คนที่"พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่" กับ คนที่"ไม่ยอมพัฒนาตัวเอง" แตกต่างกันยังไง ใช้อะไรเป็นตัวแบ่งแยกได้บ้างครับ

กระทู้คำถาม
คือผมมีคำถามนี้ในใจมาซักพัก และได้คุยกับคนรอบข้าง แต่ยังไม่ได้คำตอบที่โดนใจเสียที
จึงอยากถามความเห็นเพื่อนๆในพันทิปว่า คนที่พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่กับคนที่ไม่ยอมพัฒนาตัวเองต่างกันยังไงครับ

เท่าที่ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาก็แบ่งได้เป็น2ประเภทตามหัวข้อครับ
1. หนังสือแนวธรรมะ จะสอนแนวแบบว่าให้ปล่อยวาง ใช้ชีวิตพอมีพอกิน
2. หนังสือแนวนักลงทุน ก็จะมีเรื่องเล่าสร้างแรงบันดาลใจในการหาเงิน ในการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอๆ หาความรู้ใส่ตัวเพิ่ม

ซึ่ง 2 แนวนี้ผมมองว่าขัดแย้งกันอยู่นะ

อาจจะเปรียบกับสังคมวิทยาศาสตร์กับสังคมชีวิตพอเพียงก็พอจะได้
ถ้าคนเราพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ ชีวิตก็จะไม่มีการพัฒนาขึ้น วิทยาศาสตร์อาจไม่ก้าวหน้า
แต่ถ้าทะเยอทะยานมากไป ขาดความพอเพียง อยากได้อยากมีกันมากขึ้น คนเราก็คงเห็นแก่ตัว และโกงกันมากขึ้น

ผมยกตัวอย่างเรื่องในชีวิตประจำวันว่าเราจะแบ่งเป็นพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี หรือไม่ยอมพัฒนาตัวเองให้ลองคิดเล่นๆละกันนะครับ

ตัวอย่างที่ 1 คนอ้วน
ถ้าคนอ้วนพอใจตัวเอง ก็จะยังอ้วนอยู่อย่างนั้น
แต่ถ้ามองว่าคนอ้วนไม่ยอมพัฒนาตัวเองโดยการออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก เพื่อสุขภาพตัวเอง มันก็สามรถมองได้เหมือนกัน

ตัวอย่างที่ 2 การเรียนหนังสือ
ถ้าพอใจ ก็อาจจะเรียนเอาแค่ผ่าน เกรดไม่สูง แต่ก็เรียนจบได้ ไม่เครียด ชีวิตมีความสุข
แต่ถ้ามีความทะเยอทะยาน ชีวิตมีการแข่งขัน ต้องการเรียนเป็นที่1หรืออันดับต้นๆ ชีวิตก็เครียดกว่าแบบแรก แต่ผลที่ออกมาก็ได้เกรดดีกว่า แต่ชีวิตก็เครียดกว่า

สรุป เราจะเอาอะไรมาแบ่งเกณฑ์ตาม topic ได้บ้างครับ
แล้วชีวิตของเพื่อนๆจะเลือกเดินทางไปในแนวไหน หรือปนๆๆกันไป

ปล. Post ครั้งแรก ถ้าผิดกฎ ช่วยชี้แจงด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่