เริ่มเลยนะ..
เราทำงานอยู่หน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง มีเพื่อนร่วมงานที่อายุมากกว่าอยู่ 2 คน คนนึงจะออกแนวโผงผาง พูดไม่คิด ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น ขอใช้ชื่อว่า พี่เอ ส่วนอีกคนนึงจะออกแนวเป็นผู้ใหญ่ เข้าใจความรู้สึกของทุกคน เป็นคนดีในสายตาของทุกคนในที่ทำงานขอใช้ชื่อว่า พี่บี แล้วบังเอิญว่า เราก็ได้ไปสนิทกับ2คนนี้ เวลาเลิกงานบางครั้งก็จะนัดกันไปกินข้าว ไปเที่ยวด้วยกัน ซึ่งทุกครั้ง พี่บีก็จะมาเล่าเรื่องคนอื่นๆในที่ทำงานให้ฟัง ซึ่งเป็นเรื่องเชิงลบ 99% (คือไม่มีเรื่งดีๆมาเล่าเลย) ซึ่งพี่บีจะสนิทมากๆกับพี่ซีเพราะทำงานในแผนกเดียวกัน แต่พี่บีก็จะมาพูดถึงพี่ซีในแง่ลบให้พวกเราฟังเสมอ จนมีครั้งหนึ่ง พี่บีก็มาเล่าให้เราฟังว่า พี่ซีนินทาเรา ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พี่บีก็บอกว่าให้เราทำตัวปกติเวลาเจอพี่ซี สรุปว่าตอนเราเจอพี่ซี เราก็นิ่งนะ แต่คือไม่ได้เข้าไปคุยร่าเริงเหมือนก่อนหน้า เพราะเรายังทำใจไม่ได้ แต่พี่บีก็ยังคุยสนุกสนานร่าเริง ดูสนิทสนมกับพี่ซีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเลิกงานเราก็นัดพี่เอ ไปกินข้าว แล้วจู่ๆพี่บีก็โทรมาหาพี่เอ เราเลยบอกพี่เอว่า บอกว่าเราไม่ได้อยู่กับพี่เอนะ เราขอเวลาทำใจแปป และเมื่อพี่เอรับสาย พี่บีก็ถามมาคำแรกเลยว่า พี่เออยู่กับเราไหม พี่เอก็เลยบอกว่า ไม่ได้อยู่ (เปิดโฟน) หลังจากนั้นพี่บีก็นินทาเรา และพูดว่าเราไม่โต ทำตัวเป็นเด็ก ไม่รู้จักการเข้าสังคม ไม่ปรับตัว ต่างๆนาๆ พอเราได้ยินเราก็อารมณ์พุ่งปี๊ดเลย แต่พี่เอขอร้องไว้ว่าอย่าทำให้พี่เอเดือดร้อน เราก็เงียบ และนั่งฟังเฉยๆ และเมื่อมาทำงานในวันรุ่งขึ้น พี่บีก็ทำเหมือนปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็เฉยนะ แต่พี่เอขอร้องให้พยายามทำตัวปกติ เราก็คุยนะ คุยแบบถามคำตอบคำ และหลังจากนั้นเราก็พยายามปฏิเสธที่จะไปกินข้าวหลังเลิกงาน อาจจะมีไปด้วยบ้างแต่นานๆครั้ง แต่เรานั่งดูเขาแสดงละครทุกวันและพี่บีเหมือนจะเป็นที่รักของคนที่ทำงานมากๆ เราจึงไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะพูดไปก็กลัวคนอื่นจะไม่เชื่อ
แต่เราอึดอัดใจมาก เพราะต้องนั่งดูละครทุกวัน และบางวัน พี่บีก็มาถามเราว่า ทำไมเดี๋ยวนี้เราไม่เห็นไปปรึกษาเรื่องงานกับเขาเลย
และบางคนก็จะมาพูดกับเราว่าพี่บีนิสัยดี ซึ่งเราเองก็ค้านอยู่ในใจ และอยากจะถามเพื่อนๆว่า เราเป็นแบบที่พี่บีว่าจริงๆหรอ เราไม่โต ไม่ปรับตัวไม่เข้ากับสังคมจริงๆหรอ เราคิดว่าการคบกับใครหรือการจะจริงใจกับใครเราก็น่าจะต้องซื่อสัตย์กับเขาทั้งต่อหน้าและลับหลังซึ่งกระบวนการคิดตรงนี้เราผิดไหม ตอนนี้เราสับสนมาก เพราะคนที่ได้การยอมรับและได้รับการชื่นชอบคือคนที่ต่อหน้าอย่างนึง ลับหลังอย่างนึง
จะทำตัวอย่างไรกับสังคมแบบนี้
เราทำงานอยู่หน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง มีเพื่อนร่วมงานที่อายุมากกว่าอยู่ 2 คน คนนึงจะออกแนวโผงผาง พูดไม่คิด ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น ขอใช้ชื่อว่า พี่เอ ส่วนอีกคนนึงจะออกแนวเป็นผู้ใหญ่ เข้าใจความรู้สึกของทุกคน เป็นคนดีในสายตาของทุกคนในที่ทำงานขอใช้ชื่อว่า พี่บี แล้วบังเอิญว่า เราก็ได้ไปสนิทกับ2คนนี้ เวลาเลิกงานบางครั้งก็จะนัดกันไปกินข้าว ไปเที่ยวด้วยกัน ซึ่งทุกครั้ง พี่บีก็จะมาเล่าเรื่องคนอื่นๆในที่ทำงานให้ฟัง ซึ่งเป็นเรื่องเชิงลบ 99% (คือไม่มีเรื่งดีๆมาเล่าเลย) ซึ่งพี่บีจะสนิทมากๆกับพี่ซีเพราะทำงานในแผนกเดียวกัน แต่พี่บีก็จะมาพูดถึงพี่ซีในแง่ลบให้พวกเราฟังเสมอ จนมีครั้งหนึ่ง พี่บีก็มาเล่าให้เราฟังว่า พี่ซีนินทาเรา ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พี่บีก็บอกว่าให้เราทำตัวปกติเวลาเจอพี่ซี สรุปว่าตอนเราเจอพี่ซี เราก็นิ่งนะ แต่คือไม่ได้เข้าไปคุยร่าเริงเหมือนก่อนหน้า เพราะเรายังทำใจไม่ได้ แต่พี่บีก็ยังคุยสนุกสนานร่าเริง ดูสนิทสนมกับพี่ซีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเลิกงานเราก็นัดพี่เอ ไปกินข้าว แล้วจู่ๆพี่บีก็โทรมาหาพี่เอ เราเลยบอกพี่เอว่า บอกว่าเราไม่ได้อยู่กับพี่เอนะ เราขอเวลาทำใจแปป และเมื่อพี่เอรับสาย พี่บีก็ถามมาคำแรกเลยว่า พี่เออยู่กับเราไหม พี่เอก็เลยบอกว่า ไม่ได้อยู่ (เปิดโฟน) หลังจากนั้นพี่บีก็นินทาเรา และพูดว่าเราไม่โต ทำตัวเป็นเด็ก ไม่รู้จักการเข้าสังคม ไม่ปรับตัว ต่างๆนาๆ พอเราได้ยินเราก็อารมณ์พุ่งปี๊ดเลย แต่พี่เอขอร้องไว้ว่าอย่าทำให้พี่เอเดือดร้อน เราก็เงียบ และนั่งฟังเฉยๆ และเมื่อมาทำงานในวันรุ่งขึ้น พี่บีก็ทำเหมือนปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็เฉยนะ แต่พี่เอขอร้องให้พยายามทำตัวปกติ เราก็คุยนะ คุยแบบถามคำตอบคำ และหลังจากนั้นเราก็พยายามปฏิเสธที่จะไปกินข้าวหลังเลิกงาน อาจจะมีไปด้วยบ้างแต่นานๆครั้ง แต่เรานั่งดูเขาแสดงละครทุกวันและพี่บีเหมือนจะเป็นที่รักของคนที่ทำงานมากๆ เราจึงไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะพูดไปก็กลัวคนอื่นจะไม่เชื่อ
แต่เราอึดอัดใจมาก เพราะต้องนั่งดูละครทุกวัน และบางวัน พี่บีก็มาถามเราว่า ทำไมเดี๋ยวนี้เราไม่เห็นไปปรึกษาเรื่องงานกับเขาเลย
และบางคนก็จะมาพูดกับเราว่าพี่บีนิสัยดี ซึ่งเราเองก็ค้านอยู่ในใจ และอยากจะถามเพื่อนๆว่า เราเป็นแบบที่พี่บีว่าจริงๆหรอ เราไม่โต ไม่ปรับตัวไม่เข้ากับสังคมจริงๆหรอ เราคิดว่าการคบกับใครหรือการจะจริงใจกับใครเราก็น่าจะต้องซื่อสัตย์กับเขาทั้งต่อหน้าและลับหลังซึ่งกระบวนการคิดตรงนี้เราผิดไหม ตอนนี้เราสับสนมาก เพราะคนที่ได้การยอมรับและได้รับการชื่นชอบคือคนที่ต่อหน้าอย่างนึง ลับหลังอย่างนึง