อาทิตย์อับแสง (บทที่ 12) โดย มานัส

กระทู้สนทนา
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 12)



ต่อให้เกษราประกาศว่า…ไม่มีวัน

ภูเก็ตก็หาทางตีสนิทได้ในระดับหนึ่งโดยอาศัยห้องที่อยู่ใกล้และพีทซี่ และแม้ว่าความสนิทสนมระหว่างเขากับดาราสาวนั้นมีขึ้น แต่ภูเก็ตย่อมสังเกตว่าเธอก็ระมัดระวังตัวเองพอ

ผู้หญิงคนนี้ฉลาด และมีความระแวงพอตัว ไม่เหมือนภาพลักษณ์เรื่อง…ผู้ชายที่ทำให้เธอตกเป็นข่าวอยู่หลายครา

ผู้ชายของที่เกษรามีข่าวด้วยเป็นระดับเศรษฐี หรือว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพล ต่างจากเขาที่มีแต่…นามสกุล

และภูเก็ตเองก็ต้องคิด เพราะผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา...ความใคร่ หรือบางทีความชอบมาก่อน...ผลประโยชน์ หรือเงิน

‘แกเป็นแบดบอย แต่ไม่ใช่แมงดานะเฟ้ย’ สาธิณีเคยเตือน แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องของเกษรา

เพราะรูปร่างหน้าตา ทำให้เขามีผู้หญิงเข้ามาไม่ขาด และมันก็ทำให้มีเจ๊ๆ ซ้อๆ และพวกเศรษฐี บรรดาโฮโซที่เป็นลูกค้าหลายคนที่ต้องการ…ตัวเขา

แต่ความเป็นญาติของคุณหญิงผกามาศ และศักดิ์ศรีที่ยังพอมีอยู่มันทำให้เขาไม่คิดที่จะทำ

ภูเก็ตใช้คำพูด ความเข้าใจ ใช้ความอ่อนน้อม ถ่อมตน ใช้ความรู้และความจริงใจของเขาโน้มเน้าและบริการลูกค้าของธนาคาร

แค่นี้ทีมของเขาก็ชนะณัฐและเจ้านายมานักต่อนัก





“เมื่อวานฉันไปกินข้าวเย็นกับคุณเกดและคุณพีทซี่มา” สาธิณีเปรยกับผู้เป็นหัวหน้าทีมที่รับฟังเพียงพยักหน้าเงียบๆ “ตอนแรกก็เกร็ง ฉันล่ะกลัวว่าจะโดนวีน แต่ที่ไหนได้ คุณเกดน่ารักมาก ไม่ได้เลวร้ายขี้เหวี่ยงเหมือนอย่างที่เป็นข่าวเลย แต่สงสัยชีคงเมาวันนั้นน่ะที่แกโดน”

“อือ…” ภูเก็ตทำเสียงในลำคอเป็นการรับรู้ ทำไม่สนใจ ก่อนที่จะบอก “บ่ายนี้เราต้องไปฉะเชิงเทรา ไปหาลูกค้าสองรายที่โน่น”

การวิ่งออกไปในละแวกจังหวัดใกล้เคียงหรือต่างจังหวัดที่ไกลออกไปนั้นพอมีบ้าง เศรษฐีภูธรมีเยอะ และมักชอบกำเงินสดเสียด้วย

“ปริมาณและคุณภาพ แถมเงินหนา” เขาย้ำเช่นนั้นกับทีม “แถมเอาใจไม่ยากเท่ากับไฮโซไฮซ้อกรุงเทพฯ”

ภูเก็ตรู้ถึงข้อดีของตนอย่างถ่องแท้ เขามักจับความรู้สึกคนได้ และเขาไวต่อความรู้สึกของคนอื่น กิริยาท่าทางที่ต้องสังเกต แล้วปรับเปลี่ยนคำพูดหรือสถานการณ์ไปตามนั้น

สำหรับภูเก็ตแล้ว สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะเขาคิดว่า…ต้องเข้าใจ และรู้จักลูกค้า

เขารู้แม้กระทั่งว่าลูกค้าเช่นเกษราจงใจมาใช้บริการของธนาคารเพื่อทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวาย และจะได้ย้ายออกไปจากห้องพักที่ราคาแสนถูกอย่างที่เธอต้องการ

และการหาเรื่องในหลายๆ ครั้งของเธอที่ผ่านมา ก็ทำให้เขารู้ว่า…จุดอ่อนของนางเอกสาวนั้นอยู่ที่ไหน

ร่างสูงยืนเท้าเอวมองผ่านประตูรั้วเหล็กยังตัวบ้านไม้หลังใหญ่ที่อยู่ข้างใน

มองผิวเผินบ้านหลังนี้เป็นเพียงบ้านไม้เก่าที่มีอายุมากกว่าเขา ทว่าบ้านหลังนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีซึ่งก็คงเพราะอำนาจเงินของนางเอกชื่อดัง

“มาหาใครคะ” เสียงสาวใช้ที่ชื่อจุ๋มตระโกนถาม ก่อนจะอุทาน “คุณนี่เอง”

“พบคุณป้ากับคุณยายครับ” ภูเก็ตบอกใต้รอยยิ้ม

“เชิญค่ะ” คราวนี้แม่สาวใช้ไม่ต้องวิ่งวนไปถามคนข้างใน ประตูรั้วบานใหญ่ถูกเปิดเพื่อให้รถยุโรปคันเล็กวิ่งเขามาจอด แล้วบอกทันทีที่ผู้มาเยือนลงจากรถ “ป้าลิอยู่กับยายที่สวนด้านหลัง”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปข้างในบ้าน ถึงจะเคยมาแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว แต่เขาก็พอรู้ว่าต้องไปทางไหน

เสียงอ่านบทกลอนของคุณมัลลิกาลงวรรคไพเราะ แต่น้ำเสียงก็ไม่ฟังรื่นหูเจื้อยแจ้วเท่ากับผู้เป็นหลาน

ใครจะเชื่อว่าเสียงที่เคยปี๊ดๆ ของเกษราที่มักจะข่มขู่เขาอยู่เป็นประจำ จะรื่นละมุนคล้ายบทเพลงที่พริ้วแผ่วตามสายลมได้ ถ้าครั้งนั้นไม่ได้ยินด้วยตัวเอง เขาก็คงไม่เชื่อหรอก

และแม้แต่บัดนี้ ภูเก็ตก็ยังประหลาดใจว่าทำไม เขายังไม่ลืม

พระฟังคำจำใจไกลสวาท
ใจจะขาดเสียด้วยรักนั้นหนักหนา
กระซิบสั่งสายใจอาลัยลา
แม่ดวงเนตรเกษราจงถาวร

พี่ขอฝากความรักที่หนักอก
ช่วยปิดปกไว้แต่ในน้ำใจสมร
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้าแลสาคร
อย่าม้วยมรณ์ไมตรีของพี่เลย

[“พระอภัยมณี” ประพันธ์โดยสุนทรภู่]


“ใครมาหรือจุ๋ม” คุณมัลลิกาถามเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามา

“ผมภูเก็ตครับคุณป้า” ชายหนุ่มรายงาน พลางยกมือไหว้ผู้เป็นเจ้าของบ้านทั้งสองคนที่หันมา “คุณยาย…”

“อ้าว…คุณ” เสียงอุทานแม้มีเค้าประหลาดใจแต่ก็แฝงความยินดีคุ้นเคย “แล้วนี่หนูปีบล่ะ” คุณมัลลิกาชะแง้มองหาหลานสาว

“ผมมาคนเดียวครับ เผอิญมีนัดกับลูกค้าแถวนี้ ก็เลยแวะมากราบคุณป้ากับคุณยาย” ภูเก็ตบอกตามความจริงโดยไม่ติดขัด “และถือโอกาสขอบคุณคุณป้าสำหรับหมูแดดเดียวและน้ำพริกหนุ่มด้วยครับ ผมไม่ได้ทานมานานแล้ว...น่าจะยี่สิบกว่าปีได้ อร่อยมากครับ”

ปากหวานปานหยาดน้ำผึ้งเดือนห้าเข้ากับรอยยิ้มอ่อนๆ เป็นอย่างดี รอยยิ้มนั่นมีให้แม้แต่กระทั่งหญิงชราที่อยู่ห่างออกไป

“พ่อหนุ่ม”

การเรียกเช่นนี้ แสดงว่า...จำได้

ร่างสูงย่อตัวลงข้างเก้าอี้นวมที่มีหญิงชรานั่งอยู่ แม้พูดไม่ได้ แต่รอยยิ้มกว้างของหญิงชราก็คลี่ออกอย่างคุ้นเคย มือย่นตามอายุแตะเบาๆ ที่ศีรษะของเขา พลางมองผู้มาเยือนที่หยิบหนังสือเก่าเล่มสีเขียวหนาที่วางอยู่บนตักของหญิงชราขึ้นมาพลิกเปิด

“หนูปีบบอกว่าคุณยายชอบเรื่องพระอภัยมณี…” ภูเก็ตเปิดเพียงสองสามหน้า แล้วก็ปิดหนังสือวางมันลง “ผมเคยแต่ได้ยินนิทานบทกลอนสั้นๆ ที่ต้องท่องตอนเรียน ไม่เคยเห็นเป็นหนังสือหนาแบบนี้เลยครับ”

เขาไม่อยากเสริมหรอกว่า…บทกลอนที่ท่องแสนยาก จนเมื่อสอบเสร็จ เขาก็เลือกที่จะลืม

“ยายเคยเป็นครูสอนภาษาไทย ตอนป้าเด็กๆ หรือแม้แต่หนูปีบ ยายก็มักจะกล่อมด้วยบทกลอนเสมอ” คุณมัลลิกาเล่าถึงอดีตด้วยรอยยิ้ม “สมัยนี้คนนิยมกล่อมเด็กด้วยโทรทัศน์”

“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย “มีบางคนที่ใช้เกมส์ ใช้มือถือกล่อมลูก”

“คุณภูเก็ตแต่งงานแล้วหรือยัง” คำถามด้วยเสียงเรียบนั้นแสนปรกติ

“ครับ?” คิ้วเข้มที่ขมวดมีร่องรอยฉงน ก่อนที่เขาจะส่ายหน้า “ยังครับ”

“ขอโทษถ้าป้าต้องถามตรงๆ ผู้ชายหลายคนที่หนูปีบตกเป็นข่าวด้วยส่วนใหญ่โสด แต่บางคนก็มีครอบครัวหรือว่ามีแฟนแล้ว” คุณมัลลิกามองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา

“ผมกับหนูปีบไม่ได้คบกันแบบนั้นครับ ผมเองมีผู้หญิงที่…สนิท แต่ช่วงหลังเราห่างกัน”

“เพราะหนูปีบ?”

“ไม่ครับ ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวอะไรกับหนูปีบ” เขารีบปฏิเสธ แล้วพยายามเรียบเรียงคำพูด “ผู้หญิงคนนั้น…มักจะทำให้ผมไม่สบายใจเวลาที่อยู่ด้วยกัน”

“แล้วหนูปีบทำให้คุณสบายใจหรือ” คุณมัลลิกาไม่อ้อมค้อม

“ไม่เลยครับ” คำสารภาพมีรอยขบขัน “ส่วนใหญ่แล้วถ้าเขาไม่ต่อว่าผม ก็มักจะหาเรื่องไล่ผมออกจากห้องที่ผมเช่าเขาอยู่”

“แต่คุณไม่ออก?”

“ก็ยังไม่หมดสัญญา” เขามองคุณมัลลิกาที่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างรถเข็นของหญิงชรา “แต่เหลืออีกไม่กี่เดือนครับ ช่วงนี้เราสงบศึก คิดว่าจนให้หมดสัญญา”

“หนูปีบเป็นเด็กดี ไอ้ที่เห็นในทีวีตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็แค่สิ่งที่สังคมมองว่ามันเป็นเช่นนั้น หน้ากาก…บางคนใส่เพื่อซ่อนความดี บางคน…ซ่อนความไม่ดี สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง เนื้อแท้…กับหน้ากาก ต่างกันนะ”

สายตาของผู้อาวุโสกว่ามองอย่างพินิจพิจารณา ทำให้ผู้มาเยือนต้องหลบสายตาทำเป็นแกล้งแหงนหน้าขึ้นยังหลอดไฟยาวที่เปิดสว่างบนเพดาน ที่เมื่ออาทิตย์ก่อนโน้นดาราสาวคนนั้น เป็นคนเปลี่ยน

ใครจะคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ ระดับนางเอกแถวหน้าจะทำได้ เพราะแม้แต่เขายังไม่รู้เลยว่าหลอดไฟแบบนี้มันเปลี่ยนอย่างไร วันนั้นเมื่อไฟกระพริบๆ แล้วดับไป เขายังนั่งนิ่งพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เธอคนนั้น เพียงไม่กี่นาทีก็เดินเข้ามาพร้อมบันไดปีนและหลอดไฟดวงใหม่ จัดแจงจนเสร็จสรรพ

“คุณภูเก็ต” เสียงเรียกเบาๆ ในเวลานี้ทำให้ชายหนุ่มหันไป…ก้มหน้า “ถ้าคุณเป็นเพื่อนหนูปีบก็ช่วยดูแลอย่างเพื่อนที่ดี แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณเป็นมากกว่าเพื่อนก็ขอให้…รักด้วยหัวใจ อย่าโกหกหลอกลวง”

“ผม…ไม่” ชายหนุ่มหลุบสายตาต่ำลง พยายามปฏิเสธ

“ประสบการณ์ชีวิตสอนให้หนูปีบเข้มแข็ง แต่ความเข้มแข็งก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทนรับทุกอย่างได้ หนูปีบให้ความเป็นมิตรกับคุณมากกว่าที่เคยให้กับใคร ในฐานะเพื่อน คุณสามารถปามีดปักหลังหนูปีบได้ลึกที่สุด” คุณมัลลิกาเอ่ยช้าๆ ตริตรองทุกถ้อยคำ “ถ้าคุณไม่รักใคร ก็อย่าแกล้งทำเป็นรักคนๆ นั้น ผู้หญิงสมัยนี้น้อยคนที่จะนึกถึงคำว่าเสียตัวเสียใจ แต่สุดท้ายมักจะเสียใจเสมอ”








การสนทนาของเมื่อไม่กี่ชั่วโมงยังอยู่ในความคิดของเขา แม้เมื่อกลับมาถึงห้องพักบนตึกสูงแล้ว

ไม่เคยเลยสักครั้งที่ภูเก็ตรู้สึกว่าหมดในคำพูด หมดโอกาสที่จะ…ซ่อน

คุณมัลลิกาอ่านเขาเหมือนดั่งเช่นที่เธออ่านท่องบทกลอน

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด

[“พระอภัยมณี” ประพันธ์โดยสุนทรภู่]


แต่ถ้าเกษราให้ความเป็นมิตรกับเขามากดั่งเช่นที่คุณมะลิวัลย์บอก และเขาก็สามารถปามีดปักหลังหนูปีบได้ลึกที่สุด ก็แสดงว่าบางที

…กับดาราคนนี้แกก็ไม่ต้องจริงจังหรอก เอาแค่สนุกๆ…ใช้เสน่ห์ให้เป็นประโยชน์ หนำซ้ำถ้าเขาชอบแกขึ้นมาจริงๆ เรื่องย้ายห้อง…บางทีหมดสัญญาแล้วแกก็อาจได้อยู่ต่อฟรีๆ สบายๆ ถ้าเขาติดใจแก ก็ลองดูซิวะไม่เสียหายนี่ …

พลันเสียงโทรศัพท์กรีดร้องดังก็ทำลายความคิดของเขา หมายเลขที่กำลังเรียกเข้าทำให้คนที่นอนเอกเขนกบนโซฟายาวหน้าโทรทัศน์ต้องลูกขึ้นนั่งตัวตรง

“ครับ” คำรับสายนั้นด้วยเสียงทุ้มหนักเฉดเช่นทุกครั้งที่สนทนากับ คุณท่าน

“ฉันได้ข่าวว่าแม่ดาราที่มีเรื่องแย่งผู้ชายกับเอ๋ไปเปิดบัญชีกับเธออย่างนั้นหรือ” เสียงแข็งห่างเหินไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เช่นเคย แต่ก็ปรากฏแววไม่พอใจอยู่ในที

“ครับ” เสียงทุ้มหนักเช่นเดิม พยายามเก็บความสงสัย…คุณท่านรู้ได้อย่างไร

ข่าวที่เกษรามาเปิดบัญชีกับเขาไม่น่าจะไปถึงคุณท่านได้เร็วเช่นนี้ และแม้คุณท่านจะรู้ แต่ไม่น่าให้ความสนใจขนาดนี้

“เรื่องแม่นั่นกับเอ๋เป็นข่าวเกรียวกราวขนาดนั้น แต่เธอก็ยังกล้าที่จะรับดูแลบัญชี”

“คุณเกษราเป็นลูกค้าของธนาคารครับ ผมทำตามหน้าที่”

“โอนพอร์ตของแม่นั่นกับพรรคพวกไปให้คนอื่นเขาดูแล”

“คนอื่นที่คุณท่านหมายถึง…”

“วันนี้เจ้านายของเธอกับเพื่อนร่วมงานที่ชื่อณัฐมาหาฉัน ตอนแรกบอกว่าจะโอนพอร์ตของฉันให้ทีมคุณณัฐดูแลเพราะว่าช่วงนี้ทีมของเธอก็มีลูกค้าใหม่เป็นพวกของแม่ดาราคนนั้น อีกอย่างทางธนาคารก็จะออกกฎว่าห้ามไม่ให้พนักงานดูและพอร์ตของญาติ” เสียเนิบๆ หากเฉียบขาดของคุณผกามาศบอกให้ความกระจ่างกับข้อสงสัยของอีกฝ่าย

“กฎอะไรครับ?”

ธนาคารมีกฎอยู่แล้วเรื่องการดูแลพอร์ตของญาติสนิทและคนรู้จัก แค่ต้องรายงาน และมีการตรวจสอบถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นลดลงว่าไม่ได้มากเกินเป็นพิเศษกว่าลูกค้าทั่วไป แต่ไม่ได้ห้ามอย่างใด

เรื่องนี้ภูเก็ตย่อมมองออก…นายและณัฐกำลังบีบตรงจุดอ่อนของเขา

คุณท่านไม่ชอบเป็นข่าว โดยเฉพาะข่าวคาว ข่าวฉาว

และข่าวคาวล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องของอรจิรากับเกษรา

เพราะฉะนั้นเกษราคือบุคคลต้องห้ามสำหรับคุณท่านและครอบครัว

“พวกเขาเป็นลูกค้าของผม ตอนนี้บัญชีที่เคยอยู่ในความดูแลของผมถูกแบ่งไปให้อีกทีม ถ้ามีลูกค้าใหม่เข้ามาผมก็ไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรทั้งนั้น มันเป็นการทำงานน่ะครับ” คำตอบระมัดระวัง หากแฝงด้วยความไม่พอใจที่เจ้าตัวพยายามซ่อน “หวังว่าคุณท่านจะเข้าใจ”

“พอร์ตของพวกแม่นั่นมันจะสักกี่ล้านเชียว” น้ำเสียงดูแคลนของคุณหญิงผกามาศนั้นชัดเจน

“ก็มากพอที่จะทำให้หน้าที่การงานของผมมีปัญหาได้ ถ้ามีการโอนย้าย”

“แล้วของฉัน”

“เช่นกันครับ”

“โอนของพวกแม่นั่นไปซะ แล้วฉันจะโอนเงินเข้าบัญชีที่อยู่กับธนาคารของเธอไปให้เท่ากับมูลค่าของพวกมัน”

“คุณท่านอาจจะไม่เข้าใจนะการทำงานนะครับ การทำงานของผมนั้นถูกวัดทั้งจำนวนเงินในบัญชีที่ดูแล และจำนวนบัญชี มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะตอนนี้บัญชีลูกค้าของผมเหลืออยู่เพียงครึ่งของที่เคยมีเมื่อสองเดือนก่อน”

“เธออยากได้เท่าไหร่ กี่บัญชีก็ว่ามา” คุณหญิงผกามาศถามเสียงแข็ง “เธอไปคิดมาให้ดีๆ พรุ่งนี้ฉันต้องได้คำตอบ”

เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เมื่อเทียบกับชื่อเสียงและศักดิ์ศรี

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณหญิงผกามาศใช้เงินเพื่อคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรี และไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วย





(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่