สถานการณ์ที่รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของนายกฯปูเน่านับวันจะพ่ายแพ้ในทุกแนวรบจนใกล้ถึงจุดล่มสลายชัดเจนเข้าไปทุกขณะทำให้นายใหญ่สั่งการให้บรรดาทาสรับใช้ที่เป็นแกนนำฮาร์ดคอร์ทั้งหลายปฏิบัติการลุยแบบดับเครื่องชนโดยพุ่งเป้าไปที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ภายใต้การนำของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ
แผนปฏิบัติการดับเครื่องชนของทรราชระบอบทักษิณประกอบด้วยปฏิบัติการทั้งบนดินและปฏิบัติการใต้ดินด้วยอาวุธร้ายแรง
ปฏิบัติการบนดินก็คือการที่บรรดาแกนนำรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดปูเน่าพยายามสร้างกระแสบ่อนทำลายภาพพจน์ความน่าเชื่อถือและกดดันศาลและองค์กรอิสระต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วยข้ออ้างแบบเดิมว่า 2 มาตรฐานเพราะไม่เป็นไปตาม “หลักกู” ที่ระบอบทักษิณต้องการ ซึ่งการสร้างกระแสบ่อนทำลายศาลและองค์กรอิสระก็เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการออกมาเคลื่อนไหวปฏิบัติการดับเครื่องชนที่จะตามมาในไม่ช้านี้
ปฏิบัติการดับเครื่องชนบนดินสำคัญที่ต้องจับตาก็คือการประชุมแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งใหญ่ที่จ.นครราชสีมาภายใต้คำขวัญ “ปฏิบัติการลั่นกรองรบ” และเตรียมยกทัพเข้ากรุงเพื่อชุมนุมแสดงพลังตอบโต้มวลมหาประชาชนกปปส.
แต่ความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาและน่ากลัวอย่างแท้จริงก็คือปฏิบัติการใต้ดินโดยกองกำลังชุดดำ โดยเฉพาะการนำนักรบโหดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าร่วมปฏิบัติการถล่มมวลมหาประชาชน กปปส.ขั้นแตกหักด้วยระเบิดขว้างหรือกระสุนระเบิดแบบเอ็ม-79
ล่าสุดเกิดเหตุกลุ่มอันธพาลใต้ดินใช้อาวุธสงครามร้ายแรงนานาชนิดทั้งปาระเบิดสังหารและกราดยิงด้วยปืนเอ็ม-16 ใส่เวทีปราศรัยของมวลมหาประชาชน กปปส.ที่จ.ตราดอย่างเหี้ยมโหดอุกอาจเมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกกว่า 30 ราย โดยผู้เสียชีวิตเป็นเพียงเด็กหญิงอายุ 8 ปี หรือก่อนหน้านี้ขบวนการใต้ดินลอบปาระเบิดสังหารกลางย่านประตูน้ำข้างเวทีปราศรัยของมวลมหาประชาชน กปปส.จนมีผู้ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ 6 ราย และรถยนต์พังเสียหายยับเยินหลายคันคือสัญญาณอันตรายที่เตือนว่าปฏิบัติการโฉด ถ่อย ดิบ เถื่อนดับเครื่องชนแบบหมาจนตรอกเปิดฉากขึ้นแล้วนับจากนี้เป็นต้นไปและมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดง ประกาศกร้าวขู่ว่า “สถานการณ์ขณะนี้มาถึงจุดเดือดที่เราทนไม่ได้อีกแล้ว ต้องการให้เกิดสงครามกลางเมืองใช่หรือไม่ ฝ่ายอำมาตย์ชักใยบงการก็เป็นพวกเดิมๆ อยากให้ประเทศไทยเป็นแบบเกาหลีเหนือเกาหลีใต้หรือเป็นแบบเวียดนามอย่างนั้นใช่ไหม วันนี้เราเตรียมคนเป็นล้านเข้ากทม. อยากดูว่าจะฆ่าเราอีกไหม ถ้าแบบนั้นก็ต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน”
ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นักรบมือเพชฌฆาตที่เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาวกรณีบุกถล่มมัสยิดกรือเซะ และขณะนี้เป็นที่ปรึกษานายกฯปูเน่าได้รับการทาบทามให้ร่วมปฏิบัติการดับเครื่องชนครั้งนี้
ธาตุแท้ระบอบทักษิณนั้นทำชั่วได้ทุกอย่างแม้แต่การชักศึกเข้าบ้าน ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองโดยไม่คำนึงว่าประเทศจะพังพินาศย่อยยับขอเพียงให้บรรลุเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ ทำให้นึกถึงคำพูดของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เคยประกาศอย่างอหังการว่า ถ้าข้าอยู่ไม่ได้ พวกเอ็งก็อย่าอยู่กันอย่างสงบสุขอีกเลย
สลัมแดง ลั่นกองรบ เตรียมใช้อาวุธใต้ดิน ถล่มเวทีสลิ่ม บุกแบบเถื่อนๆ ตามความฉลาดน้อย ไร้ความคิด
แผนปฏิบัติการดับเครื่องชนของทรราชระบอบทักษิณประกอบด้วยปฏิบัติการทั้งบนดินและปฏิบัติการใต้ดินด้วยอาวุธร้ายแรง
ปฏิบัติการบนดินก็คือการที่บรรดาแกนนำรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดปูเน่าพยายามสร้างกระแสบ่อนทำลายภาพพจน์ความน่าเชื่อถือและกดดันศาลและองค์กรอิสระต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วยข้ออ้างแบบเดิมว่า 2 มาตรฐานเพราะไม่เป็นไปตาม “หลักกู” ที่ระบอบทักษิณต้องการ ซึ่งการสร้างกระแสบ่อนทำลายศาลและองค์กรอิสระก็เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการออกมาเคลื่อนไหวปฏิบัติการดับเครื่องชนที่จะตามมาในไม่ช้านี้
ปฏิบัติการดับเครื่องชนบนดินสำคัญที่ต้องจับตาก็คือการประชุมแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งใหญ่ที่จ.นครราชสีมาภายใต้คำขวัญ “ปฏิบัติการลั่นกรองรบ” และเตรียมยกทัพเข้ากรุงเพื่อชุมนุมแสดงพลังตอบโต้มวลมหาประชาชนกปปส.
แต่ความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาและน่ากลัวอย่างแท้จริงก็คือปฏิบัติการใต้ดินโดยกองกำลังชุดดำ โดยเฉพาะการนำนักรบโหดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าร่วมปฏิบัติการถล่มมวลมหาประชาชน กปปส.ขั้นแตกหักด้วยระเบิดขว้างหรือกระสุนระเบิดแบบเอ็ม-79
ล่าสุดเกิดเหตุกลุ่มอันธพาลใต้ดินใช้อาวุธสงครามร้ายแรงนานาชนิดทั้งปาระเบิดสังหารและกราดยิงด้วยปืนเอ็ม-16 ใส่เวทีปราศรัยของมวลมหาประชาชน กปปส.ที่จ.ตราดอย่างเหี้ยมโหดอุกอาจเมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกกว่า 30 ราย โดยผู้เสียชีวิตเป็นเพียงเด็กหญิงอายุ 8 ปี หรือก่อนหน้านี้ขบวนการใต้ดินลอบปาระเบิดสังหารกลางย่านประตูน้ำข้างเวทีปราศรัยของมวลมหาประชาชน กปปส.จนมีผู้ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ 6 ราย และรถยนต์พังเสียหายยับเยินหลายคันคือสัญญาณอันตรายที่เตือนว่าปฏิบัติการโฉด ถ่อย ดิบ เถื่อนดับเครื่องชนแบบหมาจนตรอกเปิดฉากขึ้นแล้วนับจากนี้เป็นต้นไปและมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดง ประกาศกร้าวขู่ว่า “สถานการณ์ขณะนี้มาถึงจุดเดือดที่เราทนไม่ได้อีกแล้ว ต้องการให้เกิดสงครามกลางเมืองใช่หรือไม่ ฝ่ายอำมาตย์ชักใยบงการก็เป็นพวกเดิมๆ อยากให้ประเทศไทยเป็นแบบเกาหลีเหนือเกาหลีใต้หรือเป็นแบบเวียดนามอย่างนั้นใช่ไหม วันนี้เราเตรียมคนเป็นล้านเข้ากทม. อยากดูว่าจะฆ่าเราอีกไหม ถ้าแบบนั้นก็ต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน”
ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นักรบมือเพชฌฆาตที่เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาวกรณีบุกถล่มมัสยิดกรือเซะ และขณะนี้เป็นที่ปรึกษานายกฯปูเน่าได้รับการทาบทามให้ร่วมปฏิบัติการดับเครื่องชนครั้งนี้
ธาตุแท้ระบอบทักษิณนั้นทำชั่วได้ทุกอย่างแม้แต่การชักศึกเข้าบ้าน ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองโดยไม่คำนึงว่าประเทศจะพังพินาศย่อยยับขอเพียงให้บรรลุเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ ทำให้นึกถึงคำพูดของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เคยประกาศอย่างอหังการว่า ถ้าข้าอยู่ไม่ได้ พวกเอ็งก็อย่าอยู่กันอย่างสงบสุขอีกเลย