บทก่อนหน้า
บทนำ
http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒
http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔
http://ppantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕
http://ppantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖
http://ppantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗
http://ppantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘
http://ppantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙
http://ppantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐
http://ppantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑
http://ppantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒
http://ppantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓
http://ppantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔
http://ppantip.com/topic/31481664
บทที่ ๑๕
http://ppantip.com/topic/31529577
บทที่ ๑๖
http://ppantip.com/topic/31556525
บทที่ ๑๗
http://ppantip.com/topic/31580257
บทที่ ๑๘
http://ppantip.com/topic/31625276
บทที่ ๑๙
http://ppantip.com/topic/31647967
บทที่ ๒๐
ในที่สุดคณะผู้มาเยือนจากซิดนีย์ก็เดินทางกลับไปแล้วในตอนเช้าตรู่วันนี้ ณัฐญาณ์ได้ยินบทสนทนาระหว่างอาหารเย็น ถึงกำหนดการเดินทางแต่เช้าก่อนฟ้าสาง ซึ่งหญิงสาวเดาว่า นายเรือหนุ่มคงจะบังคับการเดินเรือไปส่งผู้มาเยือนถึงที่ และกว่าเขาจะกลับมาก็คงอีกราวสองสัปดาห์กระมัง
ชายหนุ่มไม่ได้เข้ามาลาเธอที่ห้องก่อนที่จะออกเดินทางอย่างเช่นทุกครั้ง ซึ่งหญิงสาวก็ไม่โทษเขาหรอก ในเมื่อเธอเองเป็นคนต้องการหยุดความสัมพันธ์ แล้วจะคาดหวังให้ชายหนุ่มยังจะปฏิบัติอยู่เช่นเดิมอย่างที่เคยได้อย่างไร แม้ว่าเรื่องอื่น ๆ เขาจะยังคงทำอย่างตอนที่เขาและเธอยังรักกันอยู่ก็ตาม
ทุก ๆ เช้าหลังรับประทานอาหารเช้า ชายหนุ่มจะเดินไปส่งเธอที่โรงเรียนเสมอ และจะเดินไปรับเธอกลับจากโรงเรียนทุกครั้ง นอกจากวันที่เธอไม่ได้ไปทำงานที่โรงเรียนเท่านั้น ทุก ๆ คืน เขายังเดินไปส่งเธอที่หน้าห้อง ยืนรอจนหญิงสาวจุดเทียนให้แสงสว่างในห้องเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงจะเดินจากไป จะขาดอยู่ก็เพียงสัมผัสอ่อนหวานอย่างคนรักเท่านั้นที่เธอไม่ได้รับจากเขา และยิ่งผ่านไปหลายวัน ณัฐญาณ์ยิ่งรู้สึกว่าเธอโหยหาสัมผัสจากเขาเหลือเกิน อีกเก้าปีที่จะต้องอยู่ที่นี่ ได้อยู่ร่วมบ้าน ได้เห็นหน้า แต่ต้องทำราวกับไม่มีความสำคัญต่อหัวใจของกันและกัน มันจะทรมานเพียงใดกันหนอ
ณัฐญาณ์แต่งตัวอย่างอ้อยอิ่ง เธอไม่ต้องเร่งรีบเข้าไปที่ห้องอาหารในเช้าวันนี้เพราะไม่มีใครรออยู่ แต่เพราะรู้ว่าเอลานอร์ต้องจัดอาหารเช้าให้เธอ หญิงสาวจึงต้องเข้าไป ซึ่งช้ากว่าปกติราวสิบห้านาที
“คุณมาช้า” คนที่มารออยู่ก่อนที่ตอนนี้กำลังยื่นมือมารับหมวกและถุงมือไปจากเธอกล่าวหาเบา ๆ และหากไม่ได้ตาฝาด ณัฐญาณ์คิดว่ามองเห็นนัยต์ตาสีฟ้าสดตรงหน้าเปล่งประกายระยับอยู่ชั่ววินาทีก่อนจะเลือนไปอย่างรวดเร็ว
คนที่ถูกกล่าวหานิ่งขึงไปอย่างคาดไม่ถึง เธอไม่คิดว่าเขาจะยังอยู่ คิดว่าเขาเดินทางไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เพื่อไปส่งผู้หญิงที่มารดาของเขาเห็นสมควรว่าเหมาะสมที่จะเป็นภรรยาของเขา ซึ่งแม้ตอนแรกเขาจะบอกกับเธอว่าเขาไม่ได้สนใจ เพราะมีเธอเป็นคนรักแล้ว แต่เมื่อเธอปฏิเสธที่จะสานสัมพันธ์กับเขาต่อ เธอก็ไม่แน่ใจแล้วว่าชายหนุ่มจะยัง ‘ไม่สนใจ’ อยู่หรือไม่ เพราะเขาก็ดูจะมีผู้หญิงคนนั้นติดตัวแทบจะตลอดเวลา จนณัฐญาณ์คิดว่า บางทีเขาอาจจะเริ่มสนใจผู้หญิงที่มารดาแนะนำให้ก็ได้ เพราะเธอออกจะสะสวยและเพียบพร้อมขนาดนั้นนี่นา
เมื่อตั้งสติได้หลังจากนั่งลงประจำที่เรียบร้อย หญิงสาวก็กล่าวเสียงเบา
“ฉันคิดว่าคุณไปซิดนีย์...”
“ผมเคยพูดว่าหลังกลับจากซิดนีย์คราวนั้นแล้วจะไม่ทิ้งคุณไว้คนเดียวอีก ผมเป็นคนรักษาคำพูด ไม่ใช่วันหนึ่งพูดอย่าง วันต่อไปทำอีกอย่าง ลืมที่เคยพูดไว้เสียแล้ว” หากคิดตามคำพูดของเขา ณัฐญาณ์อยากจะเข้าใจว่ากำลังถูกชายหนุ่มประชดประชันอยู่ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเพียงใบหน้าแสดงความจริงใจของเขา รวมกับเสียงที่ราบเรียบ ทำให้เธอไม่แน่ใจ
เอลานอร์ขยับเข้ามาเสิร์ฟอาหารเช้าสำหรับผู้เป็นนายทั้งสอง วันนี้ห้องอาหารเงียบจนดูวังเวง เมื่อไม่มีคนอื่น ๆ ร่วมโต๊ะอยู่ด้วย และสองคนที่อยู่ก็ไม่มีบทสนทนาระหว่างกัน
หลังจัดการกับอาหารเช้าเรียบร้อยและเอลานอร์จัดเก็บโต๊ะเรียบร้อย ชายหนุ่มก็กล่าวขึ้น
“วันนี้ตอนบ่าย ร้านกระเปื้องจะเอากระเบื้องมาให้เลือก”
“คะ” ถามเพราะไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มกำลังพูดถึงกระเบื้องอะไร
“กระเบื้องสำหรับบ้านของเราและเวิร์คชอปน้ำหอมของคุณ” ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่สนใจสีหน้ายุ่งยากใจของคนฟังสักนิด
“วิลคะ... ฉันคิดว่าคุณไม่จำเป็น...”
“ผมไม่หยุดการก่อสร้างเพียงเพราะคุณ ‘เปลี่ยนใจ’ เรื่องของเราหรอกนะครับแนท” ชายหนุ่มขัดก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ และคราวนี้น้ำเสียงของเขาประชดประชันชัดเจน โดยเฉพาะในตอนที่เน้นเสียงคำว่า ‘เปลี่ยนใจ’ ทำให้ณัฐญาณ์น้ำตารื้นขึ้นมาทันที เขาคิดว่าเธอไม่เจ็บปวดกับการตัดสินใจของตนเองหรืออย่างไร ถึงได้ประชดประชันกันอยู่แบบนี้
วิลเลียมมองเห็นใบหน้าซีดเผือดน้ำตาคลอของคนตรงหน้า จึงอธิบายเสียงอ่อนลงอย่างอดไม่ได้
“ผมตั้งใจจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านแทนอาคารสถานีอยู่แล้ว และคุณก็จะยังอยู่ที่นี่อีกหลายปี อีกทั้งวัสดุก็สั่งไปเกือบหมดแล้ว งานก่อสร้างก็เริ่มไปบ้างแล้ว ยังไงก็ต้องสร้างบ้านต่อให้เสร็จ ส่วนเวิร์คชอปของคุณก็จำเป็นต้องมี ผมเคยบอกแล้วว่าคุณจะอยู่ที่นี่อย่างเจ้าของบ้านคนหนึ่ง หากผมจะขอให้คุณช่วยเลือกกระเบื้องสำหรับบ้านใหม่ด้วย คงไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปใช่ไหมครับ นาทาย่าห์”
“เอ่อ... ถ้าอย่างนั้นก็... เอ่อ... ก็ได้ค่ะ” ตอบเสียงแผ่ว
“ขอบคุณครับ” ตอบสุภาพ ใบหน้าระบายยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบหมวกมาสวม และค้อมศีรษะให้
“ผมไปทำงานล่ะ พบกันตอนเลือกกระเบื้องบ่ายนี้นะครับ ผมให้เขาเอาตัวอย่างขึ้นมาให้ดูที่ห้องทำงาน” ว่าแล้วก็ก้าวยาว ๆ ออกไปจากห้อง ณัฐญาณ์ได้แต่มองตามแผ่นหลังของคนตัวสูงที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกสับสนในจิตใจ
นี่เธอทำอะไรลงไปณัฐญาณ์ หญิงสาวถามตัวเอง บ่ายนี้ควรจะเป็นเวลาแห่งความสุขของเขาและเธอในการเลือกกระเบื้องสำหรับ ‘เรือนหอ’ ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่เธอช่วยเขาเลือกกระเบื้องสำหรับ ‘บ้าน’ ของเขาที่เธอจะ ‘อาศัย’ อยู่จนกว่าจะถึงเวลากลับ ‘บ้าน’ ของเธอเองเช่นนี้ แต่หญิงสาวคงทำได้เพียงแค่โทษตัวเองเท่านั้น เพราะเป็นเธอเองไม่ใช่หรือที่ทำให้ทุกอย่างต้องกลับกลายมาเป็นแบบนี้
เมื่ออาคารสถานีกลับมามีเพียงณัฐญาณ์และชายหนุ่มอาศัยอยู่ด้วยกันเพียงลำพังอีกครั้ง บรรยากาศของความคุ้นเคยเก่า ๆ ดูเหมือนจะกลับมา การปฏิบัติตัวระหว่างกันเป็นไปอย่างเมื่อแรกรู้จักก่อนที่จะเปลี่ยนความสัมพันธ์ให้เป็นอย่างคนรัก ชายหนุ่มเจ้าของสถานีปฏิบัติต่อเธออย่างสุภาพ นุ่มนวล และทำราวกับเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น เมื่อเธอทำใจกล้าถามถึงเฮนเรียตต้าเขาก็ตอบง่าย ๆ
“จบไปแล้ว ผมกับเขาไม่ได้ชอบพอกัน ก็เหมือน ๆ กับคนอื่น ๆ ที่คุณแม่พยายามแนะนำมาตลอดนั่นล่ะ”
แม้เขาจะบอกว่าเขาและหญิงสาวผู้นั้นไม่ได้ชอบพอกัน แต่เธอรู้อยู่เต็มอกว่าเฮนเรียตต้าชอบพอชายหนุ่มอย่างแน่นอน แต่เมื่อเขาไม่พูดถึง เธอจะไปเซ้าซี้ก็กระไรอยู่ อีกอย่างเธอเป็นเพียงผู้อาศัยของเขานี่นา เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องไปละลาบละล้วงสักนิด
งานสร้าง ‘บ้าน’ และเวิร์คชอปน้ำหอมของเธอยังคงดำเนินต่อไป และเริ่มมองเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ในตอนเย็นหลังจากที่เสร็จจากงานที่สถานี ชายหนุ่มมักจะมาชวนเธอเดินไปดูการก่อสร้างด้วยกันเสมอ โดยเขาให้เหตุผลว่า
“ช่วยกันดูสองคนดีกว่าที่ผมจะดูคนเดียว บางทีผู้หญิงก็มีความคิดดี ๆ และมีความละเอียดกว่าผู้ชาย คุณคงไม่รังเกียจที่จะช่วยออกความเห็นกับบ้านของผมใช่ไหมครับ”
เมื่อเขาว่าอย่างนั้นแล้วเธอจะว่าอะไรได้ เธอยังต้องอาศัยอยู่กับเขาไปอีกหลายปี การช่วยเขาออกความเห็นแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เธอจะตอบแทนเขาได้ จึงช่วยเขาตรวจตรางานก่อสร้างอยู่ทุกวัน และลึก ๆ แล้วณัฐญาณ์ก็รู้สึกดีที่ได้ดูการเติบโตของบ้านที่เคยคิดว่าจะได้สร้างครอบครัวกับเขา แม้ว่าตอนนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ตาม
ชายหนุ่มเจ้าของบ้านถามความเห็นเธอในทุก ๆ ขั้นตอน เขาทำราวกับว่าเธอคือเจ้าของบ้านคนหนึ่ง เมื่อเธอท้วง เขาก็ตอบหน้าตาเฉย
“เมื่อคุณไม่อยู่กับผมแล้ว บ้านที่คุณช่วยออกความคิด จะได้ช่วยยืนยันกับผมว่า คุณเคยอยู่กับผมที่นี่จริง ๆ ไม่ใช่เพียงความฝัน”
แม้ใบหน้าของเขาจะไม่แสดงอารมณ์ น้ำเสียงจะเรียบเฉยเมื่อบอกกับเธอแบบนั้น แต่กลับทำให้หัวใจคนฟังปวดร้าว ดูเหมือนชายหนุ่มจะทำใจได้รวดเร็วกับการที่เธอจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาดูไม่รู้สึกรู้สาว่าเธอจะอยู่หรือจะไป เป็นเธอเสียอีกที่เสียน้ำตาทุกครั้งเมื่อคิดว่า บ้านที่เธอช่วยเขาออกความคิดที่มองดูการเจริญเติบโตอยู่ทุกวันนี้ จะเป็นบ้านของเขากับ... ผู้หญิงอื่น... ภรรยาของเขาที่ในที่สุดแล้วเขาคงจะแต่งงานไปกับใครสักคน ซึ่งคน ๆ นั้นไม่ใช่เธอ...
สุดปลายฝัน บทที่ ๒๐
บทนำ http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓ http://ppantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔ http://ppantip.com/topic/31481664
บทที่ ๑๕ http://ppantip.com/topic/31529577
บทที่ ๑๖ http://ppantip.com/topic/31556525
บทที่ ๑๗ http://ppantip.com/topic/31580257
บทที่ ๑๘ http://ppantip.com/topic/31625276
บทที่ ๑๙ http://ppantip.com/topic/31647967
ในที่สุดคณะผู้มาเยือนจากซิดนีย์ก็เดินทางกลับไปแล้วในตอนเช้าตรู่วันนี้ ณัฐญาณ์ได้ยินบทสนทนาระหว่างอาหารเย็น ถึงกำหนดการเดินทางแต่เช้าก่อนฟ้าสาง ซึ่งหญิงสาวเดาว่า นายเรือหนุ่มคงจะบังคับการเดินเรือไปส่งผู้มาเยือนถึงที่ และกว่าเขาจะกลับมาก็คงอีกราวสองสัปดาห์กระมัง
ชายหนุ่มไม่ได้เข้ามาลาเธอที่ห้องก่อนที่จะออกเดินทางอย่างเช่นทุกครั้ง ซึ่งหญิงสาวก็ไม่โทษเขาหรอก ในเมื่อเธอเองเป็นคนต้องการหยุดความสัมพันธ์ แล้วจะคาดหวังให้ชายหนุ่มยังจะปฏิบัติอยู่เช่นเดิมอย่างที่เคยได้อย่างไร แม้ว่าเรื่องอื่น ๆ เขาจะยังคงทำอย่างตอนที่เขาและเธอยังรักกันอยู่ก็ตาม
ทุก ๆ เช้าหลังรับประทานอาหารเช้า ชายหนุ่มจะเดินไปส่งเธอที่โรงเรียนเสมอ และจะเดินไปรับเธอกลับจากโรงเรียนทุกครั้ง นอกจากวันที่เธอไม่ได้ไปทำงานที่โรงเรียนเท่านั้น ทุก ๆ คืน เขายังเดินไปส่งเธอที่หน้าห้อง ยืนรอจนหญิงสาวจุดเทียนให้แสงสว่างในห้องเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงจะเดินจากไป จะขาดอยู่ก็เพียงสัมผัสอ่อนหวานอย่างคนรักเท่านั้นที่เธอไม่ได้รับจากเขา และยิ่งผ่านไปหลายวัน ณัฐญาณ์ยิ่งรู้สึกว่าเธอโหยหาสัมผัสจากเขาเหลือเกิน อีกเก้าปีที่จะต้องอยู่ที่นี่ ได้อยู่ร่วมบ้าน ได้เห็นหน้า แต่ต้องทำราวกับไม่มีความสำคัญต่อหัวใจของกันและกัน มันจะทรมานเพียงใดกันหนอ
ณัฐญาณ์แต่งตัวอย่างอ้อยอิ่ง เธอไม่ต้องเร่งรีบเข้าไปที่ห้องอาหารในเช้าวันนี้เพราะไม่มีใครรออยู่ แต่เพราะรู้ว่าเอลานอร์ต้องจัดอาหารเช้าให้เธอ หญิงสาวจึงต้องเข้าไป ซึ่งช้ากว่าปกติราวสิบห้านาที
“คุณมาช้า” คนที่มารออยู่ก่อนที่ตอนนี้กำลังยื่นมือมารับหมวกและถุงมือไปจากเธอกล่าวหาเบา ๆ และหากไม่ได้ตาฝาด ณัฐญาณ์คิดว่ามองเห็นนัยต์ตาสีฟ้าสดตรงหน้าเปล่งประกายระยับอยู่ชั่ววินาทีก่อนจะเลือนไปอย่างรวดเร็ว
คนที่ถูกกล่าวหานิ่งขึงไปอย่างคาดไม่ถึง เธอไม่คิดว่าเขาจะยังอยู่ คิดว่าเขาเดินทางไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เพื่อไปส่งผู้หญิงที่มารดาของเขาเห็นสมควรว่าเหมาะสมที่จะเป็นภรรยาของเขา ซึ่งแม้ตอนแรกเขาจะบอกกับเธอว่าเขาไม่ได้สนใจ เพราะมีเธอเป็นคนรักแล้ว แต่เมื่อเธอปฏิเสธที่จะสานสัมพันธ์กับเขาต่อ เธอก็ไม่แน่ใจแล้วว่าชายหนุ่มจะยัง ‘ไม่สนใจ’ อยู่หรือไม่ เพราะเขาก็ดูจะมีผู้หญิงคนนั้นติดตัวแทบจะตลอดเวลา จนณัฐญาณ์คิดว่า บางทีเขาอาจจะเริ่มสนใจผู้หญิงที่มารดาแนะนำให้ก็ได้ เพราะเธอออกจะสะสวยและเพียบพร้อมขนาดนั้นนี่นา
เมื่อตั้งสติได้หลังจากนั่งลงประจำที่เรียบร้อย หญิงสาวก็กล่าวเสียงเบา
“ฉันคิดว่าคุณไปซิดนีย์...”
“ผมเคยพูดว่าหลังกลับจากซิดนีย์คราวนั้นแล้วจะไม่ทิ้งคุณไว้คนเดียวอีก ผมเป็นคนรักษาคำพูด ไม่ใช่วันหนึ่งพูดอย่าง วันต่อไปทำอีกอย่าง ลืมที่เคยพูดไว้เสียแล้ว” หากคิดตามคำพูดของเขา ณัฐญาณ์อยากจะเข้าใจว่ากำลังถูกชายหนุ่มประชดประชันอยู่ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเพียงใบหน้าแสดงความจริงใจของเขา รวมกับเสียงที่ราบเรียบ ทำให้เธอไม่แน่ใจ
เอลานอร์ขยับเข้ามาเสิร์ฟอาหารเช้าสำหรับผู้เป็นนายทั้งสอง วันนี้ห้องอาหารเงียบจนดูวังเวง เมื่อไม่มีคนอื่น ๆ ร่วมโต๊ะอยู่ด้วย และสองคนที่อยู่ก็ไม่มีบทสนทนาระหว่างกัน
หลังจัดการกับอาหารเช้าเรียบร้อยและเอลานอร์จัดเก็บโต๊ะเรียบร้อย ชายหนุ่มก็กล่าวขึ้น
“วันนี้ตอนบ่าย ร้านกระเปื้องจะเอากระเบื้องมาให้เลือก”
“คะ” ถามเพราะไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มกำลังพูดถึงกระเบื้องอะไร
“กระเบื้องสำหรับบ้านของเราและเวิร์คชอปน้ำหอมของคุณ” ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่สนใจสีหน้ายุ่งยากใจของคนฟังสักนิด
“วิลคะ... ฉันคิดว่าคุณไม่จำเป็น...”
“ผมไม่หยุดการก่อสร้างเพียงเพราะคุณ ‘เปลี่ยนใจ’ เรื่องของเราหรอกนะครับแนท” ชายหนุ่มขัดก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ และคราวนี้น้ำเสียงของเขาประชดประชันชัดเจน โดยเฉพาะในตอนที่เน้นเสียงคำว่า ‘เปลี่ยนใจ’ ทำให้ณัฐญาณ์น้ำตารื้นขึ้นมาทันที เขาคิดว่าเธอไม่เจ็บปวดกับการตัดสินใจของตนเองหรืออย่างไร ถึงได้ประชดประชันกันอยู่แบบนี้
วิลเลียมมองเห็นใบหน้าซีดเผือดน้ำตาคลอของคนตรงหน้า จึงอธิบายเสียงอ่อนลงอย่างอดไม่ได้
“ผมตั้งใจจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านแทนอาคารสถานีอยู่แล้ว และคุณก็จะยังอยู่ที่นี่อีกหลายปี อีกทั้งวัสดุก็สั่งไปเกือบหมดแล้ว งานก่อสร้างก็เริ่มไปบ้างแล้ว ยังไงก็ต้องสร้างบ้านต่อให้เสร็จ ส่วนเวิร์คชอปของคุณก็จำเป็นต้องมี ผมเคยบอกแล้วว่าคุณจะอยู่ที่นี่อย่างเจ้าของบ้านคนหนึ่ง หากผมจะขอให้คุณช่วยเลือกกระเบื้องสำหรับบ้านใหม่ด้วย คงไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปใช่ไหมครับ นาทาย่าห์”
“เอ่อ... ถ้าอย่างนั้นก็... เอ่อ... ก็ได้ค่ะ” ตอบเสียงแผ่ว
“ขอบคุณครับ” ตอบสุภาพ ใบหน้าระบายยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบหมวกมาสวม และค้อมศีรษะให้
“ผมไปทำงานล่ะ พบกันตอนเลือกกระเบื้องบ่ายนี้นะครับ ผมให้เขาเอาตัวอย่างขึ้นมาให้ดูที่ห้องทำงาน” ว่าแล้วก็ก้าวยาว ๆ ออกไปจากห้อง ณัฐญาณ์ได้แต่มองตามแผ่นหลังของคนตัวสูงที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกสับสนในจิตใจ
นี่เธอทำอะไรลงไปณัฐญาณ์ หญิงสาวถามตัวเอง บ่ายนี้ควรจะเป็นเวลาแห่งความสุขของเขาและเธอในการเลือกกระเบื้องสำหรับ ‘เรือนหอ’ ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่เธอช่วยเขาเลือกกระเบื้องสำหรับ ‘บ้าน’ ของเขาที่เธอจะ ‘อาศัย’ อยู่จนกว่าจะถึงเวลากลับ ‘บ้าน’ ของเธอเองเช่นนี้ แต่หญิงสาวคงทำได้เพียงแค่โทษตัวเองเท่านั้น เพราะเป็นเธอเองไม่ใช่หรือที่ทำให้ทุกอย่างต้องกลับกลายมาเป็นแบบนี้
เมื่ออาคารสถานีกลับมามีเพียงณัฐญาณ์และชายหนุ่มอาศัยอยู่ด้วยกันเพียงลำพังอีกครั้ง บรรยากาศของความคุ้นเคยเก่า ๆ ดูเหมือนจะกลับมา การปฏิบัติตัวระหว่างกันเป็นไปอย่างเมื่อแรกรู้จักก่อนที่จะเปลี่ยนความสัมพันธ์ให้เป็นอย่างคนรัก ชายหนุ่มเจ้าของสถานีปฏิบัติต่อเธออย่างสุภาพ นุ่มนวล และทำราวกับเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น เมื่อเธอทำใจกล้าถามถึงเฮนเรียตต้าเขาก็ตอบง่าย ๆ
“จบไปแล้ว ผมกับเขาไม่ได้ชอบพอกัน ก็เหมือน ๆ กับคนอื่น ๆ ที่คุณแม่พยายามแนะนำมาตลอดนั่นล่ะ”
แม้เขาจะบอกว่าเขาและหญิงสาวผู้นั้นไม่ได้ชอบพอกัน แต่เธอรู้อยู่เต็มอกว่าเฮนเรียตต้าชอบพอชายหนุ่มอย่างแน่นอน แต่เมื่อเขาไม่พูดถึง เธอจะไปเซ้าซี้ก็กระไรอยู่ อีกอย่างเธอเป็นเพียงผู้อาศัยของเขานี่นา เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องไปละลาบละล้วงสักนิด
งานสร้าง ‘บ้าน’ และเวิร์คชอปน้ำหอมของเธอยังคงดำเนินต่อไป และเริ่มมองเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ในตอนเย็นหลังจากที่เสร็จจากงานที่สถานี ชายหนุ่มมักจะมาชวนเธอเดินไปดูการก่อสร้างด้วยกันเสมอ โดยเขาให้เหตุผลว่า
“ช่วยกันดูสองคนดีกว่าที่ผมจะดูคนเดียว บางทีผู้หญิงก็มีความคิดดี ๆ และมีความละเอียดกว่าผู้ชาย คุณคงไม่รังเกียจที่จะช่วยออกความเห็นกับบ้านของผมใช่ไหมครับ”
เมื่อเขาว่าอย่างนั้นแล้วเธอจะว่าอะไรได้ เธอยังต้องอาศัยอยู่กับเขาไปอีกหลายปี การช่วยเขาออกความเห็นแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เธอจะตอบแทนเขาได้ จึงช่วยเขาตรวจตรางานก่อสร้างอยู่ทุกวัน และลึก ๆ แล้วณัฐญาณ์ก็รู้สึกดีที่ได้ดูการเติบโตของบ้านที่เคยคิดว่าจะได้สร้างครอบครัวกับเขา แม้ว่าตอนนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ตาม
ชายหนุ่มเจ้าของบ้านถามความเห็นเธอในทุก ๆ ขั้นตอน เขาทำราวกับว่าเธอคือเจ้าของบ้านคนหนึ่ง เมื่อเธอท้วง เขาก็ตอบหน้าตาเฉย
“เมื่อคุณไม่อยู่กับผมแล้ว บ้านที่คุณช่วยออกความคิด จะได้ช่วยยืนยันกับผมว่า คุณเคยอยู่กับผมที่นี่จริง ๆ ไม่ใช่เพียงความฝัน”
แม้ใบหน้าของเขาจะไม่แสดงอารมณ์ น้ำเสียงจะเรียบเฉยเมื่อบอกกับเธอแบบนั้น แต่กลับทำให้หัวใจคนฟังปวดร้าว ดูเหมือนชายหนุ่มจะทำใจได้รวดเร็วกับการที่เธอจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาดูไม่รู้สึกรู้สาว่าเธอจะอยู่หรือจะไป เป็นเธอเสียอีกที่เสียน้ำตาทุกครั้งเมื่อคิดว่า บ้านที่เธอช่วยเขาออกความคิดที่มองดูการเจริญเติบโตอยู่ทุกวันนี้ จะเป็นบ้านของเขากับ... ผู้หญิงอื่น... ภรรยาของเขาที่ในที่สุดแล้วเขาคงจะแต่งงานไปกับใครสักคน ซึ่งคน ๆ นั้นไม่ใช่เธอ...