สิ่งที่พบเห็นในการทำงานของเด็กรุ่นใหม่

เรื่องมันทีอยู่ว่า

เมื่อวานมีลูกน้องพาน้องแถวบ้านเค้ามาเรียนดูงาน เพราะ เด็กอยากทำงานด้านภาคสนามดู เคยมีประสบการณ์มาบ้าง

ลูกน้องมาถามว่าให้มาลองงานได้มั้ย ไอ้เราก็บอกไปว่าได้ ก็ให้มาลองดู  หลังจากสั่งงาน บรีฟงาน ไป และจากที่ลองสังเกตการทำงาน สิ่งปรากฏคือ เด็กมันทำงานผิดไปจากที่สั่งไว้ ผิดจากที่ บรีฟไว้   พอถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ สิ่งที่ได้ยินคือ มีหลายอย่างที่มันคิดของมันเอง มโนเอง ว่าต้องทำแบบนั้นก่อน แบบนี้ก่อน ไอ้นั่นทีหลัง ซึ่งมันผิดกับระบบการทำงานที่เค้าทำกัน  

ก็เลยสอนงานใหม่ สอนในสิ่งที่ต้องทำ เด็กกับตอบแบบประมาณกรูมั่นใจต้องเป็นแบบนี้ แบบอวดภูมิตัวเองเล็กๆ ว่ามันถูก เพราะมันเป็นเด็กรุ่นใหม่ งานที่ทำมันต้องต้องเป็นแบบใหม่ๆ ตามที่พวกเพื่อนมันคิดมันทำกัน  ประมาณไอ้ที่เราทำอยู่มันผิดนะ เพราะมันและเพื่อนมันเหมือนกัน ประมาณเสี่ยไม่รู้จักคนรุ่นใหม่ๆหร๊อก  (แต่คำพูดเด็กไม่รุนเเรง ดูซอฟท์ๆ แต่แฝงด้วยความพราวสุดๆ)
....เสี่ยถึงกับมึน  อยากบอกมันเหลือเกินว่า งานที่กูคิด กูก็ไปขายลูกค้าที่เค้าเรียนการตลาดจบริญญาโทจากนอกมาทั้งนั้น อย่างน้อยเค้าซื้องานกูที่กูไปขายมาหลายล้านมาได้ก็แล้วกัน

นี่ไม่ใช่เคสเเรก  เเต่เป็นเคสที่ 3 ที่ 4 แระ   หรือเด็กรุ่นใหม่มันจะเป็นอีเเบบนี้หว่า...
.
.
.
.


ทีนี้สิ่งที่พบจากการทำงานกับเด็กรุ่นหลังๆ คือ

เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้ค่อนข้างมีชีวิตความคิดเป็นของตัวเองเยอะ   ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นคือ ...ไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ไม่เอา โดนด่าไม่ชอบ ให้ทำกิจกรรมไม่สน  พอมาทำงานกระบวนการคิดก็เลยผิดแปลกไป    

ปัญหาสำคัญ ที่พบบ่อยในเด็กรุ่นใหม่ๆ นี้คือ ไม่รู้จัก ไม่มี priority  ในการเรียงลำดับการทำงาน  ไม่มีระบบการออแกร์ไนซ์ งานเลย  ไม่มีอดทน  อวดรู้   ที่สำคัญคือ ดื้อ  
ซึ่งหลายคนที่เป็นเช่นนั้น มักเกิดจากการที่ไม่เคยจับงานกิจกรรม หรือผ่านงาน ผ่านการฝึกงานที่ดี

หลายคนบอกว่า เวลาไปฝึกงาน พี่ที่ทำงานไม่สอนงาน ไม่มอบงาน  ส่วนหนึ่งต้องมองก่อนว่า ถ้าเค้าเอางานมาให้ แล้วเราทำผิดเพี้ยน เค้าต้องมาแก้มารื้องานใหม่ กลายเป็นว่าเหนื่อยเป็น 2 เท่า  เพราะเนื่องจากเวลาเค้าเอางานอะไรมาให้ทำ แล้วถามว่าเราทำได้มั้ย นศ ก็มักตอบว่าได้ แต่จริงๆคือ ทำไม่เป็น แต่ดันบอกทำได้ไว้ก่อน เพราะกลัวว่าตัวเองจะดูโง่  ทางแก้ที่ดีคือ เวลาไปฝึกงาน บอกพี่ไปเลยว่าทำเป็นหรือทำไม่เป็น ไม่ต้องกลัวว่าพี่เค้าจะดูเราโง่

และเมื่อได้ออกทำงานจริง ถ้าเราไม่มีการออแกไนซ์ ไม่มี priority งานและชีวิตหล่ะก็ งานก็มีแต่ปัญหา ทำไม่ทัน ทำเยอะกว่าคนอื่น  

และสิ่งทีตามมาคือ จะรู้สึกว่าคนอื่นทำน้อย แต่ตัวเองทำเยอะ แล้วทำไมไม่มีคนมองเห็น ,ไอ้คนนั้นมันเลียนาย ถึงได้ขึ้นตำแหน่ง, ขยันแทบตาย นายไม่เหลียวแล   โดยลืมมองไปว่าที่ตัวเองทำงานเยอะเพราะอะไร  

และที่สำคัญ คนที่เด็กแบบนี้จะโตมาด้วยความฝังใจที่ว่า  ....ไม่เป็นไร ขยันไว้จะได้ดี  ทั้งที่โลกการทำงานไม่ใช่ ดังมีหนังเรื่องนึงกล่าวไว้ว่า   การที่คนเราขยันมากๆ มันก็ไม่ได้ช่วยลบปมด้อย ของตัวเองเลย......


อยากฝากบอกสักนิดว่า เค้ามีงานอะไร ก็ไปเรียนรู้ไว้ก็ดีนะ  ไม่ใช่เก็บตัวเงียบๆคนเดียว มีจอคอมเป็นเพื่อน  เเล้วก็เข้าใจอะไรจากที่อ่านในจอ  ไปเรียนรู้ระบบการทำงานในม. ก่อน  อย่างน้อยก็ใกล้เคียงระบบในการทำงานบ้าง  ดีกว่าไม่เป็นอะไรเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่