หลังการมาถึงของมือถือสมาร์ทโฟน มนุษย์เราก็เริ่มใช้เวลาอยู่กับเทคโนโลยีมากขึ้นจนถูกค่อนแขวะว่ากลายเป็นสังคมก้มหน้า เพราะแต่ละคนต่างก็หมกมุ่นอยู่กับโลกสมมติของตัวเองบนหน้าจอมือถือจนละเลยการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ขณะเดียวกันปัญญาประดิษฐ์ทั้งหลายก็ถูกพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคนี้ เราได้เห็นหุ่นยนต์สัตว์เลี้ยง หุ่นยนต์ดูแลคนแก่ ตลอดจนระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ หรือ OS ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ สามารถสนทนาโต้ตอบได้ไม่ต่างจากคนอย่าง SIRI เป็นต้น
สไปค์ จอนซ์ ผู้กำกับชื่อดังจึงจับประเด็นนี้มาทำเป็นหนัง HER เรื่องราวของ ธีโอดอร์ หนุ่มนักเขียนจดหมายขี้เหงาที่กำลังจะหย่ากับภรรยา เขาเก็บตัวใช้ชีวิตเคว้งคว้างอยู่พักหนึ่ง กระทั่ง ได้ซื้อระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่มาใช่ เธอทั้งฉลาดและคุยสนุกทำให้เขามีความสุขมากขึ้น จนวันหนึ่ง ธีโอดอร์ พบว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์
บทของหนังเรื่องนี้ลํ้ามาก กล่าวถึงความสัมพันธ์อันเปราะบางของคนกับระบบปฏิบัติการที่เราได้ยินแต่เสียง ทว่า กลับทำให้คนดูรู้สึกอินและเชื่อได้จริงๆว่าพวกเขารักกัน คำพูดของตัวละครยั่วล้อจิกกัดสังคมในเมืองใหญ่ปัจจุบันที่มนุษย์ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ โทนของหนังอ้างว้าง โดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงา คนโสดหรือเพิ่งเลิกกับแฟนดูแล้วอินสุดๆ การถ่ายทอดภาพต่างๆงดงามนวลตาโดยเฉพาะสีสันเครื่องแต่งกายของ ธีโอดอร์ ดูอบอุ่นดี
เพลงประกอบภาพยนตร์ก็เพราะมาก การเล่าเรื่องของหนังค่อนข้างละเอียด มีหลายอารมณ์ความรู้สึก จับประเด็นความรักหลาdมิติ ทั้งแบบหนุ่มสาว มิตรภาพของเพื่อน และ ความผูกพันธ์ของคนกับสมองกล รวมถึงความห่างเหินของคนในสังคมกับความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยกับคนแปลกหน้า ช่วงท้ายหนังดํ่าดิ่มสู่ความเศร้าชนิดใครอ่นไหวง่ายนี่มีบ่อนํ้าตาแตก
วาคิน ฟินิกซ์ แสดงได้ยอดเยี่ยมมาก เล่นกับวัตถุสมมติหรือเสียงได้สมจริง ความเหงาถูกส่งผ่านทางดวงตาของเขา แทบไม่ต้องทำอะไรเราก็รู้สึกสงสาร เห็นใจ สิ่งที่เขากำลังเผชิญ สกาแล็ตต์ โจแฮนสัน ต้องบอกว่าสุดยอด ตลอดทั้งเรื่องเราได้ยินเพียงแค่เสียงของเธอกับการเล่นเป็นOS แต่ก็หลงเสน่ห์นํ้าเสียงเธอกันถ้วนหน้าโดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่ขอชื่นชมอีกอย่างคือความสามารถทางการร้องเพลงของเธอ The Moon Song นี่ฟังจบแทบละลายเลย บทสนทนาของทั้งคู่ดูเป็นธรรมชาติจึงจับใจผู้ชมได้ไม่ยาก สำหรับฉากเลิฟซีนแห่งปีนี่ขอยกให้หนังเรื่องนี้ได้ไป ทั้งอีโรติกและโรแมนติกสุดๆ
อีกสองคนที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ รูนี่ย์ มาร่า ในบทภรรยาของ ธีโอดอร์ แม้จะออกไม่บ่อยแต่เราก็เห็นถึงความสวยน่ารักของเธอที่ทำให้ตัวเอก ธีโอดอร์ หลงรัก จนอดอยากเอาช่วยให้กลับมาคืนดีกัน ส่วน เอมี่ อดัมส์ ที่ส่วนมากได้รับแต่บทสาวเซ็กซี่ หนังเรื่องนี้มาในลุคนักวิจัยสาวคงแก่เรียนก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอเลย และเธอเป็นอีกคนที่ดูเหมาะสมกับ ธีโอดอร์
ชอบคำพูดของ เอมี่ อดัมส์ ตอนที่ วาคิน มาปรึกษาเรื่องที่เขารักกับระบบปฏิบัติการ เขาถามเธอว่าเขาบ้าหรือเปล่าที่ตกหลุมรักกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เธอตอบว่า เมือมีความรักเราต่างก็บ้าด้วยกันทั้งนั้น ความรักเป็นเรื่องที่บ้ามาก แต่เป็นความบ้าที่สังคมยอมรับ
คะแนน 9/10
โดย นกไซเบอร์
ที่มาจาก
http://movie.bugaboo.tv/watch/105457?link=4
วิจารณ์หนัง : HER ระบบปฏิบัติการความรัก
หลังการมาถึงของมือถือสมาร์ทโฟน มนุษย์เราก็เริ่มใช้เวลาอยู่กับเทคโนโลยีมากขึ้นจนถูกค่อนแขวะว่ากลายเป็นสังคมก้มหน้า เพราะแต่ละคนต่างก็หมกมุ่นอยู่กับโลกสมมติของตัวเองบนหน้าจอมือถือจนละเลยการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ขณะเดียวกันปัญญาประดิษฐ์ทั้งหลายก็ถูกพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคนี้ เราได้เห็นหุ่นยนต์สัตว์เลี้ยง หุ่นยนต์ดูแลคนแก่ ตลอดจนระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ หรือ OS ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ สามารถสนทนาโต้ตอบได้ไม่ต่างจากคนอย่าง SIRI เป็นต้น
สไปค์ จอนซ์ ผู้กำกับชื่อดังจึงจับประเด็นนี้มาทำเป็นหนัง HER เรื่องราวของ ธีโอดอร์ หนุ่มนักเขียนจดหมายขี้เหงาที่กำลังจะหย่ากับภรรยา เขาเก็บตัวใช้ชีวิตเคว้งคว้างอยู่พักหนึ่ง กระทั่ง ได้ซื้อระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่มาใช่ เธอทั้งฉลาดและคุยสนุกทำให้เขามีความสุขมากขึ้น จนวันหนึ่ง ธีโอดอร์ พบว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์
บทของหนังเรื่องนี้ลํ้ามาก กล่าวถึงความสัมพันธ์อันเปราะบางของคนกับระบบปฏิบัติการที่เราได้ยินแต่เสียง ทว่า กลับทำให้คนดูรู้สึกอินและเชื่อได้จริงๆว่าพวกเขารักกัน คำพูดของตัวละครยั่วล้อจิกกัดสังคมในเมืองใหญ่ปัจจุบันที่มนุษย์ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ โทนของหนังอ้างว้าง โดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงา คนโสดหรือเพิ่งเลิกกับแฟนดูแล้วอินสุดๆ การถ่ายทอดภาพต่างๆงดงามนวลตาโดยเฉพาะสีสันเครื่องแต่งกายของ ธีโอดอร์ ดูอบอุ่นดี
เพลงประกอบภาพยนตร์ก็เพราะมาก การเล่าเรื่องของหนังค่อนข้างละเอียด มีหลายอารมณ์ความรู้สึก จับประเด็นความรักหลาdมิติ ทั้งแบบหนุ่มสาว มิตรภาพของเพื่อน และ ความผูกพันธ์ของคนกับสมองกล รวมถึงความห่างเหินของคนในสังคมกับความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยกับคนแปลกหน้า ช่วงท้ายหนังดํ่าดิ่มสู่ความเศร้าชนิดใครอ่นไหวง่ายนี่มีบ่อนํ้าตาแตก
วาคิน ฟินิกซ์ แสดงได้ยอดเยี่ยมมาก เล่นกับวัตถุสมมติหรือเสียงได้สมจริง ความเหงาถูกส่งผ่านทางดวงตาของเขา แทบไม่ต้องทำอะไรเราก็รู้สึกสงสาร เห็นใจ สิ่งที่เขากำลังเผชิญ สกาแล็ตต์ โจแฮนสัน ต้องบอกว่าสุดยอด ตลอดทั้งเรื่องเราได้ยินเพียงแค่เสียงของเธอกับการเล่นเป็นOS แต่ก็หลงเสน่ห์นํ้าเสียงเธอกันถ้วนหน้าโดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่ขอชื่นชมอีกอย่างคือความสามารถทางการร้องเพลงของเธอ The Moon Song นี่ฟังจบแทบละลายเลย บทสนทนาของทั้งคู่ดูเป็นธรรมชาติจึงจับใจผู้ชมได้ไม่ยาก สำหรับฉากเลิฟซีนแห่งปีนี่ขอยกให้หนังเรื่องนี้ได้ไป ทั้งอีโรติกและโรแมนติกสุดๆ
อีกสองคนที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ รูนี่ย์ มาร่า ในบทภรรยาของ ธีโอดอร์ แม้จะออกไม่บ่อยแต่เราก็เห็นถึงความสวยน่ารักของเธอที่ทำให้ตัวเอก ธีโอดอร์ หลงรัก จนอดอยากเอาช่วยให้กลับมาคืนดีกัน ส่วน เอมี่ อดัมส์ ที่ส่วนมากได้รับแต่บทสาวเซ็กซี่ หนังเรื่องนี้มาในลุคนักวิจัยสาวคงแก่เรียนก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอเลย และเธอเป็นอีกคนที่ดูเหมาะสมกับ ธีโอดอร์
ชอบคำพูดของ เอมี่ อดัมส์ ตอนที่ วาคิน มาปรึกษาเรื่องที่เขารักกับระบบปฏิบัติการ เขาถามเธอว่าเขาบ้าหรือเปล่าที่ตกหลุมรักกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เธอตอบว่า เมือมีความรักเราต่างก็บ้าด้วยกันทั้งนั้น ความรักเป็นเรื่องที่บ้ามาก แต่เป็นความบ้าที่สังคมยอมรับ
คะแนน 9/10
โดย นกไซเบอร์
ที่มาจาก http://movie.bugaboo.tv/watch/105457?link=4