SPOILER!!! เจ้าสาวแห่งทางสายไหม ตอนที่ 36 - นกน้อยในกรงทอง...

กลับมาพบตอนใหม่ของเจ้าสาวแห่งทางสายไหมกันอีกรอบในเดือนนี้นะครับ

โดยในตอนนี้นั้นอ.โมริได้แพนกล้องกลับไปหาตัวละครอีกฝั่งหนึ่งซึ่งมีคนบ่นๆ กันอยู่เป็นระยะว่าเมื่อไหร่จะได้ออกโรงซะทีจนได้

ซึ่งรายละเอียดจะเป็นยังไงนั้นไปชมพร้อมกันได้เลยครับ ยิ้ม






โดยฉากในตอนนี้เปลี่ยนจากเมืองของคาร์ลุคกับอามีร่าซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นจากศึกใหญ่ไปเมื่อตอนที่แล้ว ไปยังอีกสถานที่หนึ่งซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับการเปิดเผยว่าเป็นที่ไหนในแถบเอเชียกลาง ภาพเปิดให้เห็นหญิงสาวผมดำยาวคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นกับฝูงนกอยู่ริมสระน้ำขนาดกว้างในสวนงดงามแห่งหนึ่งเพียงลำพัง

ชื่อของหญิงสาวผู้นั้นคือ "อานิส" เจ้าสาวคนที่ 4 ที่จะมีบทบาทในเรื่องราวนี้ต่อไปนั่นเอง



นั่งเล่นกับนกได้พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากข้างหน้าบ้าน อานิสเลยกลับเข้าบ้านขึ้นชั้นบนไปแอบดูจากบนระเบียง ก็พบชายหนุ่มแปลกหน้าสองคนมาพร้อมกับอูฐตัวใหญ่สองตัวขนสัมภาระมาเพียบ

ซึ่งชายหนุ่มแปลกหน้าสองคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนายเฮนรี่ สมิธ กับอาลีเพื่อนเก่าของเรานั่นเอง



โดยสมิธกับอาลีนั้นเป็นแขกของเศรษฐีหนุ่มสามีของอานิสซึ่งเป็นเจ้าของคฤหานส์แห่งนี้นั่นเอง ความใหญ่โตหรูหราของคฤหาสน์ทำเอาอาลีถึงกับอดทึ่งไม่ได้ หันไปเปรยกับสมิธว่าไม่นึกว่าสมิธจะรู้จักเศรษฐีใหญ่โตขนาดนี้ สมิธก็ปฏิเสธว่าเปล่า เขาไม่ได้รู้จักอะไรกับเจ้าของคฤหาสน์นี้หรอก ทั้งหมดนี้เป็นเพื่อนจากประเทศอังกฤษช่วยคุยช่วยหาให้ต่างหาก ตัวเขาเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเพื่อนจะหาที่หรูๆ มาให้พักแบบนี้ (อารมณ์ประมาณโทรบอกเพื่อนให้ช่วยหาโรงแรมให้หน่อย แล้วเพื่อนดันจัดโรงแรมระดับหกดาวโคตรหรูให้ แถมออกค่าโรงแรมกับค่ากินค่าอยู่ให้อีกต่างหากนั่นแหละ )

ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นเอง สมิธก็รู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่จากข้างบนเลยเงยหน้าขึ้นดู แต่ก็พบแต่ระเบียงชั้นบนว่างเปล่าเท่านั้น...


ตัดไปทางอานิสที่ไปแอบดู "แขกของสามี" มา โดยหลังจากรีบผละมาก่อนที่แขกจะทันเห็นตัวแล้ว อานิสก็วิ่งมารับสามีเศรษฐีหนุ่มของตัวเองทันที โดยหลังจากทักทายกันเสร็จ อานิสก็ถามสามีว่าวันนี้มีแขกมาบ้านเหรอ สามีก็ตอบว่าใช่แล้ว แถมยังเป็นแขกระดับ VIP ด้วย ดังนั้นตัวเองคงมากินข้าวร่วมกับอานิสไม่ได้ ว่าจบก็ขอตัวไปรับแขกก่อน ปล่อยให้อานิสไปทำอะไรในบ้านต่อไป


หลังจากนั้นก็เป็นภาพฉายให้เห็นชีวิตประจำวันของอานิสในฐานะภรรยาเศรษฐีใหญ่ ทั้งเก็บดอกกุหลาบในบ้านมาทำดอกไม้ลอยน้ำ ว่างๆ ก็ไปเล่นยีพุงกะทิน้องแมวเปอร์เซียที่เลี้ยงไว้ในบ้าน หรือเล่นกับประดานกน้อยทั้งหลายที่อยู่กันเต็มบ่อน้ำในสวน เรียกว่าเป็นชีวิตโคตรชิลสุดๆ เลยก็ว่าได้


ชีวิตประจำวันของภรรยาเศรษฐีใหญ่





ทำโน่นทำนี่เสร็จ อานิสก็แวะไปดู "ฮาซัน" ลูกชายวัยทารกของตนที่นอนกลางวันอยู่โดยมีแม่นมคอยดูแล หญิงสาวขอลูกมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน มองใบหน้าน่ารักของเด็กชายด้วยสายตารักใคร่ สีหน้ามีความสุขของอานิสทำเอาแม่นมอดไม่ได้ต้องเปรยออกมาว่า คุณนายช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีเหลือเกิน ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ (เท่าที่ธรรมเนียมของคนแถบนี้จะให้อิสระได้) ได้มีลูกชายไว้สืบสกุลให้สามี เหนือสิ่งอื่นใดคือได้สามีรักเดียวใจเดียว ไม่มีภรรยาสองสามคนหรือบ้านเล็กบ้านน้อยให้ต้องกังวลมากความ ทั้งๆ ที่ด้วยฐานะของสามีแล้วจะมีบ้านอื่นอีกกี่บ้านก็ย่อมได้ อานิสได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาเรียบๆ ไม่ได้ตอบอะไร

แต่แล้วอยู่ๆ ฮาซันก็ร้องไห้โยเยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อานิสก็ตกใจพยายามปลอบให้หยุดร้อง แต่ทำยังไงลูกชายก็ไม่ยอมหยุด ต้องส่งให้แม่นมช่วยปลอบถึงจะหยุดโยเยได้

อยู่กับลูกสักพัก อานิสก็ออกไปเดินเล่นฆ่าเวลาในสระน้ำในสวน ตกค่ำก็กลับมากินอาหารเย็นในห้องตามลำพัง มีแค่หญิงรับใช้อีกคนคอยบริการอยู่ข้างๆ ขณะที่เงี่ยหูฟังเสียงดนตรีที่สามีเรียกมาเล่นในห้องรับประทานอาหารที่จัดรับรองแขก VIT อยู่ห่างๆ

ฉากตัดไปทางสมิธที่กำลังนั่งรับประทานอาหารในห้องอาหารใหญ่โตที่เจ้าบ้านจัดมารับรอง ระหว่างที่กินกันอยู่นั้น สมิธก็หันไปกระซิบถามอาลีที่นั่งกินอยู่ข้างๆ ว่า คุณเศรษฐีคนนี้แต่งงานมีลูกแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมภรรยาของเค้าถึงไม่ออกมาทักทายแขกเลยล่ะ อาลีก็ตอบว่า เพราะธรรมเนียมแถบนี้ห้ามผู้หญิงพบปะเจอหน้าผู้ชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัวน่ะสิ เพราะงั้นถึงแทบไม่ออกมาเจอหน้าผู้คนเลย ว่าจบก็ตัดบทเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอาหารแทน สมิธเลยได้แต่ตามน้ำไปเรื่อยๆ ไม่มีจังหวะถามอะไรมากกว่านั้น

หลังเสร็จงานเลี้ยงรับรองแขก สามีของอานิสก็มาเล่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับประเทศอังกฤษ (คาดว่าน่าจะได้รู้เรื่องมาจากสมิธในงานเลี้ยง) ให้อานิสฟัง อานิสก็ยิ้มแย้มตั้งใจฟังเป็นอย่างดี จนกระทั่งสามีเริ่มเหนื่อยจึงล้มตัวลงนอนกัน ระหว่างที่นอนกันอยู่นั้น อานิสก็ถามสามีว่าแขกที่มาจะพักอยู่บ้านเรานานเท่าไหร่ สามีก็ตอบว่ายังไม่รู้เลย และเปรยๆ ว่า ถ้าพักอยู่ซักอาทิตย์นึงก็ดีหรอก และบอกว่าวันพรุ่งนี้เห็นบอกว่าอยากไปดูวิหารหรืออารามอะไรสักที่นี่แหละ ก็เลยต้องแวะไปด้วย

โดยก่อนนอน สามีก็เอื้อนกลอนสดชมความงามของภรรยาตัวเอง แล้วหันไปยิ้มให้อานิสและบอกว่า ตัวเองมีความสุขเหลือเกินที่ได้อานิสเป็นภรรยา และถามอานิสว่า ตัวอานิสมีความสุขไหม?

อานิสยิ้มหวานให้กับสามี แล้วตอบออกไปว่า ตัวเองก็มีความสุขเหมือนกัน



วันรุ่งขึ้น สามีของอานิสก็พาสมิธไปเยี่ยมชมวิหารหรืออาราม อานิสจึงอยู่บ้านตามลำพัง โดยกิจกรรมประจำวันของอานิสก็ยังแทบไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อวาน นั่นคือ นั่งชิลนอนชิลเดินชิลไปเรื่อยๆ อย่างมีความสุขภายใต้เขตบ้านของสามี



หลังจากเดินเล่นจนเหนื่อยแล้ว อานิสก็แวะมานั่งพักเอาขาแช่น้ำอยู่ริมสระน้ำในสวน และเด็ดเอาดอกกุหลาบดอกหนึ่งที่อยู่ใกล้มือมาดู

ตอนนั้นเอง สีหน้าที่มีความสุขอยู่เสมอของอานิสก็เปลี่ยนแปลงไป แววตาเป็นประกายของหญิงสาวฉายแววหม่นหมองเต็มที่ ขณะที่สีหน้าก็ฉายความรู้สึกเศร้าสร้อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด



ทว่า ไม่มีผู้ใดเลยที่ได้รับรู้สีหน้าของหญิงสาวในยามนี้

รอบตัวของหญิงสาวผู้ซึ่งใครๆ บอกว่ามีความสุขที่สุดในโลก กลับมีเพียงความสวยงามอันว่างเปล่าราวกับนกน้อยที่ถูกขังในกรงทองโอบล้อมอยู่เพียงเท่านั้น




- จบตอนที่ 36 -








อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกขึ้นมานิดหน่อยแฮะ ว่ารายละเอียดของตอนนี้น้อยกว่าตอนอื่นแบบเห็นได้ชัดเลย มีฉากโล่งๆ ไม่มีภาพอะไรอยู่เยอะมาก แต่ลายเส้นก็ยังสวยเหมือนเดิมแฮะ

ส่วนเจ้าสาวคนใหม่นี่ให้อารมณ์ "นกน้อยในกรงทอง" จริงๆ แฮะ มีชีวิตสมบูรณ์ดีทุกอย่าง ได้ชายที่ทั้งนิสัยดีทั้งฐานะดีเป็นสามี มีลูกชายให้สามีสืบสกุลได้ ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องแม้แต่อย่างเดียว เว้นแต่ "อิสระในการพบปะผู้คนภายนอก" เพียงเท่านั้นเอง

ชักลุ้นขึ้นมาแล้วสิว่างานนี้จะมีรายการ NTR เกิดขึ้นหรือไม่ และใครจะเป็นฝ่าย NTR? บักสมิธ? อาลี? หรือว่าคนอื่นที่ไม่อยู่ในกลุ่มนี้ แต่ถ้ามีขึ้นมาจริงๆ ละก็ งานนี้ได้มีคนศพไม่สวยแน่ๆ เม่านอนไม่หลับ

ยังไงก็รอดูตอนหน้าสถานเดียวครับ


ปล. - กลอนที่สามีของอานิสเอื้อนให้อานิสฟังก่อนนอนในตอนนี้ก็ประมาณนี้ครับ

"月の輝きも君にはおよばず
薔薇も君の前には色あせる
君の肩のひと隅はわが心の宿
この喜びは王とて持たず"



ถอดความแบบเปล่าๆ ไม่ได้ใส่กลอนให้สละสลวยก็ประมาณ "แม้แสงจันทร์ก็มิอาจทัดเทียมเจ้า บุปผาเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าก็สูญสิ้นสีสัน ไหล่เจ้าคือที่พักใจของข้า ความสุขนี้แม้ผู้เป็นราชาก็มิอาจได้รับ"

เห็นแล้วอยากแปลออกมาเป็นกลอนเหมือนกันแฮะ แต่ผมไม่มีหัวเรื่องกลอนเท่าไหร่ เพราะงั้นจะแปลออกมายังไงให้สละสลวยนี่คงต้องใช้เวลาจริงๆ (แต่ใครอยากแสดงฝีมือก็เชิญตามสบายเลยนะครับ อมยิ้ม15)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่