริง รวมทั้งยังมีไปเก็บภาพศพ ของเหยื่อจากเหตุการณ์จริง ที่ยังคงสภาพแข็ง เป็นหินปูนจากการเย็นตัวของลาวา
6)ถ่ายทอดภาพอย่างเหนือชั้น ด้วยเทคนิคกล้องที่ไม่เหมือนใคร การถ่ายทำภาพของมหาวิบัติภูเขาไฟที่ค่อยทำลายเมืองปอมเปอีให้เป็นจุณ ใช้อุปกรณ์ถ่ายทำชนิดพิเศษ ที่เรียกว่า “กล้องลอยฟ้า” ซึ่งจะผูกติดกับเฮลิคอปเตอร์บังคับ สามารถถ่ายทำในมุมที่สูงกว่า 200 ฟุต เหนือพื้นดิน
7)ทุ่มฟิตหุ่น พร้อมสู้ศึกปอมเปอี โจทย์ท้าทายครั้งใหญ่ ของนักแสดงชาย ในเรื่อง โดยเฉพาะ พระเอกหนุ่ม “คีธ แฮร์ริงตัน” และนักแสดงที่มารับบทเพื่อนนักรบกับเขา “อเดวาล อคินนูเย อัคบาเจ” คือการต้องฟิตร่างกาย อย่างหนักหน่วง เพื่อให้สมกับบทบาทของนักรบ ผู้แข็งแกร่ง โดยสิ่งที่พวกเขาต้องทำทุกวันในการเตรียมตัว คือ เล่นคาดิโอ 1 ชม. ,ฝึกสตั๊นท์และเรียนดาบ 2 ชม.,เล่นเวท 1 ชม.และจบด้วยคาดิโออีก 1 ชม.
พล็อตเรื่องรักต่างวรรณะ จนทำให้นึกถึงภาพยนตร์รักอมตะเรื่อง Titanic ซึ่ง “ไมโล” และ “แคสเซีย” อาจเป็นอดีตชาติของ “แจ็ค” และ “โรส” ก็ได้นะ 555 นับว่าเป็นความแปลกใหม่ที่เราได้ร่วมรับรู้และสัมผัสถึงโศกนาฏกรรมอันน่าสะเทือนใจกับภาพยนตร์มหันตภัยย้อนยุคเรื่องเยี่ยมเรื่องนี้ อีกทั้งเป็นการโคจรมาพบกันครั้งแรกสำหรับคู่พระนางสุดฮ็อต ของพระเอกหนุ่มหล่อเซอร์สุดเซ็กซี่จากซีรี่ส์สุดฮิต Game of Thrones อย่าง “คีธ แฮริงตัน” และนักแสดงสาวหน้าใสขาวโอโม่งามราวตุ๊กตา “เอมิลี่ บราวน์นิ่ง” จาก Sucker Punch
พอดูครั้งแรกก็เกิดความประทับใจในความงามของภาพยนตร์ และน่าเสียดายที่ไม่ได้ดูในระบบ 3 มิติ เนื่องจากโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านไม่มีฉายในระบบดังกล่าว จึงต้องหอบความประทับใจไปดูอีกรอบกับเพื่อนซี้ หลังจากไปทำบุญด้วยกันมา โดยเข้าชมในระบบ 4DX บัตรแพงขึ้นมาหน่อย แต่กับภาพยนตร์ดีๆสักเรื่อง ถือว่าคุ้มค่าเต็มอิ่มอรรถรสไปกับ 7 มิติ จนแทบหยุดหายใจกันเลยทีเดียวค่ะ เนื้อเรื่องเดินเรื่องได้กระชับไม่ซับซ้อน ภาพสวย CG อลังการ ผนวกกับ 3 มิติทำให้เห็นภัยพิบัติพวยพุ่งเข้าตา ดนตรีประกอบภาพยนตร์ตอกย้ำความรู้สึกในทุกห้วงอารมณ์และมีความเหมาะสมอย่างลงตัว นักแสดงทุกท่านรับผิดชอบบทบาทของตนเองได้ดีไม่มีเก้อเขิน ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสมของคู่พระนาง และความเข้าขาของพระเอกและเพื่อนนักรบ ถือว่ามีปฏิกิริยาเคมีที่ดีต่อกัน เล่นฉากแอ็คชั่นสู้รบพุ่งชนได้อย่างสมจริง นอกจากจะดูความสวยสะพรั่งของสาว เอมิลี่ บราวน์นิ่ง เชื่อว่าแฟนคลับพ่อ จอน สโนว ไม่ว่าชายจริง หญิงแท้ หญิงเทียมคงอดตื่นตะลึงกับความหล่อเข้มและซิกแพ็คสุดเฟิร์มของ ฉากเปิดตัวพ่อหนุ่ม คิท แฮริงตัน กันไปไม่ได้เลยเชียว 555 (ได้ยินเสียงสาวๆในโรงกรี๊ดอยู่ ว๊าย พระเอกหล่อ อันนี้ไม่เถียง เขาหล่อจริงๆ)
ไม่อยากให้พลาดภาพยนตร์ดีๆเรื่องนี้กันนะคะ ไปดูเถอะรับรองไม่ผิดหวัง อีกทั้งยังให้ข้อคิดในเชิงศาสนาปรัชญาด้วยว่า สูงต่ำดำขาว รวยหรือจน ขุนนางหรือไพร่ เมื่อความตายมาเยือน ทุกคนเสมอภาค ไม่มีใครเหนือไปกว่ากัน ความรวย ลาภยศและความสูงศักดิ์มิอาจเป็นเครื่องต่อรองกับมหันตภัยและความตายที่อยู่เบื้องหน้าได้เลย ชีวิต คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีใครที่จะอยู่ค้ำฟ้า เมื่อมีโอกาสได้เกิดมาแล้วจงเร่งทำกรรมดี ทำตนเองให้มีความสุข และเอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมโลก เผื่อหากวันใดที่ต้องสิ้นชีพ ลึกๆในดวงใจก็ไม่มีอะไรที่ติดค้าง ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจ และที่สำคัญที่สุด หากชีวิตจะสั้นลงไปหน่อย แต่การที่ได้อยู่เคียงข้างกับคนที่เรารักและรักเรา มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และคุ้มแสนคุ้ม เพราะรักแท้จะคงอยู่เหนือกาลเวลาเสมอ ขอให้มีความสุขกับภาพยนตร์เรื่องนี้กันนะคะ สวัสดีค่ะ
สัพพะทานัง ธรรมะทานัง ชินาติ “การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ทานทั้งปวง"
By Rose