Timeline จดหมาย..ความทรงจำ ในความคิดผม เหมาะสมแล้วที่เป็นภาคต่อของ...The Letter จดหมายรัก
เมื่อสิบปีที่แล้ว มีหนังเรื่องหนึ่งที่ก่อนเข้าโรงหนัง จะมีกระดาษทิชชู่ให้คนดู ผมมีโอกาสได้ดูทั่งแบบในโรงและซื้อแผ่นมาเก็บไว้ดูหลายรอบ
ผมคิดว่า The Letter จดหมายรัก เป็นหนังที่มากกว่าเรื่องคนรักสองคน แต่กลับสอดแทรก
เรื่องการใช้ชีวิต ของคนเมืองกับชนบท ได้อย่างแนบเนียน
พอ คุณอุ๋ย บอกจะนำเรื่องนี้มาทำภาคต่อ ผมจึงรอคอย และตั้งความหวังพอสมควรว่าจะออกมาแบบไหน นอกจากความรักที่ซึ่ง ตรึงใจ
จะมีประเด็นไหน ที่ผู้กำกับจะถ่ายทอดออกมา
พอได้ดู ผมบอกได้เลยว่า คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ
เพราะในความคิดผมนั้น Timeline จดหมาย..ความทรงจำ เป็นภาคต่อของ เรื่องจดหมายรัก เพียงแค่การเล่าเรื่อง และวิธีดำเนินเรื่อง
(ไม่ว่าจะตอนอ่านจดหมาย หรือถ่ายวีดีโอ)
แต่สิ่งที่ผมรู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน นั้นคือ ความฝัน ความหวัง
The Letter ความหวัง..ที่จะอยู่กับคนรักนั้นไม่มี เพราะรู้ว่าคนรักกำลังจะจากไป
แต่ Timeline ความฝันแต่ละคนแตกต่างกันไป บางคนยังไม่มีด้วยซ้ำ
และหนังเรื่องนี้ ผมกลับรู้สึกว่าไม่มีฉาก สวีทหวานซึ้ง ไม่มีฉากบอกรักมากมาย แต่บทของหนังก็ทำให้ คนดูรู้สึกได้ ถึงความรักของแต่ละคน
มัท(คนเดียวกับดิวใน The Letter) ทำในสิ่งที่ควรทำจนกลายเป็นความรัก นั้นคือ ไร่ ที่ทำตามฝันของ ทัน(ต้นใน The Letter)
จูน คนที่ทำตามฝันและมีความสุขที่ได้ทำเพื่อคนรัก แม้เขาจะมองข้ามไปก็ตาม
แทน คนที่ไม่มีความฝันอะไรเลย มีแต่หวังเพียงว่า อยากออกจากบ้าน ออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ พยายามมองหาสิ่งใหม่ๆ
จนลืมความรักของคนใกล้ตัว ลืมสิ่งมีค่าที่อยู่ข้างกาย
หนังเรื่องนี้ แม้จะดำเนินเรื่องช้าๆ เรื่อยๆ เเละในบางฉากอาจขาดความสมจริงไปบ้าง(นอนริมหาด ถ้าเป็นความจริงยุงคงหามไปแล้ว)
แต่ในความช้า และเรื่อยๆ นี้กลับทำให้คนดูเพลินไปกับจังหวะของตัวละคร
อิ่มเอม ในความรักของแม่ที่ทำเพื่อลูก อึดอัดแทน จูนที่แสดงออกหลายอย่างแต่แทนกลับยังไม่เห็นค่า เพลินตาไปกับภาพสวยๆของหนัง
บรรยากาศสุดแสนโรแมนติค
และที่สำคัญผมชอบที่สุดในเรื่องนี้ นั้นคือ ฉากจบ ที่หลายคนอาจลุ้นให้เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่สำหรับผม ผมชอบฉากจบของหนังแบบนี้ที่สุด
คนรัก ถึงแม้จะไม่ได้ครอบครองมาอยู่คู่เคียง
แต่ความรัก มันจะอยู่ในใจ..คนที่มีความรักเสมอ...
ผมเชื่อว่า ใครหลายคนที่ได้ดูนอกจาก จะน้ำตาไหล
แต่ความอื่มเอมในหัวใจหลังจากลุกออกจากโรง นั้นมีแน่นอน....
Timeline จดหมาย..ความทรงจำ หนังรักที่ไม่จำเป็นต้องมีฉากรัก
เมื่อสิบปีที่แล้ว มีหนังเรื่องหนึ่งที่ก่อนเข้าโรงหนัง จะมีกระดาษทิชชู่ให้คนดู ผมมีโอกาสได้ดูทั่งแบบในโรงและซื้อแผ่นมาเก็บไว้ดูหลายรอบ
ผมคิดว่า The Letter จดหมายรัก เป็นหนังที่มากกว่าเรื่องคนรักสองคน แต่กลับสอดแทรก
เรื่องการใช้ชีวิต ของคนเมืองกับชนบท ได้อย่างแนบเนียน
พอ คุณอุ๋ย บอกจะนำเรื่องนี้มาทำภาคต่อ ผมจึงรอคอย และตั้งความหวังพอสมควรว่าจะออกมาแบบไหน นอกจากความรักที่ซึ่ง ตรึงใจ
จะมีประเด็นไหน ที่ผู้กำกับจะถ่ายทอดออกมา
พอได้ดู ผมบอกได้เลยว่า คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ
เพราะในความคิดผมนั้น Timeline จดหมาย..ความทรงจำ เป็นภาคต่อของ เรื่องจดหมายรัก เพียงแค่การเล่าเรื่อง และวิธีดำเนินเรื่อง
(ไม่ว่าจะตอนอ่านจดหมาย หรือถ่ายวีดีโอ)
แต่สิ่งที่ผมรู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน นั้นคือ ความฝัน ความหวัง
The Letter ความหวัง..ที่จะอยู่กับคนรักนั้นไม่มี เพราะรู้ว่าคนรักกำลังจะจากไป
แต่ Timeline ความฝันแต่ละคนแตกต่างกันไป บางคนยังไม่มีด้วยซ้ำ
และหนังเรื่องนี้ ผมกลับรู้สึกว่าไม่มีฉาก สวีทหวานซึ้ง ไม่มีฉากบอกรักมากมาย แต่บทของหนังก็ทำให้ คนดูรู้สึกได้ ถึงความรักของแต่ละคน
มัท(คนเดียวกับดิวใน The Letter) ทำในสิ่งที่ควรทำจนกลายเป็นความรัก นั้นคือ ไร่ ที่ทำตามฝันของ ทัน(ต้นใน The Letter)
จูน คนที่ทำตามฝันและมีความสุขที่ได้ทำเพื่อคนรัก แม้เขาจะมองข้ามไปก็ตาม
แทน คนที่ไม่มีความฝันอะไรเลย มีแต่หวังเพียงว่า อยากออกจากบ้าน ออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ พยายามมองหาสิ่งใหม่ๆ
จนลืมความรักของคนใกล้ตัว ลืมสิ่งมีค่าที่อยู่ข้างกาย
หนังเรื่องนี้ แม้จะดำเนินเรื่องช้าๆ เรื่อยๆ เเละในบางฉากอาจขาดความสมจริงไปบ้าง(นอนริมหาด ถ้าเป็นความจริงยุงคงหามไปแล้ว)
แต่ในความช้า และเรื่อยๆ นี้กลับทำให้คนดูเพลินไปกับจังหวะของตัวละคร
อิ่มเอม ในความรักของแม่ที่ทำเพื่อลูก อึดอัดแทน จูนที่แสดงออกหลายอย่างแต่แทนกลับยังไม่เห็นค่า เพลินตาไปกับภาพสวยๆของหนัง
บรรยากาศสุดแสนโรแมนติค
และที่สำคัญผมชอบที่สุดในเรื่องนี้ นั้นคือ ฉากจบ ที่หลายคนอาจลุ้นให้เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่สำหรับผม ผมชอบฉากจบของหนังแบบนี้ที่สุด
คนรัก ถึงแม้จะไม่ได้ครอบครองมาอยู่คู่เคียง
แต่ความรัก มันจะอยู่ในใจ..คนที่มีความรักเสมอ...
ผมเชื่อว่า ใครหลายคนที่ได้ดูนอกจาก จะน้ำตาไหล
แต่ความอื่มเอมในหัวใจหลังจากลุกออกจากโรง นั้นมีแน่นอน....