เหลียวหลังกลับไปมองชีวิตที่ผ่านมา เมื่อถึงครา 50 -- ว่าด้วยเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ และอารมณ์

วันนี้วันเกิดลูกสาวคนกลางค่ะ เธอเกิดวันเดียวกับดิฉันแต่ห่างกันสองเดือน จำได้ว่า ตอนเธอเกิด ดิฉันกำลังจะย่างเข้าเต็ม 30 เพื่อนรุ่นพี่ชาวเยอรมันดูจะตื่นเต้นมากที่ดิฉันอายุเข้า 30 โทรศัพท์ทางไกลมาอวยพรด้วยเสียงตื่นเต้น ... แต่เจ้าของวันเกิดอย่างดิฉันกลับรู้สึกเฉย ๆ (ฮา) ว่า มันสำคัญขนาดนี้เทียวหรือ ?

 
ลูกคนกลางบรรลุนิติภาวะในวันนี้ ทำให้ดิฉันรู้สึกแก่ขึ้นมาอีกขั้น    อยากมองย้อนหลังกลับไป เขียนถึงพวกบรรดาคำคม แง่คิด ปรัชญาชีวิต หรือกระทั่งข้อคิดมโนสาเร่ที่เคยได้ยินได้ฟังมา  ส่วนตัวอาจจะรู้สึก “โดน” เป็นพิเศษ และจากชีวิตที่ผ่านมา ส่วนตัวก็คิดว่าเออ... บางข้อที่เราอ่านมาเจอมา มัน valid นะ    ข้อคิด แง่คิด หรือ quotation พวกนี้มาจากเน็ตบ้าง จากอีเมล์บ้าง สมัยก่อนเค้าฮิตเนอะ พวก ฟอร์เวิด เมล์ที่จะเล่าเรื่อง หรือมีพวกคำคม ปรัชญาต่าง ๆ เขียนส่งมา สมัยนี้ คงเป็น twitter กับ tiktok แทนแล้ว

 
นี่เขียนแบบใช้ความทรงจำเป็นส่วนใหญ่ถ้าหา reference ได้ จะพยายามหามาแปะว่า ใครเป็นคนพูดหรือเป็นแนวคิดตั้งต้นของแนวคิดหรือคำคมเหล่านี้ แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็ออกตัวไว้ก่อนว่าได้ยินมานานแล้ว ไม่รู้ใครเป็นคนพูด ส่วนบางข้อก็ตกผลึกเองบ้าง

 
เอาล่ะค่ะ เริ่มเลอ

ว่าด้วยการจัดการอารมณ์

“Everything that irritates us about others can lead us to an understanding of ourselves.” Carl jung

   ทุกสิ่งอย่างที่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดเกี่ยวกับคนอื่น สามารถนำเราให้กลับมาเข้าใจตัวเราเองได้
หรืออีกนัยหนึ่งจะบอกว่า เราเห็นตัวเราเองผ่านการเห็นคนอื่นก็ได้ค่ะ

     จำได้ว่า ครั้งหนึ่ง ลูกสาวคนโต ตอนเธอเป็นวัยรุ่นต้น ๆ เธอถามคำถามที่ทำเอาดิฉันต้องนิ่งคิดไปพักนึงเลยว่า “หม่ามี้ขา การที่เราเห็นข้อดีข้อเสียบางอย่างในตัวคนอื่นน่ะ เป็นเพราะเราก็มีลักษณะอย่างนั้นในตัวเราเองรึเปล่า ?”  

จริง ๆ แฮร์มัน เฮสเส ก็พูดอะไรคล้าย ๆ กันว่า

       ถ้าคุณเกลียดใครสักคน คุณกำลังเกลียดบางอย่างในตัวเค้าที่มีในตัวคุณเช่นกัน ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา มันจะไม่รบกวนจิตใจเราหรอก
"If you hate a person, you hate something in him that is part yourself. What isn’t part ourselves doesn’t disturb us." – Hermann Hesse
 น่าคิดนะคะ
 

- เมื่อเราอายุมากขึ้น เราพบว่า สมบัติล้ำค่าที่สุดของเราชิ้นหนึ่งก็คือ คำพูดที่ไม่ได้พูดออกไป
 อันนี้ อ่านเจอนานแล้ว ชอบมาก เพราะเป็นคนปากไว ตอนนี้มองไปแล้วคิดว่า ใช่จริง ๆ หลายครั้ง เราดีใจที่ไม่ได้รีบด่วนพูดอะไรออกไปให้ต้องมาเสียใจทีหลัง เก็บปากไว้กินข้าวดีกว่า
 

- ความสะใจเป็นรางวัลของคนโง่ 
อันนี้ เหมือนเคยเห็นในโปสเตอร์ของคุณป้าตือ ที่ถ่ายลงในแพรว

 
- ชีวิตเป็นเรื่องของมุมมองมากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ยุงบอกว่า “มันขึ้นอยู่กับว่า คุณมองเรื่องพวกนี้ยังไง ไม่ใช่เรื่องมันเป็นยังไง ?”
 It all depends on how we look at things, and not how they are in themselves. 
Carl Jung

- เวลา “โกรธ” อย่าเพิ่งพูดอะไร   เวลา “ทุกข์ใจ” อย่าทำอะไรโดยไม่คิด  เวลา “ผิด” อย่าแก้ตัว เวลา “กลัว” อย่าเพิ่งรีบหนี เวลา “อารมณ์ดี” อย่าสัญญา เวลา “มีปัญหา” อย่าจมปลัก

- อย่าหาทำคิดมากจนเกินเหตุ คุณควบคุมทุกอย่างในกำมือไม่ได้หรอก  บางเรื่องน่ะ ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาดีกว่า (Release the burden of overthinking. Not everything is in your grasp. Some things are best left to fate.)
 
 
 
 
ว่าด้วยความรักความสัมพันธ์

- You cannot make someone love you. You can just be someone that can be loved. The rest is up to them. 
คุณทำให้ใครมารักคุณไม่ได้หรอก  คุณแค่สามารถทำตัวเป็นคนที่คนอื่นเค้าจะรักลงเท่านั้นเอง ที่เหลือแล้วแต่เค้าว่าจะรักหรือไม่รัก อ่านแล้วอมยิ้มค่ะ เหมือนที่ชอบพูดกันนะคะ ถ้าเค้าจะรัก ยืนเฉย ๆ เค้าก็รักค่ะ ถ้าไม่รัก ทำยังไง เค้าก็ไม่รัก

- 3 ข้อหลักของความสัมพันธ์

 ถ้ารัก ก็ต้องแสดงออกด้วยการกระทำ
 ถ้าเชื่อใจ ก็ต้องแสดงออกด้วยข้อพิสูจน์
 ถ้าเสียใจ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งที่กำลังทำ
  Love needs action.
  Trust needs proof.
  Sorry needs change.

 
- คำโกหกมีราคาที่ต้องจ่ายแพงเสมอ เพราะมันทำให้ความเชื่อใจสั่นคลอนหรือกระทั่งหายไป
ความซื่อสัตย์อาจจะทำให้คุณต้องสะบั้นความสัมพันธ์กับบางคน แต่มันสามารถคัดกรองคนที่ไม่คู่ควรกับการพูดความจริงของคุณทิ้งไปได้ (Honesty can cost you some relationship but it filters out those unworthy of your truth.)

 
- สิ่งที่เมื่อแตกหักจะซ่อมยากที่สุดในความสัมพันธ์คือความเชื่อใจ  เหมือนที่ฝรั่งว่า Once trust shatters, apologies lose the meanings. เมื่อความเชื่อใจสลายลง คำขอโทษก็ไร้ความหมาย

- บางที พระเจ้าก็อาจอยากให้คุณได้เจอคนที่ "ไม่ใช่" ก่อนสัก 2-3 คน ก่อนมาเจอคนที่ "ใช่" เพราะเมื่อคุณเจอคนที่ "ใช่" แล้ว คุณจะรู้สึกซาบซึ้งกับของขวัญชิ้นนั้น (Maybe God wants us to meet a few wrong persons before we meet the right one because when we do, we will be grateful for that gift.)

 
ว่าด้วยความการใช้ชีวิตทั่วไป
- การที่คุณมองใครบางคนดีกว่าที่เขาเป็นอยู่ บางที มันจะทำให้เขามั่นใจว่าเขาดีขนาดนั้นจริง ๆ จนสามารถปรับปรุงตัวเองไปถึงระดับที่คุณมองเขาได้

- คุณอาจจะสามารถใช้เสน่ห์เอาตัวรอดได้สัก 15 นาที หลังจากนั้น คุณต้องรู้อะไรบางอย่างบ้างแล้วละ (You can get on by charm for only 15 minutes. After that, you'd better know something.)

ประมาณนี้ที่ดิฉันคิดว่า โดนใจตัวเองมาก เดี๋ยวสั้น ๆ แค่นี้ก่อนนะคะ 
 

Credits : บางส่วนมาจากช่องนี้ใน youtube : 101 STOICISM WISDOM FOR LIFE
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่