ตอนแรกผมเขียนข้อความนี้ตอบในความเห็นคุณ โจสิด (
http://ppantip.com/topic/31693639) แต่คิดว่า เอามาคุยกันอีกกระทู้ดีกว่า เพราะกระทู้นั้น เค้าถามเรื่องเฟลไลนีเป็นหลัก
ผมขอวิเคราะห์แบบนี้ครับ (ผมอาจอคตินะ เพราะผมคิดว่า มอยส์ ควรได้เวลาพิสูจน์ตัวเองอีกอย่างน้อยหนึ่งปี)
มอยส์ อยากสร้างระบบ 4-2-3-1 อันนี้ผมเดานะครับ แน่นอนมันเป็นแบบที่เค้าคุ้นเคยตั้งแต่มัยเอฟเวอร์ตัน แต่พอจะมาสร้างกับผีแดง กลับล้มเหลว แน่นอนเพราะ (1) นักเตะไม่คุ้นเคย ระบบป๋าวางไว้เป็น 4-4-2 มานาน แม้เหมือนเคยใช้ 4-2-3-1 สมัยยุคโด้ แต่ก็นานมาแล้ว และนักเตะที่พอจะทำแบบนั้นได้ หมดไปแล้ว (2) มอยส์มือไม่ได้เทพพอจะดึงศักยภาพนักเตะได้แบบป๋า แต่ป๋าคงมองเห็นว่าเฮียแกเหมือนป๋าสมัยแรกๆ ประเภท ใจนักสู้ conservative หน่อยๆ และ loyalty สูง (3) นักเตะเจ็บตลอด เสียเวลาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ RVP เจ็บไปเป็นสิบนัด Rooney เจ็บอีกเจ็ดแปดนัด เวลาไม่ตรงกันอีก
คราวนี้ขอวิเคราะห์แผน
4-2-3-1 คีย์แมนอยู่ที่ 2 คน ตรงกลางครับ คนหนึ่งคือ holding กับอีกคน ต้องเป็นตัวชน ตัวปะทะ ยามบุก ขึ้นสูงได้คล้าย AMC ยามรับมาเป็น DMC จะเห็นว่าไม่แปลก ทำไม มอยส์ อยากได้เชส เพราะชั่วโมงนี้ นักเตะที่ 'เทพ' พอจะทำสองหน้าที่ได้แบบนี้ ผมเห็นแค่สองคน คือเชส กับ ยาย่า ตูเร เท่านั้น แต่โอเคได้หัวฟูมา พอไหว (แต่ดันเจ็บยาวเสียอีก ไม่แปลกที่มอยส์จะบอกทำไมดวงมันซวยอย่างนี้) ด้านหน้าสามคนที่อยู่หลัง striker ต้องไว เซนส์ทันกัน ออกปีกได้ หุบเข้ากลางได้ ชั่วโมงนี้ ก็เหลือ รูนีย์ มาต้า ยานาไซส์ ส่วนคางาวะ ไม่ยืดหยุ่นพอ โอเค เล่นบอลยุโรปได้ แต่มา EPL พวกสามตัวหลังกองหน้าโดนชนตลอด (แต่ผมยังอยากเก็บคางาวะไว้ใช้กับ UCL ไม่อยากให้ขาย และเป็นสำรองชั้นดี) บาเลนเซีย แข็ง ทน ถึก แต่เข้ากลางไม่แจ่มนัก เล่นมิติเดียวเกินไป
จะเห็นว่าหัวฟูตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดี ตอนโดนสวน จะเห็นว่าหัวฟู ไปป้วนเปี้ยน เป็นกึ่งๆ DMC ได้ตลอด บอลเร็วของพาเลซ จึงติดหัวฟู เป็นระยะ แม้จะไม่สามารถแย่งบอลได้ แต่ชะลอเกมได้ ยามที่รับลึก หัวฟู ลงมาคล้าย เซ็นเตอร์ตัวกลางเลย ยามรุก จะคอยอยู่หลังสามตัวรุกและ overlap ขึ้นไปเป็นระยะๆ ข้อดี ของหัวฟูอีกอัน คือลูกกลางอากาศใช้ได้ดีทีเดียว
ถามว่าผ่านไหม ให้ผ่านครับ แต่ต้องดูระยะยาว
ข้อดีอีกข้อของหัวฟู คือ เทคนิคการจับบอล การพลิกบอลดีมาก แม้จะตัวใหญ่ ซึ่งผมว่าหลายครั้ง หลายๆนัดผ่านมาที่เราตัน เราเล่นแย่ มักจะเป็นเกมลักษณะนี้ครับ คือ ทีมที่เล่นกับเรากองหลังรับลึก กองกลางประกบเร็ว บีบให้ผู้เล่นแมนยูไนเต็ดหันหลังให้ประตูตลอด แล้วประกอบกับกองหลังแมนยูไนเต็ด ก็โรยรา เสียประตูปั๊บ จะเกิดภาวะงูกินหาง คือ ทีมนำยิ่งรับลึก ประกบเร็ว เรายิ่งมีพื้นที่น้อยลงๆ จะแก้ปัญหานี้ได้ ต้องมีคนที่พลิกบอลจากหันหลังอยู่ ไปข้างหน้าให้ได้ ถ้าทำได้ตัวประกบหนึ่งตัวจะหลุด กองหลังจะพะวงทันที กองหน้าเราจะมีพื้นที่ขึ้น นัดนี้ผมเห็นจังหวะพลิกเอาบอลไปข้างหน้าของเฟลไลนีสี่ห้าครั้ง ไม่น้อยเลยครับ จังหวะสอดไปโหม่งชงมีสองสามครั้ง ช่วงครึ่งแรก ก็โอเคอยู่
ข้อเสีย คือ ช้าครับ สปีดแบบนี้เจอพาเลซพอไหว แต่ถ้าเจอเชลซี เจอแมนซิตี้ ลำบากแน่ครับ คนลำบากไม่ใช่ไฟลไลนีครับ แต่เป็นกองหลังทั้งสี่และคาริค เพราะถ้เฟลไลนี ตามตอด ตามบล็อคไม่ทัน เสร็จแน่ครับ โอเค นัดนี้ผมเห็นแกวิ่งมากขึ้น กว่านัดก่อนๆ เรียกว่าเคลื่อนที่มากขึ้น แต่ถ้าอยากได้แชมป์ หรือ ไป UCL ต้องเยอะกว่านี้มากๆครับ
แล้วเฟลไลนี ดีกว่าเคลเวอรีไหม ตอบได้เลยว่าดีกว่าครับ เคลเวอรี ประสานงานคาริคดีก็จริง แต่มันไม่ใช่การ 'ขับเคลื่อน' เกมครับ คือ เกมมันไม่ไปข้างหน้า ถ่ายบอลไปมาออกข้าง ถ้าตัวรุกแบบไม่ได้ เทพ เหมือนยุค โด้ เตเบซ รูน ที่ขับเคลื่อนเกมได้ด้วยตนเอง ประโยชน์ของนักเตะประเภทนี้จะน้อยครับ ส่วนเคลเวอรียามรับก็เบรคเกมไม่ดีเท่าไร อาจได้ลูกขยันมาชดเชย ลูกกลางอากาศลืมไปได้เลย
พูดถึงงระบบเกมรุกก่อน เกมรุกแบบนี้ แผนนี้ จะสำเร็จ ต้องเล่นดีทั้งทีมครับ จะมีแบบกองหน้าคมๆ เปิดบอลแม่นๆคนสองคนแล้วเอาชนะได้ แบบสมัยป๋าไม่ได้ครับ ในรูปแบบ 4-4-2 สมัยป่า นัดนึง ขอให้มีคนที่เล่นดีๆ สองสามคน ก็มีสิทธิ์ได้ประตูครับ เพราะนั่นรูปแบบบอลไดเรคต์ขนานแท้ จินตนาการว่าโดนบี้ทั้งเกม แต่พอมีจังหวะโยนครั้งสองครั้ง กองหน้าได้จบสกอร์ก็ได้ลุ้นเสมอ ป๋าจึงชนะได้แม้รูปเกมห่วย
แต่รูปแบบ 4-2-3-1 ทั้งทีมต้องไปด้วยกันครับ ถ้าเข้าขาล่ะ เฮแน่ ถ้าไม่เข้าขา ก็จะวนไปวนมา ต่อบอลเสร็จ เข้าเขตหัวกะโลหก เพื่อนไม่วิ่งทำทางก็เสร็จ ไม่แปลก ที่คางาวะ จะทำได้ไม่ดี เพราะ ผมมองว่า ตัวรุกที่พอทำหน้าที่ในระบบนี้ได้ ตอนนี้ มีแค่ รูนีย์ มาต้า ยานาไซส์ คางาวะ เวลเบ็ค ... สามคนแรกเคลื่อนที่ดี ยืดหยุ่นสูง คางาวะ เคลื่อนที่ดี ยืดหยุ่นต่ำ การเอาตัวรอด 1-1 ไม่ดี เวลเบ็ค เอาตัวรอดดี แต่ตัดสินใจพลาดจังหวะสุดท้ายบ่อยๆ
ความคาดหวังผม อยากให้มอยส์ เอาสูตรนี้ไปใช้เรื่อยๆครับ 11 ตัวจริง ขอประมาณนี้ตลอด เล่นไปจนจบฤดูกาล จะได้ไปบอลยุโรปเปล่าค่อยว่ากัน เพราะ จะมาอ้างว่าตัวเจ็บทำให้จัดทรงบอลที่อยากได้ไม่ได้แล้ว เพราะตัวเจ็บทยอยกลับมาจะครบแล้ว ทำให้รู้ข้อดีข้อเสียของระบบมากขึ้น นักเตะจะเข้าใจกันมากขึ้น คิดดูนะครับ ถ้ารูนีย์ ยานาไซส์ มาต้า เข้าใจกันมากขึ้น มันจะ จี๊ด ขนาดไหน เพราะสามคนนี้ ออกปีกได้ เข้ากลางได้ ยิงไกลก็ได้ เร็วพอควร มันส์แน่ๆ
ท่านอื่นว่าไงครับ
แฟนแมนยูไนเต็ด มาวิเคราะห์แผน พูดคุย เกมที่ผ่านมากันหน่อยครับ แถมประเด็นเรื่องไฟลไลนีด้วย
ผมขอวิเคราะห์แบบนี้ครับ (ผมอาจอคตินะ เพราะผมคิดว่า มอยส์ ควรได้เวลาพิสูจน์ตัวเองอีกอย่างน้อยหนึ่งปี)
มอยส์ อยากสร้างระบบ 4-2-3-1 อันนี้ผมเดานะครับ แน่นอนมันเป็นแบบที่เค้าคุ้นเคยตั้งแต่มัยเอฟเวอร์ตัน แต่พอจะมาสร้างกับผีแดง กลับล้มเหลว แน่นอนเพราะ (1) นักเตะไม่คุ้นเคย ระบบป๋าวางไว้เป็น 4-4-2 มานาน แม้เหมือนเคยใช้ 4-2-3-1 สมัยยุคโด้ แต่ก็นานมาแล้ว และนักเตะที่พอจะทำแบบนั้นได้ หมดไปแล้ว (2) มอยส์มือไม่ได้เทพพอจะดึงศักยภาพนักเตะได้แบบป๋า แต่ป๋าคงมองเห็นว่าเฮียแกเหมือนป๋าสมัยแรกๆ ประเภท ใจนักสู้ conservative หน่อยๆ และ loyalty สูง (3) นักเตะเจ็บตลอด เสียเวลาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ RVP เจ็บไปเป็นสิบนัด Rooney เจ็บอีกเจ็ดแปดนัด เวลาไม่ตรงกันอีก
คราวนี้ขอวิเคราะห์แผน
4-2-3-1 คีย์แมนอยู่ที่ 2 คน ตรงกลางครับ คนหนึ่งคือ holding กับอีกคน ต้องเป็นตัวชน ตัวปะทะ ยามบุก ขึ้นสูงได้คล้าย AMC ยามรับมาเป็น DMC จะเห็นว่าไม่แปลก ทำไม มอยส์ อยากได้เชส เพราะชั่วโมงนี้ นักเตะที่ 'เทพ' พอจะทำสองหน้าที่ได้แบบนี้ ผมเห็นแค่สองคน คือเชส กับ ยาย่า ตูเร เท่านั้น แต่โอเคได้หัวฟูมา พอไหว (แต่ดันเจ็บยาวเสียอีก ไม่แปลกที่มอยส์จะบอกทำไมดวงมันซวยอย่างนี้) ด้านหน้าสามคนที่อยู่หลัง striker ต้องไว เซนส์ทันกัน ออกปีกได้ หุบเข้ากลางได้ ชั่วโมงนี้ ก็เหลือ รูนีย์ มาต้า ยานาไซส์ ส่วนคางาวะ ไม่ยืดหยุ่นพอ โอเค เล่นบอลยุโรปได้ แต่มา EPL พวกสามตัวหลังกองหน้าโดนชนตลอด (แต่ผมยังอยากเก็บคางาวะไว้ใช้กับ UCL ไม่อยากให้ขาย และเป็นสำรองชั้นดี) บาเลนเซีย แข็ง ทน ถึก แต่เข้ากลางไม่แจ่มนัก เล่นมิติเดียวเกินไป
จะเห็นว่าหัวฟูตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดี ตอนโดนสวน จะเห็นว่าหัวฟู ไปป้วนเปี้ยน เป็นกึ่งๆ DMC ได้ตลอด บอลเร็วของพาเลซ จึงติดหัวฟู เป็นระยะ แม้จะไม่สามารถแย่งบอลได้ แต่ชะลอเกมได้ ยามที่รับลึก หัวฟู ลงมาคล้าย เซ็นเตอร์ตัวกลางเลย ยามรุก จะคอยอยู่หลังสามตัวรุกและ overlap ขึ้นไปเป็นระยะๆ ข้อดี ของหัวฟูอีกอัน คือลูกกลางอากาศใช้ได้ดีทีเดียว
ถามว่าผ่านไหม ให้ผ่านครับ แต่ต้องดูระยะยาว
ข้อดีอีกข้อของหัวฟู คือ เทคนิคการจับบอล การพลิกบอลดีมาก แม้จะตัวใหญ่ ซึ่งผมว่าหลายครั้ง หลายๆนัดผ่านมาที่เราตัน เราเล่นแย่ มักจะเป็นเกมลักษณะนี้ครับ คือ ทีมที่เล่นกับเรากองหลังรับลึก กองกลางประกบเร็ว บีบให้ผู้เล่นแมนยูไนเต็ดหันหลังให้ประตูตลอด แล้วประกอบกับกองหลังแมนยูไนเต็ด ก็โรยรา เสียประตูปั๊บ จะเกิดภาวะงูกินหาง คือ ทีมนำยิ่งรับลึก ประกบเร็ว เรายิ่งมีพื้นที่น้อยลงๆ จะแก้ปัญหานี้ได้ ต้องมีคนที่พลิกบอลจากหันหลังอยู่ ไปข้างหน้าให้ได้ ถ้าทำได้ตัวประกบหนึ่งตัวจะหลุด กองหลังจะพะวงทันที กองหน้าเราจะมีพื้นที่ขึ้น นัดนี้ผมเห็นจังหวะพลิกเอาบอลไปข้างหน้าของเฟลไลนีสี่ห้าครั้ง ไม่น้อยเลยครับ จังหวะสอดไปโหม่งชงมีสองสามครั้ง ช่วงครึ่งแรก ก็โอเคอยู่
ข้อเสีย คือ ช้าครับ สปีดแบบนี้เจอพาเลซพอไหว แต่ถ้าเจอเชลซี เจอแมนซิตี้ ลำบากแน่ครับ คนลำบากไม่ใช่ไฟลไลนีครับ แต่เป็นกองหลังทั้งสี่และคาริค เพราะถ้เฟลไลนี ตามตอด ตามบล็อคไม่ทัน เสร็จแน่ครับ โอเค นัดนี้ผมเห็นแกวิ่งมากขึ้น กว่านัดก่อนๆ เรียกว่าเคลื่อนที่มากขึ้น แต่ถ้าอยากได้แชมป์ หรือ ไป UCL ต้องเยอะกว่านี้มากๆครับ
แล้วเฟลไลนี ดีกว่าเคลเวอรีไหม ตอบได้เลยว่าดีกว่าครับ เคลเวอรี ประสานงานคาริคดีก็จริง แต่มันไม่ใช่การ 'ขับเคลื่อน' เกมครับ คือ เกมมันไม่ไปข้างหน้า ถ่ายบอลไปมาออกข้าง ถ้าตัวรุกแบบไม่ได้ เทพ เหมือนยุค โด้ เตเบซ รูน ที่ขับเคลื่อนเกมได้ด้วยตนเอง ประโยชน์ของนักเตะประเภทนี้จะน้อยครับ ส่วนเคลเวอรียามรับก็เบรคเกมไม่ดีเท่าไร อาจได้ลูกขยันมาชดเชย ลูกกลางอากาศลืมไปได้เลย
พูดถึงงระบบเกมรุกก่อน เกมรุกแบบนี้ แผนนี้ จะสำเร็จ ต้องเล่นดีทั้งทีมครับ จะมีแบบกองหน้าคมๆ เปิดบอลแม่นๆคนสองคนแล้วเอาชนะได้ แบบสมัยป๋าไม่ได้ครับ ในรูปแบบ 4-4-2 สมัยป่า นัดนึง ขอให้มีคนที่เล่นดีๆ สองสามคน ก็มีสิทธิ์ได้ประตูครับ เพราะนั่นรูปแบบบอลไดเรคต์ขนานแท้ จินตนาการว่าโดนบี้ทั้งเกม แต่พอมีจังหวะโยนครั้งสองครั้ง กองหน้าได้จบสกอร์ก็ได้ลุ้นเสมอ ป๋าจึงชนะได้แม้รูปเกมห่วย
แต่รูปแบบ 4-2-3-1 ทั้งทีมต้องไปด้วยกันครับ ถ้าเข้าขาล่ะ เฮแน่ ถ้าไม่เข้าขา ก็จะวนไปวนมา ต่อบอลเสร็จ เข้าเขตหัวกะโลหก เพื่อนไม่วิ่งทำทางก็เสร็จ ไม่แปลก ที่คางาวะ จะทำได้ไม่ดี เพราะ ผมมองว่า ตัวรุกที่พอทำหน้าที่ในระบบนี้ได้ ตอนนี้ มีแค่ รูนีย์ มาต้า ยานาไซส์ คางาวะ เวลเบ็ค ... สามคนแรกเคลื่อนที่ดี ยืดหยุ่นสูง คางาวะ เคลื่อนที่ดี ยืดหยุ่นต่ำ การเอาตัวรอด 1-1 ไม่ดี เวลเบ็ค เอาตัวรอดดี แต่ตัดสินใจพลาดจังหวะสุดท้ายบ่อยๆ
ความคาดหวังผม อยากให้มอยส์ เอาสูตรนี้ไปใช้เรื่อยๆครับ 11 ตัวจริง ขอประมาณนี้ตลอด เล่นไปจนจบฤดูกาล จะได้ไปบอลยุโรปเปล่าค่อยว่ากัน เพราะ จะมาอ้างว่าตัวเจ็บทำให้จัดทรงบอลที่อยากได้ไม่ได้แล้ว เพราะตัวเจ็บทยอยกลับมาจะครบแล้ว ทำให้รู้ข้อดีข้อเสียของระบบมากขึ้น นักเตะจะเข้าใจกันมากขึ้น คิดดูนะครับ ถ้ารูนีย์ ยานาไซส์ มาต้า เข้าใจกันมากขึ้น มันจะ จี๊ด ขนาดไหน เพราะสามคนนี้ ออกปีกได้ เข้ากลางได้ ยิงไกลก็ได้ เร็วพอควร มันส์แน่ๆ
ท่านอื่นว่าไงครับ