รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักวิชาการของศูนย์
ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมกรณี เม.ย.-พ.ค. 53 (ศปช.) ให้สัมภาษณ์
"มติชนออนไลน์" ถึงกรณีที่ ศาลอาญาออกหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ผู้ต้องหาคดี
ร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำผิดฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าพร้อม
ออกคำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในการขอคืนพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม
ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
อาจารย์พวงทอง แสดงทัศนะในฐานะนักวิชาการ และ ศปช. โดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ ในช่วงปี 2553 ของการ
ชุมนุมคนเสื้อแดง และจากสถานการณ์ในปัจจุบันว่า หากมองในส่วนของคดีความ ปี 2553 ตลอดระยะเวลาที่ผ่าน
มานายสุเทพ ไม่ปฎิบัติตามกฎหมายและมีความพยายามปฏิบัติตัวเหนือกฎหมาย โดยอ้างว่ารัฐบาล ไม่เคารพ
กฎหมายและยกตัวอย่างการปฏิเสธคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญมาอ้างโดยตลอด ขณะที่นายสุเทพเอง ก็ไม่ไป
รายงานตัวต่อศาลจนยืดเยื้อมาสู่การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.
หากมองในมุมของ เหตุการณ์เมื่อปี 2553 นายสุเทพ ก็จะได้รับประกันตัวออกมาอย่างแน่นอนเหมือนกับกรณีของ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้รับการประกันตัวออกไป แต่หากมองในมุมของสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ศาลอาญาออก
หมายจับนายสุเทพ ซึ่งถือเป็นฉบับที่ 3 แล้ว
เชื่อว่าครั้งนี้ นายสุเทพ จะกลัวและไม่ไปรายงานตัวอย่างแน่นอน หรือ
จนกว่าจะชนะทางการเมืองและพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาล เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย
ต่างๆ เนื่องจากว่าขณะนี้มีคดีจากการชุมนุมกลุ่ม กปปส. รวมด้วย และมีโทษรุนแรงคงจะทำตัวเหนือกฎหมายเหมือน
ทุกครั้ง รวมถึงรัฐบาลก็จะไม่สามารถจับตัวนายสุเทพได้
และนี่ยิ่งจะเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับผู้สูญเสียจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมปี 2553 ทำให้อาจารย์
พวงทองเชื่อว่า ผู้สูญเสียทุกคน ต้องการให้นายสุเทพ ได้รับโทษนั่นคือ จำคุก
เมื่อถามว่าการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง กับ กลุ่ม กปปส. มีความแตกต่างกันอย่างไร อาจารย์พวงทอง
กล่าวว่า สมัยปี 2553 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ใช้กำลังทหารกับผู้ชุมนุมมากถึง 60,000 นาย มีการเบิกกระสุน 1 แสน
กว่านัด กระสุนสไนเปอร์กว่า 2,000 นัด โดยทั้งหมดนี้สามารถดูได้จากรายงานของ ศปช.ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความ
พยายามในการปราบปรามกระบวนการคนเสื้อแดง ขณะที่การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. รัฐบาลมีความพยายามในการ
เจรจาหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล ซ้ำยังมีการใช้ความรุนแรง มีบุคคลแอบแฝงในการใช้อาวุธกระทำต่อเจ้าหน้า
ที่ตำรวจจนเกิดการสูญเสีย ไม่ว่าจะที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น ที่ถนนราชดำริ บริเวณสะพานผ่านฟ้า หรือแยกหลักสี่
นอกจากนี้อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ยังกล่าวอีกด้วยว่าไม่เคยเชื่อคำพูดของนายสุเทพ ว่าจะไม่กลับมา รับ
ตำแหน่งทางการเมือง เพราะนายสุเทพ เป็นคนมีอำนาจหากไม่เล่นการเมืองเบื้องหน้าก็ชักใยอยู่เบื้องหลัง เพราะ
พรรคประชาธิปัตย์เกรงใจนายสุเทพ โดยจะเห็นได้ว่า ผู้นำของพรรคประชาธิปัตย์เองยังต้องไปแวะเวียนไปเวทีของ
กปปส. อยู่เรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่านายสุเทพยังมีอำนาจและคนในพรรคประชาธิปัตย์ยังมีความเกรงใจนายสุเทพอยู่มาก
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มกปปส.มองว่า มีการลดระดับการชุมนุมลงมามาก เพราะอาจไปต่อไม่ไหว เงินทุนไม่
เพียงพอ ผู้สนับสนุนถอนตัว หรือไม่ว่าจะเป็นผลกระทบภาคธุรกิจที่ไม่สามารถแบกรับได้ โดยกลุ่มมวลชนก็มี
จำนวนลดลง มีความรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้การชุมนุมอ่อนแอลง ทำให้ตอนนี้ความหวังของกลุ่ม กปปส.
ขณะนี้มุ่งไปที่องค์กรอิสระ และเชื่อว่าความขัดแย้งในการเมืองไทยก็ยังจะไม่หมดไป
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1394030065&grpid=&catid=01&subcatid=0100
เทพเทือก ท้าแล้ว ท้าอีก ให้คุณทักษิณ กลับมาสู้คดี
แล้ววันนี้ กี่สิบคดี ที่ถูกฟ้องอยู่ รวมถึงคดีสลายการชุมนุมปี 53 ทำไมไม่ไป
มอบตัวสู้คดีล่ะ หากจะรอให้ชนะ การต่อสู้ครั้งนี้ิ ก็คงไม่ต้องมอบตัว ทุกคดี
เพราะ ได้ รัฐถาธิปัตย์ แล้ว ทุกอย่างก็จบ
"ดร.พวงทอง" วิเคราะห์เส้นทางของ "กำนันสุเทพ" หลังโดนหมายจับคดีที่ 3 จากศาลอาญา ข่าวมติชนออนไลน์
ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมกรณี เม.ย.-พ.ค. 53 (ศปช.) ให้สัมภาษณ์
"มติชนออนไลน์" ถึงกรณีที่ ศาลอาญาออกหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ผู้ต้องหาคดี
ร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำผิดฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าพร้อม
ออกคำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในการขอคืนพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม
ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
อาจารย์พวงทอง แสดงทัศนะในฐานะนักวิชาการ และ ศปช. โดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ ในช่วงปี 2553 ของการ
ชุมนุมคนเสื้อแดง และจากสถานการณ์ในปัจจุบันว่า หากมองในส่วนของคดีความ ปี 2553 ตลอดระยะเวลาที่ผ่าน
มานายสุเทพ ไม่ปฎิบัติตามกฎหมายและมีความพยายามปฏิบัติตัวเหนือกฎหมาย โดยอ้างว่ารัฐบาล ไม่เคารพ
กฎหมายและยกตัวอย่างการปฏิเสธคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญมาอ้างโดยตลอด ขณะที่นายสุเทพเอง ก็ไม่ไป
รายงานตัวต่อศาลจนยืดเยื้อมาสู่การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.
หากมองในมุมของ เหตุการณ์เมื่อปี 2553 นายสุเทพ ก็จะได้รับประกันตัวออกมาอย่างแน่นอนเหมือนกับกรณีของ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้รับการประกันตัวออกไป แต่หากมองในมุมของสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ศาลอาญาออก
หมายจับนายสุเทพ ซึ่งถือเป็นฉบับที่ 3 แล้ว เชื่อว่าครั้งนี้ นายสุเทพ จะกลัวและไม่ไปรายงานตัวอย่างแน่นอน หรือ
จนกว่าจะชนะทางการเมืองและพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาล เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย
ต่างๆ เนื่องจากว่าขณะนี้มีคดีจากการชุมนุมกลุ่ม กปปส. รวมด้วย และมีโทษรุนแรงคงจะทำตัวเหนือกฎหมายเหมือน
ทุกครั้ง รวมถึงรัฐบาลก็จะไม่สามารถจับตัวนายสุเทพได้
และนี่ยิ่งจะเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับผู้สูญเสียจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมปี 2553 ทำให้อาจารย์
พวงทองเชื่อว่า ผู้สูญเสียทุกคน ต้องการให้นายสุเทพ ได้รับโทษนั่นคือ จำคุก
เมื่อถามว่าการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง กับ กลุ่ม กปปส. มีความแตกต่างกันอย่างไร อาจารย์พวงทอง
กล่าวว่า สมัยปี 2553 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ใช้กำลังทหารกับผู้ชุมนุมมากถึง 60,000 นาย มีการเบิกกระสุน 1 แสน
กว่านัด กระสุนสไนเปอร์กว่า 2,000 นัด โดยทั้งหมดนี้สามารถดูได้จากรายงานของ ศปช.ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความ
พยายามในการปราบปรามกระบวนการคนเสื้อแดง ขณะที่การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. รัฐบาลมีความพยายามในการ
เจรจาหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล ซ้ำยังมีการใช้ความรุนแรง มีบุคคลแอบแฝงในการใช้อาวุธกระทำต่อเจ้าหน้า
ที่ตำรวจจนเกิดการสูญเสีย ไม่ว่าจะที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น ที่ถนนราชดำริ บริเวณสะพานผ่านฟ้า หรือแยกหลักสี่
นอกจากนี้อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ยังกล่าวอีกด้วยว่าไม่เคยเชื่อคำพูดของนายสุเทพ ว่าจะไม่กลับมา รับ
ตำแหน่งทางการเมือง เพราะนายสุเทพ เป็นคนมีอำนาจหากไม่เล่นการเมืองเบื้องหน้าก็ชักใยอยู่เบื้องหลัง เพราะ
พรรคประชาธิปัตย์เกรงใจนายสุเทพ โดยจะเห็นได้ว่า ผู้นำของพรรคประชาธิปัตย์เองยังต้องไปแวะเวียนไปเวทีของ
กปปส. อยู่เรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่านายสุเทพยังมีอำนาจและคนในพรรคประชาธิปัตย์ยังมีความเกรงใจนายสุเทพอยู่มาก
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มกปปส.มองว่า มีการลดระดับการชุมนุมลงมามาก เพราะอาจไปต่อไม่ไหว เงินทุนไม่
เพียงพอ ผู้สนับสนุนถอนตัว หรือไม่ว่าจะเป็นผลกระทบภาคธุรกิจที่ไม่สามารถแบกรับได้ โดยกลุ่มมวลชนก็มี
จำนวนลดลง มีความรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้การชุมนุมอ่อนแอลง ทำให้ตอนนี้ความหวังของกลุ่ม กปปส.
ขณะนี้มุ่งไปที่องค์กรอิสระ และเชื่อว่าความขัดแย้งในการเมืองไทยก็ยังจะไม่หมดไป
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1394030065&grpid=&catid=01&subcatid=0100
เทพเทือก ท้าแล้ว ท้าอีก ให้คุณทักษิณ กลับมาสู้คดี
แล้ววันนี้ กี่สิบคดี ที่ถูกฟ้องอยู่ รวมถึงคดีสลายการชุมนุมปี 53 ทำไมไม่ไป
มอบตัวสู้คดีล่ะ หากจะรอให้ชนะ การต่อสู้ครั้งนี้ิ ก็คงไม่ต้องมอบตัว ทุกคดี
เพราะ ได้ รัฐถาธิปัตย์ แล้ว ทุกอย่างก็จบ