สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
คนทั่วไปนั้นอยู่นิ่งได้ยากมาก แม้ตัวจะนิ่ง แต่ใจฟุ้งซ่านกระสับกระส่าย สุดท้ายก็นิ่งได้ไม่นาน ต้องออกไปคุยกับผู้คน ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยวห้าง เสพรับอารมณ์ใหม่ ๆ ที่เร้าใจ อย่างน้อยก็ขอให้มีอะไรทำสักอย่าง อย่าต้องอยู่นิ่งก็แล้วกัน อากัปกิริยาเหล่านี้ดูเหมือนเป็นการแสวงหาความสุข แต่แท้จริงคือการหนีทุกข์ต่างหาก
ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่กับการเที่ยวเตร่ สนุกสนาน แสวงหาสิ่งเสพใหม่ ๆ อยู่เสมอ ดูเผิน ๆ เหมือนเขามีความสุข แต่ที่จริงเป็นเพราะเขาถูกความทุกข์ผลักดันต่างหาก จึงอยู่เฉยไม่ได้ จำต้องมีพฤติกรรมอย่างนั้น สิ่งที่เขาเรียกว่าความสุขนั้น แท้จริงก็คือปลอดจากทุกข์เพียงชั่วคราวเท่านั้น จะว่าไปแล้วความสุขของคนส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้สถานที่ที่ใช้ปลดทุกข์ เราจึงเรียกว่า “ห้องสุขา”
คนทุกวันนี้แค่อยู่นิ่งก็เป็นทุกข์แล้ว แม้อยู่ในสถานที่ที่สะดวกสบาย มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ก็ตาม สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเบื่อหน่าย รู้สึกซ้ำซากจำเจ ไม่พอใจในสิ่งที่มีและเป็น ในส่วนลึกจะมีแรงผลักให้ต้องออกไปเสพรับอารมณ์ใหม่ ๆ หรือมีอะไรที่ต่างจากเดิม หาไม่จะกระสับกระส่าย พอได้เปลี่ยนที่เปลี่ยนทางหรือหลุดจากสภาพเดิม ๆ จึงรู้สึกเป็นสุข แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นแค่การคลายทุกข์เท่านั้น ไม่ต่างจากคนที่นั่งหรืออยู่ในอิริยาบถใดนาน ๆ แม้นเป็นท่าที่คิดว่าสบายที่สุดแล้ว แต่ไม่นานก็จะรู้สึกเมื่อย ทำให้อยากเปลี่ยนอิริยาบถ เมื่อได้เปลี่ยนอิริยาบถสมใจ ก็รู้สึกสุขสบาย แต่ถ้าดูให้ดี มันเป็นเพราะความปวดเมื่อยจางคลายไปต่างหาก
อย่างไรก็ตามความปวดเมื่อยหายไปชั่วคราวเท่านั้น หากเปลี่ยนอิริยาบถแล้วอยู่ในท่านั้นนาน ๆ มันก็จะกลับมาเยือนอีก ทำให้ต้องเปลี่ยนท่าอีก เป็นเช่นนี้เรื่อยไป ใช่หรือไม่ว่า การแสวงหาความสุขของผู้คนก็เช่นกัน คือ เป็นการหนีทุกข์ เพียงเพื่อจะมาเจอทุกข์อีก แล้วก็ต้องหนีต่อไป แม้ได้เสพอารมณ์ที่น่าพอใจ ได้ครอบครองวัตถุสมปรารถนา แต่ไม่ช้าไม่นานก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายจำเจ เกิดแรงผลักภายในให้อยู่เฉยไม่ได้ ต้องขวนขวายไปหาอารมณ์หรือสิ่งเสพใหม่ ๆ เพียงเพื่อจะเจอกับความเบื่อหน่ายอีก แล้วต้องดิ้นรนออกไปแสวงหาสิ่งใหม่ไม่รู้จบ
ชีวิตที่เอาแต่หนีทุกข์ ย่อมเป็นชีวิตที่หาความสุขได้ยาก เพราะนอกจากจะเหนื่อยกับการหาทางหนีทุกข์แล้ว ยังต้องหนีทุกข์ไม่หยุดหย่อนจนกว่าจะหมดลม จะไม่ดีกว่าหรือหากเราหันมาเผชิญหน้ากับทุกข์ หันมารับมือกับแรงผลักจากภายในที่ทำให้เราต้องดิ้นรนไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะความเบื่อ ความฟุ้งซ่าน ความกระสับกระส่าย รวมทั้งความอยากได้ใคร่ดีทั้งหลาย
ลองกลับมาดูใจของตน และรู้ทันอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เห็นมันด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่ผลักไสกดข่ม ก็จะพบว่าอารมณ์เหล่านี้เหมือนสายลม มาแล้วก็ผ่านเลยไป ที่สุดเราจะพบกับความสงบนิ่งที่กลางใจ ซึ่งสามารถนำพาความสุขมาหล่อเลี้ยงจิตใจของเราได้ โดยไม่จำต้องไปเสาะแสวงหาความสุขจากสิ่งเสพใด ๆ ภายนอกตัว
จวงจื๊อ ปราชญ์จีนเมื่อ ๒,๓๐๐ ปีที่แล้ว เล่าว่ามีชายคนหนึ่งรำคาญเงาของตัวเองมาก อีกทั้งยังทนรอยเท้าของตัวไม่ได้ เขาจึงพยายามวิ่งหนีจากทั้งสองสิ่งนี้ แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปไหน เงาและรอยเท้าก็ยังติดตามเขาไป เขาคิดว่าเขาวิ่งเร็วไม่พอ จึงเร่งฝีเท้า ไม่ยอมหยุด วิ่งแล้ววิ่งเล่า ในที่สุดก็หมดแรง ล้มลงและถึงแก่ความตาย แล้วจวงจื๊อก็ตบท้ายว่า “เขาหารู้ไม่ว่า ถ้าเพียงแต่เขาเข้าร่ม เงาก็จะหายไป และถ้าเขานั่งนิ่ง ๆ ก็จะไม่มีรอยเท้าเลย”
คนทุกวันนี้ไม่ต่างจากคนหนีเงา พยายามทำทุกอย่างเพื่อหนีทุกข์ โดยคิดว่าเป็นความสุข แต่ทุกข์ก็ยังตามมาไม่หยุด เขาหารู้ไม่ว่า ความทุกข์จะหมดไปเมื่อเขาหันเข้าหาร่มแห่งธรรมและทำใจให้นิ่งสงบ
ถึงที่สุดแล้ว ใครจะมีความสุขหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาออกไปตักตวงแสวงหาทรัพย์สมบัติและชื่อเสียงเกียรติยศได้สำเร็จหรือไม่ แต่อยู่ที่เขามีความสงบนิ่งได้มากน้อยเพียงใดต่างหาก
ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่กับการเที่ยวเตร่ สนุกสนาน แสวงหาสิ่งเสพใหม่ ๆ อยู่เสมอ ดูเผิน ๆ เหมือนเขามีความสุข แต่ที่จริงเป็นเพราะเขาถูกความทุกข์ผลักดันต่างหาก จึงอยู่เฉยไม่ได้ จำต้องมีพฤติกรรมอย่างนั้น สิ่งที่เขาเรียกว่าความสุขนั้น แท้จริงก็คือปลอดจากทุกข์เพียงชั่วคราวเท่านั้น จะว่าไปแล้วความสุขของคนส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้สถานที่ที่ใช้ปลดทุกข์ เราจึงเรียกว่า “ห้องสุขา”
คนทุกวันนี้แค่อยู่นิ่งก็เป็นทุกข์แล้ว แม้อยู่ในสถานที่ที่สะดวกสบาย มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ก็ตาม สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเบื่อหน่าย รู้สึกซ้ำซากจำเจ ไม่พอใจในสิ่งที่มีและเป็น ในส่วนลึกจะมีแรงผลักให้ต้องออกไปเสพรับอารมณ์ใหม่ ๆ หรือมีอะไรที่ต่างจากเดิม หาไม่จะกระสับกระส่าย พอได้เปลี่ยนที่เปลี่ยนทางหรือหลุดจากสภาพเดิม ๆ จึงรู้สึกเป็นสุข แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นแค่การคลายทุกข์เท่านั้น ไม่ต่างจากคนที่นั่งหรืออยู่ในอิริยาบถใดนาน ๆ แม้นเป็นท่าที่คิดว่าสบายที่สุดแล้ว แต่ไม่นานก็จะรู้สึกเมื่อย ทำให้อยากเปลี่ยนอิริยาบถ เมื่อได้เปลี่ยนอิริยาบถสมใจ ก็รู้สึกสุขสบาย แต่ถ้าดูให้ดี มันเป็นเพราะความปวดเมื่อยจางคลายไปต่างหาก
อย่างไรก็ตามความปวดเมื่อยหายไปชั่วคราวเท่านั้น หากเปลี่ยนอิริยาบถแล้วอยู่ในท่านั้นนาน ๆ มันก็จะกลับมาเยือนอีก ทำให้ต้องเปลี่ยนท่าอีก เป็นเช่นนี้เรื่อยไป ใช่หรือไม่ว่า การแสวงหาความสุขของผู้คนก็เช่นกัน คือ เป็นการหนีทุกข์ เพียงเพื่อจะมาเจอทุกข์อีก แล้วก็ต้องหนีต่อไป แม้ได้เสพอารมณ์ที่น่าพอใจ ได้ครอบครองวัตถุสมปรารถนา แต่ไม่ช้าไม่นานก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายจำเจ เกิดแรงผลักภายในให้อยู่เฉยไม่ได้ ต้องขวนขวายไปหาอารมณ์หรือสิ่งเสพใหม่ ๆ เพียงเพื่อจะเจอกับความเบื่อหน่ายอีก แล้วต้องดิ้นรนออกไปแสวงหาสิ่งใหม่ไม่รู้จบ
ชีวิตที่เอาแต่หนีทุกข์ ย่อมเป็นชีวิตที่หาความสุขได้ยาก เพราะนอกจากจะเหนื่อยกับการหาทางหนีทุกข์แล้ว ยังต้องหนีทุกข์ไม่หยุดหย่อนจนกว่าจะหมดลม จะไม่ดีกว่าหรือหากเราหันมาเผชิญหน้ากับทุกข์ หันมารับมือกับแรงผลักจากภายในที่ทำให้เราต้องดิ้นรนไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะความเบื่อ ความฟุ้งซ่าน ความกระสับกระส่าย รวมทั้งความอยากได้ใคร่ดีทั้งหลาย
ลองกลับมาดูใจของตน และรู้ทันอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เห็นมันด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่ผลักไสกดข่ม ก็จะพบว่าอารมณ์เหล่านี้เหมือนสายลม มาแล้วก็ผ่านเลยไป ที่สุดเราจะพบกับความสงบนิ่งที่กลางใจ ซึ่งสามารถนำพาความสุขมาหล่อเลี้ยงจิตใจของเราได้ โดยไม่จำต้องไปเสาะแสวงหาความสุขจากสิ่งเสพใด ๆ ภายนอกตัว
จวงจื๊อ ปราชญ์จีนเมื่อ ๒,๓๐๐ ปีที่แล้ว เล่าว่ามีชายคนหนึ่งรำคาญเงาของตัวเองมาก อีกทั้งยังทนรอยเท้าของตัวไม่ได้ เขาจึงพยายามวิ่งหนีจากทั้งสองสิ่งนี้ แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปไหน เงาและรอยเท้าก็ยังติดตามเขาไป เขาคิดว่าเขาวิ่งเร็วไม่พอ จึงเร่งฝีเท้า ไม่ยอมหยุด วิ่งแล้ววิ่งเล่า ในที่สุดก็หมดแรง ล้มลงและถึงแก่ความตาย แล้วจวงจื๊อก็ตบท้ายว่า “เขาหารู้ไม่ว่า ถ้าเพียงแต่เขาเข้าร่ม เงาก็จะหายไป และถ้าเขานั่งนิ่ง ๆ ก็จะไม่มีรอยเท้าเลย”
คนทุกวันนี้ไม่ต่างจากคนหนีเงา พยายามทำทุกอย่างเพื่อหนีทุกข์ โดยคิดว่าเป็นความสุข แต่ทุกข์ก็ยังตามมาไม่หยุด เขาหารู้ไม่ว่า ความทุกข์จะหมดไปเมื่อเขาหันเข้าหาร่มแห่งธรรมและทำใจให้นิ่งสงบ
ถึงที่สุดแล้ว ใครจะมีความสุขหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาออกไปตักตวงแสวงหาทรัพย์สมบัติและชื่อเสียงเกียรติยศได้สำเร็จหรือไม่ แต่อยู่ที่เขามีความสงบนิ่งได้มากน้อยเพียงใดต่างหาก
นิ่งได้ด้วยใจสงบ - พระไพศาล วิสาโล
http://ppantip.com/topic/31511578
http://ppantip.com/topic/31511578
แสดงความคิดเห็น
ความเบื่อ นี่ บอกอะไรกับชีวิตเราครับ
มันเป็นอารมณ์ ด้านลบ อย่างนึง เบื่อมีหลายแบบ เบื่ออาหาร เบื่อคน เบื่องาน เบื่อชีวิต ฯลฯ
อารมณ์เบื่อนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน มักจะเกิดเมื่อ เราคลุกคลี อยู่กับสิ่งนั้นมาสักพัก
ช่วงนี้ผมเบื่อๆ ครับ ก็เลยมาตั้งกระทู้ถาม อยากรู้ว่ามันบอกอะไร และเราควรจะทำอย่างไร ถึงจะหายเบื่อครับ
เช่น เบื่อ บอกว่าเราเครียด พักผ่อนน้อยเกินไป ดังนั้น เราควรจะพักงาน นอนให้มากขึ้น
เบื่อ บอกเราว่า เราขาดแรงบันดาลใจ ในสิ่งที่เรากำลังทำ เราต้องออกไปเติม แรงบันดาลใจ
อยากได้ ความเห็น ทำนองนี้ น่ะครับ