เที่ยวต่อจากกระทู้นี้ค่ะ
เดี๋ยวคุณน้าที่เคารพของธาราสินธุ์จะพาเที่ยวต่อที่ปอมเปอีกับคาปรี
https://ppantip.com/topic/42723089
2. ความผิดพลาดครั้งที่ 1
วัด/วังก็ดูจบแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาไปดูเมืองเก่าเช่นอยุธยาของอิตาลีต่อ คือเมืองปอมเปอี ขับรถผ่านชนบท มองเห็นต้น Umbrella Pine ซึ่งเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ของกรุงโรมมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ปลูกเป็นทิวแถวบนแนวสันเขาและข้างถนน นึกภาพออกใช่ไหม ต้นไม้ตัดทรงเดียวกันหมด ลำต้นสูงชะลูดแล้วไปบานบนเหมือนดอกเห็ดหรือร่ม คล้ายทรงผมของหนุ่มฮอตสมัยนี้ที่ด้านข้างไถเกรียน แล้วไปบานฟูตรงกลางกระบาล ขับรถผ่านท่อส่งน้ำ เป็นสะพานเหนือพื้นดินของการประปานครหลวงโรมันสมัยคริสตกาล (Aquaduct) ซึ่งแสดงถึงอัจฉริยภาพของนายช่างมาก ทั้งๆที่ไม่ได้จบวิศวะโยธา เพราะคำนวนได้เป๊ะเลยว่าสะพานส่งน้ำจะต้องใช้ความสูงเท่าไหร่ ความเอียงลาดชันเท่าไหร่ ให้สัมพันธ์กับระดับสูงต่ำของพื้นดิน ฯลฯ เพื่อนำส่งน้ำจากแหล่งต้นน้ำธรรมชาติ เช่นทะเลสาบ เข้ามาใช้ที่ปลายทางในเมือง
ในที่สุดก็ถึงเมืองปอมเปอีที่ถูกภูเขาไฟ Vesuvius ระเบิดใส่ ปล่อยมวลลาวาไหลฝังกลบทั้งเมือง!
รายการนี้อิชั้นเคยไปมาแล้วแต่ปีมะโว้ แต่คราวนี้เป็นภาคบังคับให้ลูกหลานได้ซึมซาบความรู้ทางวัฒนธรรมอันเลืองชื่อบ้าง ไม่งั้นจะเสียทีที่อุตส่าห์ดั้นด้นมา แล้วก็เสียทีจนได้ ณ ที่นี้เราจอง fast track ที่ไม่ต้องเข้าคิวบวกกับซื้อ audio guide เพราะทุกคนก็ฟังภาษาปะกิตออกกันทั้งนั้น จะเสียตังค์จ้างไกด์ตัวเป็นๆ ทำไม๊ นับเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ครั้งที่หนึ่ง ที่เสียใจมาจนบัดนี้ audio guide ของเมืองปอมเปอีนี้ user unfriendly เป็นอย่างยิ่ง อุปกรณ์มีลักษณะเท่าโทรศัพท์มือถือ ทว่าไม่มีหูฟังเหมือนที่ Vatican จ้า ต้องกดปุ่มยกแนบหูจึงจะได้ยินคำบรรยาย ลองวาดภาพนักท่องเที่ยวที่มือซ้ายถืออุปกรณ์เช่นว่า มือขวาถือแผนที่/แผนผังแสดงจุดน่าสนใจเป็นร้อยๆ จุด หัวสวมหมวกกันแดด ตาสวมแว่นตากันแดดที่แรงจ้า คอสะพายกระเป๋าและกล้องถ่ายรูป แถมเวลาเดินตาต้องก้มมองถนนซึ่งเป็นหิมตะปุ่มตะปั่ม (Cobble stone) ตลอดเวลา ไม่งั้นอาจจะสะดุดจนส้นเท้าพลิก ไหนจะต้องคอยหลบฝูงนักท่องเที่ยวที่คราคร่ำ ไม่เวิร์คเป็นอย่างยิ่ง ยอมเสียตังค์จ้างไกด์เถอะ
สิ่งเดียวที่ทำได้ในขณะนั้นคือเค้นความรู้สมัยมาครั้งกระโน้นมาบรรยายให้ลูกหลานฟังว่า นี่ร้านค้าเหมือนห้องแถว นี่บ้านเศรษฐี นี่ถนนสายหลักที่มีรถวิ่งจนพื้นถนนสึกเป็นรอย นี่คือสปา มีทั้งซาวน่าและห้องเย็นที่เรียกว่า Frigidarium ที่บริษัทตู้เย็นยืมชื่อมาตั้งเป็นยี่ห้อ Frigidaire ไง และตรงนี้คือซ่องโสเภณี ส่วนภาพอภิมหาโป๊ x-rated อยู่ตรงไหน จำไม่ได้แล้ว หมดแรง ก่อนเดินกลับก็แวะเยี่ยมพิพิธภัณฑ์เสียหน่อย ซึ่งอยู่ตรงทางออกพอดี มีรูปจำลองของศพคนและหมาที่ถูกลาวาไหลเคลือบ และโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดเจอ ตลอดจนภาพเขียนสี fresco บนผนัง และพื้นโมเสคอันงดงาม ฯลฯ ที่ยังหลงเหลืออยู่
ลานพระบรมรูปทรงม้าอิตาเลี่ยน
สิ่งเดียวที่พอจรรโลงใจให้พ้นจากความผิดหวังของพวกเราก็คือ…น้ำส้ม น้ำมะนาว และน้ำทับทิมสด ปั่นเป็นเกล็ดน้ำแข็ง อร่อยสุดๆ เลย It’s a must นะคะ มีขายทุกร้านริมถนนก่อนถึงทางเข้า เอากระบอกน้ำเก็บความเย็นซื้อน้ำมะนาวเข้าไปจิบระหว่าง ‘in’ กับซากปรักหักพัง ก็เป็นความคิดที่ดีนะคะ
สรุป ปอมเปอีนี่ค่อนข้างจะสมบุกสมบันเกินไปสำหรับกบชราที่สุขภาพไม่ฟิตเปรี๊ยะ ขนาดฉันซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหญิง ‘อวบแต่อึด’ ยังต้องอาศัยหลานชายหญิงฉุดขึ้นเนินชันจากประตูทางเข้า ไปจนถึงตัวเมืองที่ขุดเจอเลย แต่พอถึงตัวเมืองเป็นพื้นราบก็สามารถเดินฉิวได้ค่ะ แต่เดินไกลมากนะ ขอบอก ตัดสินใจเอาเองเถอะว่าจะไปหรือไม่ไป
--- เที่ยวต่อที่อิตาลี ปอมเปอี และคาปรีค่ะ ---
เดี๋ยวคุณน้าที่เคารพของธาราสินธุ์จะพาเที่ยวต่อที่ปอมเปอีกับคาปรี
https://ppantip.com/topic/42723089
2. ความผิดพลาดครั้งที่ 1
วัด/วังก็ดูจบแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาไปดูเมืองเก่าเช่นอยุธยาของอิตาลีต่อ คือเมืองปอมเปอี ขับรถผ่านชนบท มองเห็นต้น Umbrella Pine ซึ่งเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ของกรุงโรมมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ปลูกเป็นทิวแถวบนแนวสันเขาและข้างถนน นึกภาพออกใช่ไหม ต้นไม้ตัดทรงเดียวกันหมด ลำต้นสูงชะลูดแล้วไปบานบนเหมือนดอกเห็ดหรือร่ม คล้ายทรงผมของหนุ่มฮอตสมัยนี้ที่ด้านข้างไถเกรียน แล้วไปบานฟูตรงกลางกระบาล ขับรถผ่านท่อส่งน้ำ เป็นสะพานเหนือพื้นดินของการประปานครหลวงโรมันสมัยคริสตกาล (Aquaduct) ซึ่งแสดงถึงอัจฉริยภาพของนายช่างมาก ทั้งๆที่ไม่ได้จบวิศวะโยธา เพราะคำนวนได้เป๊ะเลยว่าสะพานส่งน้ำจะต้องใช้ความสูงเท่าไหร่ ความเอียงลาดชันเท่าไหร่ ให้สัมพันธ์กับระดับสูงต่ำของพื้นดิน ฯลฯ เพื่อนำส่งน้ำจากแหล่งต้นน้ำธรรมชาติ เช่นทะเลสาบ เข้ามาใช้ที่ปลายทางในเมือง
ในที่สุดก็ถึงเมืองปอมเปอีที่ถูกภูเขาไฟ Vesuvius ระเบิดใส่ ปล่อยมวลลาวาไหลฝังกลบทั้งเมือง!
รายการนี้อิชั้นเคยไปมาแล้วแต่ปีมะโว้ แต่คราวนี้เป็นภาคบังคับให้ลูกหลานได้ซึมซาบความรู้ทางวัฒนธรรมอันเลืองชื่อบ้าง ไม่งั้นจะเสียทีที่อุตส่าห์ดั้นด้นมา แล้วก็เสียทีจนได้ ณ ที่นี้เราจอง fast track ที่ไม่ต้องเข้าคิวบวกกับซื้อ audio guide เพราะทุกคนก็ฟังภาษาปะกิตออกกันทั้งนั้น จะเสียตังค์จ้างไกด์ตัวเป็นๆ ทำไม๊ นับเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ครั้งที่หนึ่ง ที่เสียใจมาจนบัดนี้ audio guide ของเมืองปอมเปอีนี้ user unfriendly เป็นอย่างยิ่ง อุปกรณ์มีลักษณะเท่าโทรศัพท์มือถือ ทว่าไม่มีหูฟังเหมือนที่ Vatican จ้า ต้องกดปุ่มยกแนบหูจึงจะได้ยินคำบรรยาย ลองวาดภาพนักท่องเที่ยวที่มือซ้ายถืออุปกรณ์เช่นว่า มือขวาถือแผนที่/แผนผังแสดงจุดน่าสนใจเป็นร้อยๆ จุด หัวสวมหมวกกันแดด ตาสวมแว่นตากันแดดที่แรงจ้า คอสะพายกระเป๋าและกล้องถ่ายรูป แถมเวลาเดินตาต้องก้มมองถนนซึ่งเป็นหิมตะปุ่มตะปั่ม (Cobble stone) ตลอดเวลา ไม่งั้นอาจจะสะดุดจนส้นเท้าพลิก ไหนจะต้องคอยหลบฝูงนักท่องเที่ยวที่คราคร่ำ ไม่เวิร์คเป็นอย่างยิ่ง ยอมเสียตังค์จ้างไกด์เถอะ
สิ่งเดียวที่ทำได้ในขณะนั้นคือเค้นความรู้สมัยมาครั้งกระโน้นมาบรรยายให้ลูกหลานฟังว่า นี่ร้านค้าเหมือนห้องแถว นี่บ้านเศรษฐี นี่ถนนสายหลักที่มีรถวิ่งจนพื้นถนนสึกเป็นรอย นี่คือสปา มีทั้งซาวน่าและห้องเย็นที่เรียกว่า Frigidarium ที่บริษัทตู้เย็นยืมชื่อมาตั้งเป็นยี่ห้อ Frigidaire ไง และตรงนี้คือซ่องโสเภณี ส่วนภาพอภิมหาโป๊ x-rated อยู่ตรงไหน จำไม่ได้แล้ว หมดแรง ก่อนเดินกลับก็แวะเยี่ยมพิพิธภัณฑ์เสียหน่อย ซึ่งอยู่ตรงทางออกพอดี มีรูปจำลองของศพคนและหมาที่ถูกลาวาไหลเคลือบ และโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดเจอ ตลอดจนภาพเขียนสี fresco บนผนัง และพื้นโมเสคอันงดงาม ฯลฯ ที่ยังหลงเหลืออยู่
ลานพระบรมรูปทรงม้าอิตาเลี่ยน
สิ่งเดียวที่พอจรรโลงใจให้พ้นจากความผิดหวังของพวกเราก็คือ…น้ำส้ม น้ำมะนาว และน้ำทับทิมสด ปั่นเป็นเกล็ดน้ำแข็ง อร่อยสุดๆ เลย It’s a must นะคะ มีขายทุกร้านริมถนนก่อนถึงทางเข้า เอากระบอกน้ำเก็บความเย็นซื้อน้ำมะนาวเข้าไปจิบระหว่าง ‘in’ กับซากปรักหักพัง ก็เป็นความคิดที่ดีนะคะ
สรุป ปอมเปอีนี่ค่อนข้างจะสมบุกสมบันเกินไปสำหรับกบชราที่สุขภาพไม่ฟิตเปรี๊ยะ ขนาดฉันซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหญิง ‘อวบแต่อึด’ ยังต้องอาศัยหลานชายหญิงฉุดขึ้นเนินชันจากประตูทางเข้า ไปจนถึงตัวเมืองที่ขุดเจอเลย แต่พอถึงตัวเมืองเป็นพื้นราบก็สามารถเดินฉิวได้ค่ะ แต่เดินไกลมากนะ ขอบอก ตัดสินใจเอาเองเถอะว่าจะไปหรือไม่ไป