ค่ายกลพิชิตมอยส์ [Manchester United]

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดของแมนยูฯ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า สร้างความชีช้ำกะหล่าปลี
ให้กับกองเชียร์ได้พอ ๆ กับนัดที่แพ้สโต๊คเลยทีเดียวครับ ที่ว่าช้ำก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ
มันเหนื่อยฮะ ทั้งเหนื่อยทั้งอึดอัดเลย กับการนั่งลุ้นให้ทีมรักยิงประตูได้แต่ละลูกนี่มันยาก
เหลืออออ...เกินครับ แถมเปิดเกมมานอกจากจะปูพรมขึงเกมไว้ได้หมดที่หน้าประตูฟูแล่ม
ก็ตาม แต่ประสิทธิภาพความอันตรายในกรอบเขตโทษหาไม่มีเลยสักนิดเดียว แย่ไปกว่านั้น
จังหวะบุกขึ้นมาเพียงครั้งเดียวของฟูแล่มยังสามารถทำประตูขึ้นนำให้กับทีมได้อีกด้วย
ลูกนี้ต้องชมซิดเวลล์ ที่เติมเกมสอดขึ้นมาจังหวะดีมาก ๆ วิ่งมาจากเส้นกลางสนามตรงรี่
เข้าไปในกรอบเขตโทษของแมนยู เพื่อรับบอลจากเพื่อนที่ตักหยอดมาให้บริเวณจุดโทษ
พอดี ทำให้ซิดเวลล์ยิงเล่นทางผ่านเดเคอา เข้าไปอย่างง่ายดาย



จังหวะประตูแรกของฟูแล่มนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นความผิดพลาดของเฟลทเชอร์ด้วย ที่ไม่
ทันซิดเวลล์จริง ๆ ครับกับการตามประกบ เพราะกองหน้าฟูแล่มดึงวิดิชกับสมอลลิ่งไปแล้ว
ทำให้เปิดพื้นที่หน้าประตูให้ซิดเวลล์โล่ง ๆ เลย เรียกได้ว่าผิดพลาดกับการสั่งการในแนวรับ
จริง ๆ ลูกนี้ นึกถึงสมัยที่ริโอยังพีค ๆ เลยครับ แกน่าจะดักทางลูกแบบนี้อยู่ ตอนนี้พอมี
วิดิชลงคนเดียว ไม่ได้คู่ริโออีกแล้ว ทำให้วิดิชนี่เล่นแบบบ้าพลัง วิ่งไล่ประกบ ไล่ตาม
ทำให้เสียพื้นที่ในแนวรับไปหลายลูกจริง ๆ ครับในฤดูกาลนี้ ครั้นจะให้ริโอเล่น ก็คง
ไม่ไหวแล้วล่ะครับ ช้าลงไปเยอะมาก ๆ ช้าจนสมชื่อ เฮียเต่าแล้วฮะ ตอนนี้



พอโดนนำไป ปีศาจแดงก็ยังคงมีความเหนือกว่าทั้งการครองบอล การบุกใส่แนวรับฟูแล่ม
ตลอดเวลา แต่สิ่งที่เหนือไปกว่านั้น คือจำนวนครั้งการครอสบอลเข้ากรอบเขตโทษฮะ
แหม่ !!! ข่นพระ !!! จริง ๆ เมื่อจบเกมพบว่าทีมเราครอสบอลไปรวมแล้วทั้งเกมมากกว่า
81 ครั้ง อะไรจะมากขนาดนั้นฮะ นี่ต้องมองย้อนไปดูในเกมเลยครับแล้วจะเห็นได้ถึง
ความอึดอัดในการลุ้นทำประตูที่ว่า เพราะเฮียมอยส์ที่รัก ๆ ของพวกเรา ไม่รู้ว่าเฮียแก
มีแท็คติกเดียวหรืออย่างไรไม่ทราบได้ครับ พอบอลมาถึงยัง ถ้าไม่ป้ายกลับคืนเอวร่า
ก็เปิดเรียดย้อนมาหน้ากรอบเขตโทษติดกองหลังฟูแล่มเป็นอย่างนี้ตลอด เช่นเดียว
กับฝั่งขวาที่แม้จะมีมาต้ามายืน แต่ยังไม่มีใครมาเชื่อมเกมกับเค้ามากนัก มีเพียง
ราฟาเอลเป็นส่วนใหญ่ที่เติมมาช่วย และเปิดครอสจากด้านข้างเช่นเดิม คือถ้ามอยส์
จะมีเพียงแท็คติคนี้บอกตรง ๆ เสียดายมาต้าฮะ ช่วยหาคนเซนส์บอลทันกัน อย่าง
คากาวะ หรือยานาไซลงเล่นด้วยกันเชื่อมเกมเจาะหน้ากรอบเขตโทษหน่อยเถอะครับ
จะได้มีมิติ หรือมีสีสันในการบุกมากกว่านี้ ไม่ใช่ให้กองเชียร์อย่างเรา ๆ ทั้งหลาย
มานั่งลุ้นการเปิดบอลที่แสนจะแม่นเหลือเกิน ณ เพลานี้ของปีกทั้งหลายของทีม
ปีศาจแดงครับ



นี่ถ้าครึ่งหลังไม่ได้ ยานาไซลงมาเปลี่ยนเกมอีกนะครับ ผมว่าแพ้คาบ้านอีกแล้ว
เพราะการบุกแบบนั้นไม่มีวี่แววจะยิงเค้าได้จริง ๆ มีอย่างที่ไหนครับ มีกองหน้า
ดี ๆ คม ๆ อย่างเพอร์ซี่และรูนีย์ แต่กลับให้ทั้งคู่ได้สัมผัสบอลทั้งเกมอยู่ไม่กี่ครั้ง
เลยในกรอบเขตโทษ แล้วจะทำประตูเค้าได้อย่างไรกัน ใช่ไหมคร้าบบบพี่น้อง
พูดถึงยานาไซ ที่ว่าเป็นคนเปลี่ยนเกมก็มีส่วนอยู่ครับ เพราะการลงมาของ
ยานาไซ ทำให้ลูกเปิดจากด้านข้างดูจะมีความแม่นมากขึ้น และครอสไปตรงเป้า
หมายที่นัดกันไว้ดีมากขึ้น พูดง่าย ๆ กองเชียร์ค่อยมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย กับ
การเล่นที่พอจะไว้ใจได้ ฝากผีฝากไข้ได้ครับ ของยานาไซ ไม่ใช่ทนดูการเปิด
เข้าไปติดกองหลังฟูแล่มมาตลอดช่วง 70 นาทีแรกของเกมครับ



พูดถึงเกมนี้หากไม่พูดถึง คนเคยคุ้น คุ้นเคยกันดีอย่าง เรเน่ มิวเลนสทีนแล้วล่ะก็
พลาดเลยล่ะครับ เพราะเรเน่เองให้คำจำกัดความถึงสาเหตุที่แมนยูต้องเสมอ
และเล่นได้แค่นี้ เพราะการบุกแท็กติกเดิม ๆ ที่ไม่มีความหลากหลายซ้ำซากจำเจ
ของมอยส์นั่นเอง ทำให้เฮียเรเน่เองแกก็คิดค่ายกล 10 - 0 - 0 ง่าย ๆ มาพิชิต
มอยส์ครับ เพราะเรเน่เองคงรู้ดีว่ามอยส์เองก็ถนัดกับการเล่นแบบนี้ เรเน่เลย
สั่งอุดแน่นหน้ากรอบเขตโทษตัวเอง ซึ่งนั่นก็นับได้ว่าเป็นแท็คติกที่ได้ผล
จริง ๆ เมื่อคิดว่าต้องมาตั้งเกมรับกับแนวรุกที่เต็มไปด้วย เพอร์ซี่ รูนีย์ ยานาไซ
มาต้า คาร์ริคแล้ว นับว่าการวางแท็คติกนี้เสี่ยงมาก ๆ ที่จะถูกถล่มได้ง่าย ๆ เลย
ล่ะครับ แต่อย่างว่าครับเป็นเรเน่ที่วางแผนถูก เรียกได้ว่าของอย่างนี้ "มันวัดกัน
ที่กึ๋นของผู้จัดการทีม" จริง ๆ ครับ



แต่ฟ้าคงเห็นใจครับ เมื่อลูกขลุกขลิกหน้าประตูมาเข้าเท้า จอมแอสซิสต์อย่าง
มาต้า ป้ายบอลไปให้กับเพอร์ซี่ที่หน้าประตูอย่างแม่นยำ ทำให้เพอร์ซี่แปโล่ง ๆ
เข้าไปทำให้ทีมตีเสมอจนได้ เรียกได้ว่า เป็นประตูปลดล็อคที่ลดความอึดอัด
ของกองเชียร์และผู้จัดการทีมอย่างมอยส์ไปได้เยอะเลยทีเดียว แต่อะไร ๆ ก็
ดูจะเป็นใจให้ยูไนเต็ดไปเสียหมด เมื่อในไม่กี่นาทีต่อมา เป็นไมเคิล คาร์ริค
ที่ได้ยิงบริเวณหน้ากรอบเขตโทษแฉลบกองหลังฟูแล่มนิดหน่อยเปลี่ยนทาง
เข้าประตูไปให้ทีมขึ้นนำไป 2 - 1 วินาทีนั้นกองเชียร์ทั้งหลายต่างพากันดีใจ
ประหนึ่งยกภูเขาออกจากอกเลยครับ ที่ดีใจแบบสุด ๆ คงไม่พ้นมอยส์ครับ
ตอนนั้นมอยส์ดีใจจนผมรู้สึกเห็นใจเลยล่ะครับ เพราะคิดว่าในใจแกคงเครียด
มาก ๆ จนแทบระเบิดออกมาที่ขึงเกมบุกแต่ยังยิงไม่ได้สักที และคงกลัวที่
จะไม่ชนะ ซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อปฏิกิริยาของแฟนบอลที่มาเชียร์เลยทีเดียว



แต่ก็อย่างว่าครับ ไม่มีใครรู้ว่า "เกม" จะจบลงที่ใด แต่ที่รู้ก็คือ พอนำแล้ว
มอยส์แกผ่อนคลายลงเยอะ ไม่มีการกระตุ้นใด ๆ อีกเลย แม้แต่จังหวะที่
ผู้รักษาประตูฟูแล่มจ่ายบอลจากกรอบเขตโทษมาไม่ดี ทำให้ฟานเพอร์ซี่
แย่งได้ และเลือกที่จะเลี้ยงเข้าไปยิงเอง แต่ยิงออก คือผมเองก็ไม่ได้
คาดหวังว่าลูกอย่างนี้ควรจะเข้าแน่นอนหรอกนะครับ แต่สิ่งที่ผมคาดหวัง
ก็คือ ปฏิกิริยาจากมอยส์ต่างหากครับ ถ้าหากเป็นเฟอร์กี้ ทุกจังหวะการ
เข้าทำป๋ากี้แกละเอียดครับ ยิ่งเป็นจังหวะที่มีโอกาสจะตอกย้ำชัยชนะ
ให้ทีมได้ แล้วลูกทีมไม่ปราณีต หรือยิงเองแล้วยิงไม่ดี แทนที่จะผ่าน
ให้เพื่อน นี่รับรองว่าจะเห็นป๋าวิ่งออกมาตะโกนด่านักเตะหน้าแดงข้าง
สนามแน่นอนครับ และนักเตะคงกลัวกันหัวหดเลยทีเดียว



นี่อะไรพอนำแล้วผ่อนคลายไม่ละเอียดกับการปิดเกมให้ได้ จนส่งผล
ให้การบุกขึ้นมาในนาทีที่ 84 ของฟูแล่มนำไปสู่ประตูตีเสมอชนิดที่ทำ
ให้กองเชียร์ปีศาจแดงหลายคนรวมทั้งผม ช็อค เงิบ!!! นอนไม่หลับ
กันไปเลยทีเดียว ทั้งนี้จะโทษแต่มอยส์ก็ไม่ถูก แม้มอยส์จะมีส่วน
อยู่ที่ไม่ยอมให้เล่นปิดเกมเพื่อชัยชนะ แต่แน่นอนว่านักเตะเองก็มี
ส่วนเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ วิดิช ที่มีส่วนไม่น้อยเลยที่โหม่ง
เคลียร์บอลไม่ขาดมาเข้าเท้าคู่แข่งต่ออีกจนนำไปสู่การเสียประตู
ตีเสมอในช่วงที่เวลาที่เหลืออยู่ก็น้อยจนไม่พอที่จะทำประตูกันได้อีก
จบเกมแบบเศร้า ๆ ที่แม้จะเสมอไป 2 - 2 แต่ก็ให้ความรู้สึกไม่ต่าง
กับนัดแพ้สโต๊คจริง ๆ ครับ



แม้ว่าผลงานมอยส์จะยังไม่ดีนะครับ แต่ผมก็ยังให้โอกาสอยู่เพราะ
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบคือมอยส์แกเป็นโค้ชที่วางแผนงานระยะยาวได้ดีครับ
สังเกตได้อย่างคือ ช่วงนี้มอยส์แกพักยานาไซจากการเป็นตัวจริง
มาหลายนัดเลย (และนั่นส่งผลต่อประสิทธิภาพความหลากหลาย
ในการทำเกมรุกด้วย) ซึ่งอาจรวมไปถึงพัก คากาวะ เพื่อให้พร้อม
สำหรับการลุยศึก UCL อันสุดแสนจะสำคัญ เมื่อมองย้อนไปดูคำพูด
ป๋าเมื่อต้นฤดูกาลว่า "ปีแรกของมอยส์ขอให้คว้าแชมป์เหอะ จะแชมป์
ไหนก็ได้ไม่สำคัญ ขอให้ได้เป็นพอ" แล้วมาดู ณ ห้วงเวลานี้จะให้ทำ
อย่างไรได้เล่าครับท่าน ในเมื่อทีมเหลือลุ้นแชมป์อยู่เพียงถ้วยเดียว
คือ ถ้วย UCL ที่ยากที่สุดแม้แต่ป๋าก็ยังทำได้ยากส์ ดังนั้นทางเลือก
ของมอยส์จึงเหลือเพียงการสู้และเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดสำหรับ
ทางเลือกเดียวที่เต็มไปด้วยขวากหนามนี้นั่นเอง แต่ผมเองก็ยัง
หวังนะครับว่าปีนี้ทีมจะสร้างปาฏิหาริย์ ปิดฉากการค้าแข้งของนักเตะ
สำคัญของทีมเช่น วิดิช ริโอ กิกส์ หรือแม้กระทั่งเอวร่าให้ได้เหมือนกับที่
เดอะเกรทเดนส์ ปีเตอร์ ชไมเคิลเคยทำได้เมื่อปี 1999 นั่นเองครับ




ปล. ถ้ามอยส์ยังไม่อาจปรับปรุงฟอร์มการเล่นรวมไปถึงผลงานของทีม
ให้ได้แล้วล่ะก็ เป็นไปได้สูงที่เดียวที่ประมาณกลางฤดูกาลหน้าเราอาจ
จะได้เห็นผู้จัดการทีมคนใหม่ก็เป็นด้ายยยย...ยยย อิอิอิ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่