เกาะกระแสสิบล้อดริฟ เล่าประสบการณ์การหมี่เหลืองกับรถบัสครั้งแรกในชีวิตสาวโรงงานจนๆ(ตอน2 ภาคจบแล้วจ้า)

คำเตือน
1.เนื้อหายาวสาระไม่มีตามเดิม น้ำเน้นๆไหลท่วมทุ่งไปเรื่อยๆ อยากอ่านสั้นๆแนะนำให้ปิดทู้นี้ซะไม่ต้องอ่านต่อเพราะมันยาว555
2.ทู้นี้มีการใช้ภาษาไม่ถูกหลักภาษาไทย กรุ ตรุ เมิง เฟร๊ย เอ๊ย เหร๋ย ฟามจริง อะไรเทือกเนี้ย ขอบอกเลยว่ามันเป็นสไตล์5555 อยากอ่านแบบถูกหลักภาษาไทยเชิญเปิดราชบัณฑิตยสถานท่องศัพท์ได้ตามสะดวกโยธินเลยค่ะ!
3.เนื้อหาอาจมีภาษาต่างประเทศปะปนเป็นระยะๆเนื่องจากจขกท.เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแถวอุบล อุดร ขอนแจ่นมาก่อน เอิ๊กกกกกกกกกกก ใครแปลได้ช่วยแปลซับไตเติ้ลให้ด้วยเด้อ

เอาล่ะ เข้าเรื่อง ท้าวฟามสั้นๆตอนเดิมตอนที่แล้ว เล่าค้างไว้ว่า หลังจากด่ากันหน้าตลาดจบแล้ว
เรื่องมาจบลงได้ตรงที่ สาวโรงงานได้ใบขับขี่ของฝ่ายคู่กรณีที่ผิดมาก่อน แล้วจดเบอร์โทรของบริษัทที่อยู่ข้างรถมา
เพื่อตามหาคู่กรณีเพื่อชดใช้ เพราะวันนั้น ที่ยืนด่าเขาเหย็งๆอยู่นั้น โทรศัพท์ก็ลืมเอาไปจากบ้าน
รถทั้งคันไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองจากการถูกกระทืบได้เลย แม้แต่ปากกาสักแท่งที่จะใช้จดเบอร์โทรข้างรถ
ทะเบียนรถของคู่กรณีก็ไม่มี คุ้ยหาจนนาทีสุดท้าย เจอดินสอกากๆที่ได้มาจากห้องสัมนาในโรงแรมมาจดใส่เศษกระดาษที่ตกๆอยู่ในรถ
พอเราได้ใบขับขี่กับบัตรประชาชนจากรถบัสมาแล้ว เราก็จดรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้วจะแยกย้าย
ค่อยมานัดเคลียกันที่ในเวลโกลว เนื่องจากรถบัสก็ต้องไปส่งพนักงานให้ทันเวลาก่อน และเราก็ต้องรีบไปเข้างานเช่นกัน
คุณตำรวจที่มาถามว่าเกิดอะไรขึ้นก็ช่วยถ่ายรูปไว้ให้ และบอกว่าถ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาเขาที่ป้อมได้
(ตอนนั้นรู้สึก ปลาบปลื้ม โอ้วววว จราจรไทยสายพันธ์หายาก แท้จริงแล้วยังไม่สูญพันไปจากประเทศไทยนะคะ)


ภาพตัดกลับมาที่นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว
เราเข้ามาถึงออฟฟิศ ติดต่อไปตามเบอร์ข้างรถที่จดมา
เรา: สวัสดีค่ะ คือว่าเมื่อเช้านี้เกิด อบ.เฉี่ยวชนกับรถบัสทะเบียน…..และคู่กรณีเป็นฝ่ายถูก
แล้วจะติดต่อขอตกลงเรื่องประกันต้องติดต่อใครค่ะ
ปลายสาย: อ๋อ ถ้าแจ้งอุบัติเหตุไม่ใช่เบอร์นี้นะคะ ต้องโทร…..ค่ะ
(ฝ่ายโลกมืดทำงาน: นึกในใจเอาล่ะเว้ย เริ่มมีการโบ้ยไปทางนั้ยทีทางนี้ทีแล้ว หึ พวกบริษัทรถบัสนี่มันเป็นแบบนี้ทุกที่หรือเปล่านะ
แบบที่ยัยเจ้เกียวนครชัยแอร์ชอบว่านั่นละ ว่าธุรกิจแบบนี้ ไม่เจ๋งจริงอยู่ไม่ได้หรอกเพราะกุ๊ยมันเยอะ
ห๊ะ นี่ชั้นกำลังจะเจอกุ๊ยแบบที่ยายเจ๊เกียวบอกหรือเปล่าฟร๊ะ//เริ่มมโนแบบต่อเนื่อง)
เรา : ค่ะ ได้ค่ะ โทษนะคะ ดิชั้นพูดสายกับใครค่ะ เผื่อว่ามีอะไรสอบถามเพิ่มจะได้ทราบว่าได้ข้อมูลจากใคร
ปลายสาย: ดิชั้น……..เดี๋ยวคุณโทรไปเบอร์นั้นนะคะ ติดต่อคุณ…….

เรื่องเริ่มจะเยอะ เอาไงเอากันฟร๊ะ ยังไงก็ได้บัตรปชชกับใบขับขี่มาแล้ว ถ้าติดต่อใครไม่ได้เรื่องมากนัก
เรื่องนี้ถึงครูอังคนาเอ้ยจ่าเฉยแน่!!! แล้วติดต่อไปตามเบอร์ที่ได้รับมา ผิดคาดจ๊ะ ปลายสายคุยดีนะคะ
ต่างจากไอ่พี่เข้ที่มันจะไปเวลโกรว เวลโกรวท่าเดียวเมื่อเช้านี้เลยหล่ะ เนื่องจากรถเราและคู่กรณีเป็นประกันบริษัทเดียวกัน
ทางปลายสายแจ้งว่า  เดี๋ยวจะแจ้งเป็นคนแจ้งประกันเองแล้วจะให้ลูกน้องขับรถมารอประกันที่หน้าบริษัทเรา
ตอนนั้นก็แบบ ห๊ะ อัลลัยน๊ะ ทำไมต้องมาเจอที่บริษัทด้วย อย่างนี้ชีวิตช้านต้องไม่ปลอดภัยแล้วสิ
ด่าเขาไว้ซะเยอะ เมื่อเช้า ไม่เคยโมโห ด่าสติแตกขนาดนี้มาก่อน เกิดเขามาเอาคืน เอาน้ำกรดมาสาดหน้าตรุจะทำไงว้า
(แต่ก็บอกที่นัดหมายให้เขาไป) ตอนนั้นเราอารมณ์เย็นขึ้นเยอะแล้ว จริงๆรถก็ไม่ได้เป็นรอยลึกมาก
พูดตรงๆนะ จริงๆอย่างที่บอกว่าเมื่อเช้านี้ก่อนออกจากบ้านก็ถอยรถไปครูดเสาบ้านเป็นรอยไม่ยาวหรอกแต่ลึกกว่าแผลที่รถบัสทำอยู่ดี
จริงๆเราก็ต้องเคลมชิ้นนั้นอยู่แล้ว (เริ่มสงสารที่ด่าเขาไปเยอะ) ….คิดในใจเอ๊ะ หรือตรุจะไม่เอาเรื่องดี  


เอาหล่ะ จิตมโนฝ่ายดีเริ่มทำงาน Go!!!!
จิตมโนฝ่ายดี : จริงๆแกก็ต้องเคลมชิ้นนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แกคิดดูนะเว้ย ถ้าแกเอาเรื่องกับรถบัส
เขาไม่ใช่เจ้าของรถ เขาเป็นลูกน้อง ที่รับจ้างขับรถ เขาอาจจะถูกหักเงินค่าแรงวันนี้ทั้งวัน ถ้าเขามีลูก มีเมีย
คนที่เหลือเขาจะอยู่ยังไงเขาจะลำบากมั้ย กับการที่เราไปเรียกร้องว่าเขาต้องชดใช้ในสิ่งที่เขาทำผิด
ทั้งๆที่เธอไม่ต้องเรียกร้องให้เขาใช้ก็ได้เพราะยังไงมันก็เคลมได้ เพราะมันเป็นชิ้นเดียวกันอยู่แล้ว


มโนฝ่ายเหตุผล(ส่วนตัว)  : หยุดๆ เธออย่ามาทำให้ชั้นไขว้เขว  ชั้นทำรถเป็นรอยอยู่แล้วแต่แรก
และชั้นต้องเคลมชิ้นนั้นอยู่แล้วก็จริง แต่กรุณาแยกประเด็นด้วย  ถ้าเขาไม่มักง่าย ขับแทรกขึ้นมา เบียดชั้น
เรื่องทั้งหมดนี้มันจะไม่เกิดขึ้น และถ้าเขายอมรับว่าเขาผิด ชั้นอาจจะปล่อยผ่านก็ได้ แต่นี่!!! เธออย่าลืมน่ะ
ว่าเค้าหาว่าชั้นไปเบียดเค้า  เชร๊ดด ชั้นจะไปเบียดเขาทำไม ไม้ซีกแบบชั้นจะไปงัดกะรถใหญ่แบบนั้น
ชั้นจะอยากทำเพื่อ? และถ้าชั้นปล่อยไป เขาก็จะต้องไปทำพฤติกรรมแย่ๆแบบนี้กับคนอื่นโดยที่เขาคิดว่า
คู่กรณีจะไม่เอาเรื่องแบบนี้ต่อไปหรอ หึ!!! ไม่ใช่ชั้นแน่นอน มันต้องทำให้เขารู้สึกว่า เขาจะมาทำพฤติกรรมมักง่าย
แล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อนแบบนี้อีกไม่ได้

เอาล่ะ ชั้นชะนีเวลโกรว ตัดสินใจแล้วว่า  เหตุการณ์ทุกอย่างมันต้องดำเนินต่อไปตามหลักที่มันควรจะเป็น  
ไม่มีคำว่า สงสารมาหักล้างความถูกต้องได้แน่นอน หึ!!!!

สักพัก รปภ.ที่ป้อมยามของโรงงานโทรขึ้นมาแจ้งว่า คู่กรณีมารอแล้วที่หน้าโรงงาน   ประมาณสิบโมงครึ่งแดดกำลังเปรี้ยงได้ที่เลย  
เราเดินออกไปแหวกม่านกระจกดูจากบนออฟฟิศ  เห็นรถบัสมาจอดรอแล้วจริงอย่างที่รปภ.แจ้ง  ภาพที่เห็นคือ.....
คนขับรถบัสมารอ กระโดดข้ามร่องระบายน้ำหยองแหยง เอาผ้าไปจุ่มน้ำในร่องระบายน้ำหน้าโรงงานเรา
ไปเช็ดทำความสะอาดรถของเขา เช้ด เช็ดๆๆ อยู่นั่นละ รถคันเบ่อเร่อบาร่า คันบักใหญ่บักเต คันบักเอ๊บบักอ๊าบ
(แปลทั้งหมดทั้งมวลแปลว่ารถคันใหญ่มาก เอ้ยยยยเขียนเพลินภาษาต่างประเทศออก 555)
เขาก็ยังขมักเขม้น เช็ด เช็ด  (จิตมโนฝ่ายดีเริ่มมโนเองไปคนเดียวในใจอีกครั้ง  
เหร๋ยชะนี เราคิดว่าเขาขับรถมักง่ายทำความเดือดร้อนให้คนอื่น แต่เขาก็ยังรักอุปกรณ์ทำมาหากินของเขานะเว้ยน่ะ
เขาจะเดือดร้อนแค่ไหนจากอุบัติเหตุครั้งนี้ เขาจะถูกหักค่าแรงไหม หรือถ้าเขาถูกให้ออกจากงาน
เขาจะลำบากไหม ถ้าเขามีครอบครัว มีแม่ มีพ่อ มีเมีย หรือลูกต้องดูแล เขาอาจจะลำบากก็ได้ เหร๋ยชะนี
แกคิดจะเอาเรื่องเขาจริงป่ะ ยังคิดอยู่ใช่ป่ะ? ) และแล้วก็ถูกจิตมโนอีกฝ่ายหาเหตุผล(สตึๆ)มาหักล้างกัน
นี่ชะนี เปลี่ยนใจตอนนี้ไม่ทันแล้ว เรื่องถึงประกัน ประกันทำเรื่อง ออกเอกสารอะไรมากมาย และประกันคู่กรณีกำลังจะมา
เธอจะมาเปลี่ยนใจตอนนี้มันไม่ทันแล้วเว้ย  ถ้าแกไม่อยากให้เขาชดใช้  แกควรจะไม่เอาเรื่องเขาตั้งแต่ตอนเช้านู่น
ตอนที่แกโมโหแล้วด่าเขาเหย็งๆ ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะฉะนั้นโปรดหยุดความสงสารของเธอ ไปใช้ที่อื่น!!


ภาพตัดกลับมาที่   (สาวโรงงานเดินไปหาแม่บ้าน)  : ป้าแม่บ้านค่ะ รบกวนช่วยเอาเป็บซี่ไปเสริฟข้างล่างให้สักกระป๋องนะคะ
พอดีเขาเป็นคู่กรณีเกี๊ยมอี๋เอง เขามารอประกันอยู่ เขาคงร้อน

บอกตรงๆเมื่อเช้า ตอนที่ของขึ้น ด่าแหลกนั้นโมโหมาก ระหว่างที่ขับรถแยกย้ายกันออกมาก็ยังฟึดฟัดอยู่
ตอนนั้นคิดว่า หึ ถ้าเจออีกรอบ ตรุจะด่าอีกรอบ ถ้าหัวหน้ามันมาด้วยก็จะด่าให้หัวหน้ามันฟังถึงความมักง่ายของลูกน้องตัวเอง
ด่าให้ประกันฟังด้วย ว่ามันเป็นมาเป็นไปยังไง เช๊อะ!!! แต่พอเอาเข้าจริงๆ ถึงเวลาที่กว่าประกันจะมา
กว่าจะได้คุยกัน เราก็อารมณ์เย็นขึ้นเยอะมากแล้ว ตอนที่รปภ.โทรขึ้นมาแจ้งอีกครั้งว่าประกันมาแล้วนั้น
เราถามตัวเองว่า การพูดคุยยังจะร้อนแรงแซ่บเว่อ แบบที่เราตั้งใจไว้หรือเปล่า คำตอบคือไม่
เราบอกตัวเองว่า เราจะใช้สติในการพูดคุยให้มากที่สุด ตัดความโกรธ โมโห ที่เป็นอารมร์ทิ้งให้หมด
และจะพูดกับเขาดีๆ แม้เขาจะทำให้เรายุ่งยากสำหรับวันนี้ก็ตาม

พอลงไปข้างล่างเท่านั้นแหละ คุณเอ๊ยยยยย  เหตุการณ์มันน่าให้วินมอไซค์มาตื๊บๆๆๆมันเริ่มจากตรงนี้
ดีกรีฟามกวนเทรนของพี่เข้ยังคงเดิม พอเราลงไป มันเริ่มสั่งการเราอีก
พี่เข้ : รถๆ เอารถออกมาด้วย ไปถอยรถออกมา
สาวโรงงาน : นึกในใจ เอ๊าอะ ไรฟร๊ะ รถตรุจอดอยู่ในรั้วโรงงานแล้ว ปกติเคลมประกัน
ก็จะให้ประกันเข้ามาถ่ายรูปรถด้านไม่เคยต้องขับออกไปซักที (แต่ก็ไปถอยรถออกมานอกรั้ว)
ประกันสอบถามรายละเอียดการเกิดเหตุกับคู่กรณีเรียบร้อยก่อนที่เราจะลงไปแล้ว และพอเราเอารถไปจอด
ประกันก็ขอถ่ายรูปรถเราและสอบถามรายละเอียดการเกิดจากเรา ปึ๊บ พี่เข้ก็แทรกขึ้นมา
พี่เข้ : เพ่ๆ(เรียกประกัน) จบยัง ของผมเสร็จแล้วป่ะ ไปได้ยัง ต้องเซ็นไรอีกมะ
(ระหว่างที่รอก็แสดงอาการ กวนทรีนสารพัด ขยุกขยิก ไปคุยกะคนนั้นทีคนนี้ที โอ้ยยยบักพากเอ้ย)
ประกัน: ยังๆเดี๋ยวรอเซ็นเอกสารแป๊บนึงครับ
คือประกันต้องกรอกรายละเอียดการให้ปากคำของของเราลงในเอกสารและให้เขาเซ็นรับทราบว่า เหตุเกิดตามที่เราแจ้งจริงๆ
พอเขียนเสร็จ ประกันก็เอาให้พี่เข้เซ็น พอเซ็นจบ มันพูดว่าไงรู้มั้ย ฮึ่มๆๆๆๆ
พี่เข้ : จบแล้วใช่ป่ะ แค่นี้ใช่มั้ย จะไปแล้ว รถก็ไม่เป็นอะไรมากสักหน่อย ยุบก็ไม่ยุบเป็นแค่รอบข่วนแค่นั้น
ต้องเรื่องเยอะทำให้คนอื่นเขาเสียเวลานอน!!!
แขวะตรุส่งท้ายอีก โอ้ย บักฮวกเอ้ยยยยย มางึดเมิงแท้ ซ่างบ่ตายถิ่มไปแต่ยังเป็นเด็กน้อยแหน่น้อ
ขั่นซั่วปานนั่น!! บักพากเอ้ย เกิดมาบ่เคยพบเคยพ้อคนฮ่าหยัง  มากวนตรีนคักแท้ เกิดมาแม่เคยหยอกจักเทื่อบ่ ?
หึ๊ บักผีผ่วน  มันต้องเจอกรุอีกจักบาดซะน้อ // หลับตา2วินาทีเพื่อแปลงร่าง (ใครไม่เข้าใจภาษาต่างประเทศแนะนำให้อ่านข้ามสองบรรทัดก่อนหน้าไป)

สาวโรงงาน: เออ ก็รู้นี่ว่าเสียเวลา ขับรถมักง่ายแบบนี้ คุณเสียเวลาคนเดียวหรอ คนอื่นเขาก็เสียเวลาเหมือนกันนั่นแหละ
ที่ชั้นเสียเวลา และก็เสียหายเนี่ย มันไม่ใช่ความผิดชั้นเลยสักนิด ชั้นขับอยู่เฉยๆมันก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้
ถ้าบังเอิญไม่ได้ขับมาเจอพวกมักง่ายแบบคุณ ผิดแล้วยังไม่รู้จักสำนึก ขอโทษสักคำก็ไม่มี รู้ว่าเสียเวลาก็ดีแล้ว  
งั้นก็จ่ายค่าเสียเวลามาให้ชั้นด้วยแล้วกัน เมื่อเช้าชั้นสายมาทำงานไม่ทัน ถูกหักเบี้ยขยันพันนึง
และชั้นต้องสียเวลาเพื่อเอารถไปซ่อม และกลับอีก2วัน ชั้นคิดวันละพัน ระหว่างที่รถต้องจอดทำสี5วัน
ชั้นต้องนั่งแท๊กซี่ไปกลับจากบ้านถึงที่ทำงานวันละ700บาท  รวมทั้งหมด 7500บาท จ่ายมาเลยตอนนี้ให้ประกันเป็นพยาน
หรือไม่อย่างนั้นก็ไปบอกหัวหน้าคุณว่าชั้นเรียกร้องให้จัดหารถมาให้ชั้นใช้ทดแทนระหว่างที่รถชั้นเข้าอู่
ไม่อย่างนั้นก็ไปเคลียกับตำรวจ ตามนี้ จ่ายมาสิ (ไดอะล็อกทั้งหมดที่พูดมา ไหลออกมาจากสมองอย่างรวดเร็ว
ไม่เว้นแม้กระทั่งการคำนวนเลขจ่าย ไม่อยากเชื่อว่าคนสมองโง่เลขจะพูดไหลลื่นได้ขนาดนี้)
ประกัน : อึ้ง (คงนึกใจใจ เอ๊างานเข้ากรุซะงั้น555)
พี่เข้ : เงียบ
สาวโรงงาน : (เปิดเกมส์รุกต่อเนื่อง) เอาไง ถ้ารู้ว่าเสียเวลาก็จ่ายมา (ทำหน้ากวนทรีน พร้อมแบมือรอรับตัง//ไหวไหล่เบาๆอย่างผู้ชนะ5555)
พี่เข้ : โหว ถ้าพี่เรียกขนาดนั้นก็ไม่มีหรอกครับ แต่พี่อย่าให้เรื่องถึงตำรวจเลย มันยุ่งยาก(เสียงอ่อนขึ้นมาทันที)
สาวโรงงาน: อืม ก็รู้นี่ว่ามันจะยุ่งยาก แล้วชั้นต้องมาเสียเวลาเพราะคุณ แล้วคุณยังจะพูดออกมาได้ว่าเสียเวลานอน
คุณแค่เสียเวลานอน รถบริษัทคุณเสียหายก็คงไม่เกี่ยวกับคุณสักเท่าไหร่ เพราะคุณคงคิดว่ามันไม่ใช่ของคุณ แต่คุณขับไม่ระวัง
คุณไม่นึกถึงว่าคนอื่นเขาจะเดือดร้อนเพราะคุณไหม ชั้นบอกเลยว่ามันแย่!  ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องจ่ายหรอก ก็จบแค่นี้แหละ
เอานี่คืนไป(ยื่นบัตรประชาชนกับใบขับขี่คืนให้) ทีหลังก็ขับให้มันระวัง เกิดมันไม่ใช้แค่เฉี่ยว ถ้าไปชนใครจังๆอันตราย
เกิดมีคนตายคุณจะแย่กว่านี้ คุณเองนั่นแหละจะเดือดร้อน จะถือว่าเป็นรถใหญ่แล้วจะมาเบียดคนอื่น เพราะคิดว่าตัวเองไม่เสียหายก็คิดผิด
ถ้าคิดว่าใครๆก็จะไม่เอาเรื่อง เพราะไม่อยากมากความมันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอก โชคร้ายหน่อยนะที่มาเจอชั้น เพราะชั้นไม่เหมือนคนอื่น
พี่เข้ : ครับ ขอโทษและขอบคุณมากครับ
เรื่องมาจบแล้วจริงๆตอนที่แยกย้ายกันกลับฐานที่มั่น สุดท้ายมันยังแสดงความเสี่ยวสไตล์บัสตื๊ด ด้วยการเปิดเพลงลั่นซอย
บักห่านคั่ว อย่าให้กรุเจอเมิงอีกเด้ กุจำได้เด๊ ทะเบียนรถเมิงนี่ บักพาก!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่