สวัสดีทุกท่านค่ะ
ดิฉันเพิ่งเปิดบริษัทได้ไม่นาน และได้มีลูกค้าเป็นบริษัท T มาติดต่อให้ผลิตสินค้าให้ โดยต้องพิมพ์ตราโลโก้ของเขาลงบนสินค้าด้วย โดยทางลูกค้าเซ็นใบเสนอราคาและประทับตราบริษัทฯ กลับมาเมื่อปลายเดือนมกราคม 57 ซึ่งในใบเสนอราคา มีหมายเหตุระบุว่า ทางดิฉันจะผลิตสินค้า หลังจากได้รับเงินค่ามัดจำ 50% ซึ่งต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ดิฉันได้ทำตัวอย่างกระเป๋าพร้อมงานสกรีนไปให้เขาดูที่บริษัท ทางลูกค้าที่เป็นคนประสานงานก็สรุปสีสกรีนให้กับดิฉัน และแจ้งว่าฝ่ายบัญชีจะโอนเงินไปให้ในไม่ช้า
หลังจากที่ลูกค้าตกลงแล้ว ลูกค้าก็แจ้งย้ำว่าผลิตทันวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นี้นะ ดิฉันก็ยืนยันกลับไปและบอกว่าจะเร่งผลิตให้ (ซึ่งเป็นการยืนยันด้วยวาจา) ซึ่งวันรุ่งขึ้นดิฉันก็ไปติดต่อซัพพลายเออร์ให้เตรียมวัตถุดิบเพื่อทำสินค้า ระหว่างนี้ดิฉันก็ติดต่อกลับทางลูกค้าที่เป็นผู้ประสานงานตลอด ว่าเรื่องมัดจำเป็นอย่างไร ดิฉันทำสินค้าให้อยู่นะคะ ทางลูกค้าก็บอกว่ากำลังตามเรื่องให้ รอผู้บริหารเซ็นเช็คมัดจำ ซึ่งการติดต่อนี้จะเป็นทางโทรศัพท์ตลอด ไม่ได้มีส่งอีเมลหรือจดหมายโต้ตอบกัน
จนกระทั่งวันที่ดิฉันผลิตสินค้าเสร็จ (ผลิตเสร็จ 17 กุมภาพันธ์) ดิฉันจึงได้ติดต่อไปที่ฝ่ายบัญชี สอบถามเรื่องเงินค่าสินค้าว่าจะขอรับเช็คค่าสินค้าทั้งหมดในคราวเดียว ทางฝ่ายบัญชีตอบกลับมาว่า สินค้านี้เจ้านายเขาให้ Hold ไว้ก่อนนะคะ ยังไม่ได้สั่งทำ เพราะยังไม่ได้วางเงินมัดจำนี่คะ แล้วทางคุณผลิตสินค้าทำไม (ดิฉันอึ้งไปเลยค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เฉลียวใจเลยที่จะสอบถามมาทางฝ่ายบัญชี และคิดว่าคนประสานงานจะช่วยดำเนินการให้ เพราะดิฉันโทรสอบถามคนประสานงานแต่ละครั้ง เขาก็บอกตามให้อยู่)
หลังจากวางสายจากทางฝ่ายบัญชี ดิฉันก็โทร.หาคนประสานงานเลยค่ะ เขาบอกว่าจะขอคุยกับฝ่ายบัญชีและเจ้านายให้ก่อนแล้วจะติดต่อกลับ พอวันรุ่งขึ้นดิฉันโทร.เข้าไปสอบถาม คนประสานงานก็พูดเหมือนกับฝ่ายบัญชีเลยค่ะ ว่าทาง บริษัท T ยังไม่ได้วางมัดจำ แล้วคุณทำสินค้าทำไม เพราะทางเราคิดว่าถ้ายังไม่วางมัดจำ ทางดิฉันก็จะไม่ผลิตสินค้า
ดิฉันเลยแจ้งกลับไปว่า เพราะทางลูกค้าเซ็นใบสั่งซื้อกลับมาแล้ว และระยะเวลาที่ต้องการสินค้าก็กระชั้นชิด อีกทั้งตอนที่เข้าไปพบ ทางลูกค้าแจ้งว่าผลิตเสร็จทัน 25 กุมภาพันธ์ แน่ๆ นะ ดิฉันจึงได้ดำเนินการผลิต เพราะเชื่อถือในตัวลูกค้า และดิฉันก็ได้เข้าพบที่บริษัทลูกค้าแล้ว (แต่ดิฉันไม่ได้พบผู้บริหาร เข้าพบแต่ฝ่ายการตลาดและ IT ที่ดูแลงานนี้) ทางลูกค้าก็แสดงน้ำเสียงและคำพูดบ่ายเบี่ยง โดยยืนยันว่า ยังไม่ได้จ่ายมัดจำ แล้วทางคุณทำกระเป๋าทำไม ดิฉันก็แจ้งกลับไปว่า ถ้าทางคุณยังไม่ต้องการทำสินค้า แล้วทางคุณเซ็นใบเสนอราคาทำไม แล้วระหว่างที่ดิฉันสอบถามเรื่องเงินมัดจำ ทางคุณก็ไม่ได้มีแจ้งว่าให้ Hold งานไว้ก่อน – ดิฉันยอมรับค่ะ ว่าอารมณ์ขึ้น แต่พยายามพูดจาให้สุภาพเข้าไว้
ดิฉันขอสอบถามด้วยประโยคยอดฮิตค่ะ “ดิฉันควรทำอย่างไรดีค่ะ” ดิฉันเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่ทางมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เซ็นใบเสนอราคากลับมา แล้วดิฉันก็เตรียมวัตถุดิบไว้แล้ว (โดยที่ทางมหาวิทยาลัยยังไม่ได้วางมัดจำ) แต่ยังโชคดีที่ทางมหาลัยไม่ยอมสรุปแบบโลโก้สักที ดิฉันก็สอบถามไปเรื่อยๆ จนไปเจอเจ้าของงาน (ก่อนหน้านี้ประสานงานกับฝ่ายจัดซื้ออย่างเดียว) เจ้าของงานถึงมาเฉลยว่า ทางคณบดีไม่อนุมัติ และยกเลิกไปก่อน— ดิฉันก็คิดในใจ ดีแท้หนอ คณบดีไม่อนุมัติ แล้วท่านไม่รู้หรือไงว่าลูกน้องท่านได้ให้หัวหน้าฝ่ายเซ็นใบสั่งซื้อมาแล้ว ดิฉันก็ติดต่อไปทางฝ่ายจัดซื้อทันที เจ้าหน้าที่จัดซื้อพูดว่า จะไปฟ้องร้องก็ได้นะคะ (โอ้...คุณพระ ดิฉันอึ้งไปเลยค่ะ เจ้าหน้าที่จัดซื้อพูดออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำมาก พอไปปรึกษาน้องที่เป็นทนาย เขาบอกว่า ยอดเงินค่ากระเป๋าของพี่มันไม่เป็นหลักล้าน พี่ฟ้องไปก็เหนื่อยเปล่า แถมเสียเวลาครับ) หลังจากนั้น ดิฉันก็ติดต่อเจ้าของงาน ปรากฏว่า เขาลาออก และไม่มีใครรับเรื่องต่อ ฝ่ายจัดซื้อก็ลอยตัว – ดิฉันก็ได้แต่ทำสินค้าขึ้นมาแล้วขายออกไปในราคาถูก (ดีกว่าขายไม่ออก)
แต่สำหรับกรณีล่าสุดนี้ กับบริษัท T ดิฉันยอมรับค่ะว่าประมาท และเชื่อใจมากเกินไป ว่าเขาเซ็นใบสั่งซื้อมาแล้ว ต้องเอากระเป๋าแน่นอน แต่กลับตาลปัตร เป็นเช่นนี้ ดิฉันจึงจะมาขอให้ทุกท่านโปรดให้คำแนะนำด้วยนะคะ ถึงแม้มูลค่าสินค้ามันจะไม่ได้เป็นหลักล้าน แต่น้ำพักน้ำแรงที่ลงไป เงินทุนที่ลงไป ดิฉันก็ไม่อยากให้มันสูญเปล่าค่ะ
เป้าหมาของดิฉันคือให้ลูกค้ารับสินค้าพร้อมกับชำระเงิน ตอนนี้ดิฉันวางแผนจะดำเนินการตามแผนข้างล่างนี้ ผิด-ถูก อย่างไร โปรดชี้แนะด้วยนะคะ
แผน A : ติดต่อลูกค้าว่าจะขอเข้าพบผู้บริหารที่เป็นคนเซ็นอนุมัติสั่งซื้อ – ถ้าได้พบ จะสอบถามเรื่องสินค้าที่ผลิตเสร็จจะให้จัดส่ง และชำระเงินอย่างไร ดิฉันควรพูดด้วยประโยคแบบใดดีคะ เพื่อให้ลูกค้ายอมเข้าพบ ขอเทคนิคด้วยค่ะ
แผน B : ลดราคาสินค้าลง เพื่อให้ลูกค้าชำระค่าสินค้า และรับสินค้าไปทั้งหมด เพราะอย่างไร ดิฉันก็ไม่สามารถขายสินค้าให้เจ้าอื่นๆ ได้ เพราะมีตราโลโก้ของลูกค้าแล้ว
แผน C : ถ้าลูกค้าบ่ายเบี่ยง หรือยื้อ ดิฉันคิดว่าจะแจ้งเขาว่าจะดำเนินการฟ้องศาลค่ะ (มูลค่าสินค้าตามหน้าใบเสนอราคาคือ 120,000 บาท รวม vat แล้ว) // มันจะคุ้มกันไหมคะ และค่าธรรมเนียมในการออกหมายศาลมีอะไรบ้างค่ะ
ส่วนแผนอื่นๆ ยังคิดไม่ออกค่ะ ตอนนี้ยอนรับว่ากดดัน เพราะงานน้อยลงและเจอลูกค้าบ่ายเบี่ยงงานแบบนี้ ดิฉันอยากจบสรุปให้ได้เร็วที่สุด (ถ้าเป็นไปได้) รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ _/\_
++ ทำอย่างไรดี ลูกค้าเซ็นใบเสนอราคาสั่งทำสินค้า แต่พอสินค้าผลิตเสร็จ แล้วไม่รับสินค้า ++
ดิฉันเพิ่งเปิดบริษัทได้ไม่นาน และได้มีลูกค้าเป็นบริษัท T มาติดต่อให้ผลิตสินค้าให้ โดยต้องพิมพ์ตราโลโก้ของเขาลงบนสินค้าด้วย โดยทางลูกค้าเซ็นใบเสนอราคาและประทับตราบริษัทฯ กลับมาเมื่อปลายเดือนมกราคม 57 ซึ่งในใบเสนอราคา มีหมายเหตุระบุว่า ทางดิฉันจะผลิตสินค้า หลังจากได้รับเงินค่ามัดจำ 50% ซึ่งต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ดิฉันได้ทำตัวอย่างกระเป๋าพร้อมงานสกรีนไปให้เขาดูที่บริษัท ทางลูกค้าที่เป็นคนประสานงานก็สรุปสีสกรีนให้กับดิฉัน และแจ้งว่าฝ่ายบัญชีจะโอนเงินไปให้ในไม่ช้า
หลังจากที่ลูกค้าตกลงแล้ว ลูกค้าก็แจ้งย้ำว่าผลิตทันวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นี้นะ ดิฉันก็ยืนยันกลับไปและบอกว่าจะเร่งผลิตให้ (ซึ่งเป็นการยืนยันด้วยวาจา) ซึ่งวันรุ่งขึ้นดิฉันก็ไปติดต่อซัพพลายเออร์ให้เตรียมวัตถุดิบเพื่อทำสินค้า ระหว่างนี้ดิฉันก็ติดต่อกลับทางลูกค้าที่เป็นผู้ประสานงานตลอด ว่าเรื่องมัดจำเป็นอย่างไร ดิฉันทำสินค้าให้อยู่นะคะ ทางลูกค้าก็บอกว่ากำลังตามเรื่องให้ รอผู้บริหารเซ็นเช็คมัดจำ ซึ่งการติดต่อนี้จะเป็นทางโทรศัพท์ตลอด ไม่ได้มีส่งอีเมลหรือจดหมายโต้ตอบกัน
จนกระทั่งวันที่ดิฉันผลิตสินค้าเสร็จ (ผลิตเสร็จ 17 กุมภาพันธ์) ดิฉันจึงได้ติดต่อไปที่ฝ่ายบัญชี สอบถามเรื่องเงินค่าสินค้าว่าจะขอรับเช็คค่าสินค้าทั้งหมดในคราวเดียว ทางฝ่ายบัญชีตอบกลับมาว่า สินค้านี้เจ้านายเขาให้ Hold ไว้ก่อนนะคะ ยังไม่ได้สั่งทำ เพราะยังไม่ได้วางเงินมัดจำนี่คะ แล้วทางคุณผลิตสินค้าทำไม (ดิฉันอึ้งไปเลยค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เฉลียวใจเลยที่จะสอบถามมาทางฝ่ายบัญชี และคิดว่าคนประสานงานจะช่วยดำเนินการให้ เพราะดิฉันโทรสอบถามคนประสานงานแต่ละครั้ง เขาก็บอกตามให้อยู่)
หลังจากวางสายจากทางฝ่ายบัญชี ดิฉันก็โทร.หาคนประสานงานเลยค่ะ เขาบอกว่าจะขอคุยกับฝ่ายบัญชีและเจ้านายให้ก่อนแล้วจะติดต่อกลับ พอวันรุ่งขึ้นดิฉันโทร.เข้าไปสอบถาม คนประสานงานก็พูดเหมือนกับฝ่ายบัญชีเลยค่ะ ว่าทาง บริษัท T ยังไม่ได้วางมัดจำ แล้วคุณทำสินค้าทำไม เพราะทางเราคิดว่าถ้ายังไม่วางมัดจำ ทางดิฉันก็จะไม่ผลิตสินค้า
ดิฉันเลยแจ้งกลับไปว่า เพราะทางลูกค้าเซ็นใบสั่งซื้อกลับมาแล้ว และระยะเวลาที่ต้องการสินค้าก็กระชั้นชิด อีกทั้งตอนที่เข้าไปพบ ทางลูกค้าแจ้งว่าผลิตเสร็จทัน 25 กุมภาพันธ์ แน่ๆ นะ ดิฉันจึงได้ดำเนินการผลิต เพราะเชื่อถือในตัวลูกค้า และดิฉันก็ได้เข้าพบที่บริษัทลูกค้าแล้ว (แต่ดิฉันไม่ได้พบผู้บริหาร เข้าพบแต่ฝ่ายการตลาดและ IT ที่ดูแลงานนี้) ทางลูกค้าก็แสดงน้ำเสียงและคำพูดบ่ายเบี่ยง โดยยืนยันว่า ยังไม่ได้จ่ายมัดจำ แล้วทางคุณทำกระเป๋าทำไม ดิฉันก็แจ้งกลับไปว่า ถ้าทางคุณยังไม่ต้องการทำสินค้า แล้วทางคุณเซ็นใบเสนอราคาทำไม แล้วระหว่างที่ดิฉันสอบถามเรื่องเงินมัดจำ ทางคุณก็ไม่ได้มีแจ้งว่าให้ Hold งานไว้ก่อน – ดิฉันยอมรับค่ะ ว่าอารมณ์ขึ้น แต่พยายามพูดจาให้สุภาพเข้าไว้
ดิฉันขอสอบถามด้วยประโยคยอดฮิตค่ะ “ดิฉันควรทำอย่างไรดีค่ะ” ดิฉันเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่ทางมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เซ็นใบเสนอราคากลับมา แล้วดิฉันก็เตรียมวัตถุดิบไว้แล้ว (โดยที่ทางมหาวิทยาลัยยังไม่ได้วางมัดจำ) แต่ยังโชคดีที่ทางมหาลัยไม่ยอมสรุปแบบโลโก้สักที ดิฉันก็สอบถามไปเรื่อยๆ จนไปเจอเจ้าของงาน (ก่อนหน้านี้ประสานงานกับฝ่ายจัดซื้ออย่างเดียว) เจ้าของงานถึงมาเฉลยว่า ทางคณบดีไม่อนุมัติ และยกเลิกไปก่อน— ดิฉันก็คิดในใจ ดีแท้หนอ คณบดีไม่อนุมัติ แล้วท่านไม่รู้หรือไงว่าลูกน้องท่านได้ให้หัวหน้าฝ่ายเซ็นใบสั่งซื้อมาแล้ว ดิฉันก็ติดต่อไปทางฝ่ายจัดซื้อทันที เจ้าหน้าที่จัดซื้อพูดว่า จะไปฟ้องร้องก็ได้นะคะ (โอ้...คุณพระ ดิฉันอึ้งไปเลยค่ะ เจ้าหน้าที่จัดซื้อพูดออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำมาก พอไปปรึกษาน้องที่เป็นทนาย เขาบอกว่า ยอดเงินค่ากระเป๋าของพี่มันไม่เป็นหลักล้าน พี่ฟ้องไปก็เหนื่อยเปล่า แถมเสียเวลาครับ) หลังจากนั้น ดิฉันก็ติดต่อเจ้าของงาน ปรากฏว่า เขาลาออก และไม่มีใครรับเรื่องต่อ ฝ่ายจัดซื้อก็ลอยตัว – ดิฉันก็ได้แต่ทำสินค้าขึ้นมาแล้วขายออกไปในราคาถูก (ดีกว่าขายไม่ออก)
แต่สำหรับกรณีล่าสุดนี้ กับบริษัท T ดิฉันยอมรับค่ะว่าประมาท และเชื่อใจมากเกินไป ว่าเขาเซ็นใบสั่งซื้อมาแล้ว ต้องเอากระเป๋าแน่นอน แต่กลับตาลปัตร เป็นเช่นนี้ ดิฉันจึงจะมาขอให้ทุกท่านโปรดให้คำแนะนำด้วยนะคะ ถึงแม้มูลค่าสินค้ามันจะไม่ได้เป็นหลักล้าน แต่น้ำพักน้ำแรงที่ลงไป เงินทุนที่ลงไป ดิฉันก็ไม่อยากให้มันสูญเปล่าค่ะ
เป้าหมาของดิฉันคือให้ลูกค้ารับสินค้าพร้อมกับชำระเงิน ตอนนี้ดิฉันวางแผนจะดำเนินการตามแผนข้างล่างนี้ ผิด-ถูก อย่างไร โปรดชี้แนะด้วยนะคะ
แผน A : ติดต่อลูกค้าว่าจะขอเข้าพบผู้บริหารที่เป็นคนเซ็นอนุมัติสั่งซื้อ – ถ้าได้พบ จะสอบถามเรื่องสินค้าที่ผลิตเสร็จจะให้จัดส่ง และชำระเงินอย่างไร ดิฉันควรพูดด้วยประโยคแบบใดดีคะ เพื่อให้ลูกค้ายอมเข้าพบ ขอเทคนิคด้วยค่ะ
แผน B : ลดราคาสินค้าลง เพื่อให้ลูกค้าชำระค่าสินค้า และรับสินค้าไปทั้งหมด เพราะอย่างไร ดิฉันก็ไม่สามารถขายสินค้าให้เจ้าอื่นๆ ได้ เพราะมีตราโลโก้ของลูกค้าแล้ว
แผน C : ถ้าลูกค้าบ่ายเบี่ยง หรือยื้อ ดิฉันคิดว่าจะแจ้งเขาว่าจะดำเนินการฟ้องศาลค่ะ (มูลค่าสินค้าตามหน้าใบเสนอราคาคือ 120,000 บาท รวม vat แล้ว) // มันจะคุ้มกันไหมคะ และค่าธรรมเนียมในการออกหมายศาลมีอะไรบ้างค่ะ
ส่วนแผนอื่นๆ ยังคิดไม่ออกค่ะ ตอนนี้ยอนรับว่ากดดัน เพราะงานน้อยลงและเจอลูกค้าบ่ายเบี่ยงงานแบบนี้ ดิฉันอยากจบสรุปให้ได้เร็วที่สุด (ถ้าเป็นไปได้) รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ _/\_