[SR] รีวิว OPPO Neo by bacidea

กระทู้รีวิว


ไม่นานมานี้ OPPO เปิดตัวมือถือ 3 รุ่น ได้แก่ Find 5 mini, R1 และ Neo ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้มาพร้อมกับ ColorOS ทำให้ Neo ที่เป็นรุ่นเล็กสุดในงานนี้ ก็มีลูกเล่นใกล้เคียงกับอีก 2 รุ่น


สเป็ก OPPO Neo
- CPU 2 core 1.3 GHz
- RAM 512 MB
- พื้นที่ 4 GB (ใส่ Micro SD ได้)
- หน้าจอ 4.5 นิ้ว 854x480 (218 PPI)
- กล้อง 5 ล้าน (ไม่มีแฟลช)
- กล้องหน้า 2 ล้าน
- แบต 1900 mAh
- น้ำหนัก 130 กรัม
- รองรับ 2 ซิมและ 3g ทุกเครือข่าย
- รองรับวิทยุ FM
- ราคาเปิดตัว 5990 บาท



เครื่องที่ผมได้มา ไม่ใช่เครื่องขายจริง ก็เลยมีเรื่องแปลกๆอยู่พอตัว ตั้งแต่ปุ่ม 3 อันด้านล่างที่สกรีนปุ่มไว้ชัดเจน เรียงลำดับจาก menu, home, back และเท่าที่ทดสอบมันไม่มีแสงไฟที่ปุ่ม แต่กลับมีการตั้งค่าไฟของปุ่ม... งง!



ด้านหลังเรียบๆ มีแค่กล้อง และรุ่นนี้แกะฝาหลังเปลี่ยนแบตและใส่ Micro SD ได้ จุดที่น่าสังเกตก็คือรองรับซิม 2 ขนาด และฝาหลังค่อนข้างยืดหยุ่น



ด้านซ้ายเป็นปุ่มเปิด-ปิด ด้านขวาเป็นปุ่มปรับเสียง ส่วนตัวผมไม่ชอบมือถือขนาดใหญ่ เลยรู้สึกว่าขนาดและการจัดวางปุ่มต่างๆของ Neo ทำได้ดีมาก ใช้งานด้วยมือเดียวสะดวกดี



อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า Neo ใช้ ColorOS ทำให้ลูกเล่นต่างๆถอดแบบมาจากรุ่นใหญ่อย่าง OPPO N1 เลย

...ในส่วนของ ColorOS สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความก่อนหน้านี้ ซึ่งรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ดังนั้นผมจะหยิบเฉพาะจุดเด่นออกมาบอกเล่านะครับ

เรื่องแรกเลยคือความเป็น user friendly ที่เลือกแปลคำศัพท์แบบ geek ให้เข้าใจง่ายขึ้น อย่างเช่นคำว่า daydream ก็เปลี่ยนเป็น Interactive screensaver ที่ผมคิดว่าเข้าใจง่ายกว่า รวมทั้งการจัดวางปุ่มและเมนูต่างๆ เข้าใจได้ง่าย อย่างเช่นการแบ่งกลุ่มการตั้งค่าออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่
- General ตั้งค่าทั่วไป
- Sound ตั้งค่าเสียง
- Display ตั้งค่าการแสดงผล

ในส่วนของแถบแจ้งเตือนด้านบนก็มี Quick Settings ให้ตั้งค่าแบบด่วนๆ



แต่จุดที่คนสับสนมากที่สุดคือการเข้า recent apps ที่ต้องกด home 2 ครั้ง ซึ่งหลายคนหาไม่เจอ



ใน recent apps ยังคงจุดเด่นไว้คือสามารถปิดแอพทั้งหมดด้วยปุ่มเดียว และยังสามารถป้องกันเผลอปิดแอพด้วยการกดที่รูปแม่กุญแจ พร้อมทั้งแสดงจำนวน RAM ที่ใช้งาน



เรื่องแปลกอีกอย่างที่ผมเจอบนเครื่องทดสอบนี้ก็คือ ปรกติแล้ว ColorOS กดปุ่ม home ค้างไว้จะเป็นทางลัดเข้า Google Now แต่เครื่องนี้กด home ค้างก็เข้า recent apps ไม่ต่างจากการกด home 2 ครั้งติด

ต่อมาคือเรื่องความสวยงาม ก็มีเรื่องของ Theme & lock screen ให้ใช้งาน และมีให้เลือกเยอะมากครับ



จุดเด่นที่ชัดเจนของ ColorOS ก็คือเรื่องของ gesture & motion หรือการควบคุมด้วยท่าทางและการขีดเขียน



ผมลองเทียบการใช้งาน gesture & motion กับ N1 พบว่าบางอย่างถูกตัดออกไป ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะขนาดหน้าจอที่เล็กกว่า หรือเพราะว่าเครื่องที่ผมได้มาเป็นเครื่องทดสอบ
- ระหว่างปิดหน้าจอ
--- วาด O เพื่อเปิดกล้อง
--- แตะ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ
--- ลาก 2 นิ้วลงเพื่อเล่น-หยุดเพลง
--- วาดเครื่องหมาย < หรือ > เพื่อเปลี่ยนเพลง

- ในหน้าปรกติ
--- ลากนิ้วลง เปิดแถบแจ้งเตือน
--- จีบ 2 นิ้วเข้าหากัน ดูหน้าทั้งหมด
--- ลาก 3 นิ้วลง จับภาพหน้าจอ

- ในเครื่องเล่นวีดีโอ
--- ปัดขึ้น-ลงด้านขวา ปรับเสียง
--- ปัดขึ้น-ลงด้านซ้าย ปรับแสง

รุ่นนี้รองรับการสั่งงานเมื่อใส่ถุงมือด้วย ...อย่าคิดว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อนแล้วการใส่ถุงมือมันเป็นเรื่องไร้สาระ เพื่อนๆผมหลายคนใส่ถุงมือขับมอ'ไซต์นะครับ

ถ้าเราลากนิ้วจากมุมบนซ้าย จะเจอแถบ gesture panel สำหรับวาดรูปเพื่อสั่งงานเครื่อง เช่น เปิดแอพ, โทร, ส่งข้อความ และนอกจากนี้ยังสามารถสร้าง gesture ของเราเองได้ไม่ต่างจาก OPPO N1 เลยครับ

จากการใช้งานจริง ต้องบอกว่า gesture panel ค่อนข้างฉลาด แปลงรูปที่วาดได้แม่นยำมาก

ในส่วนของ gesture and motion ยังมีรายละเอียดอื่นๆ อย่างเช่น
- ป้องกันการสั่งงานระหว่างอยู่ในกระเป๋า
- คว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง
- รับสายทันทีเมื่อเอาเครื่องมาแนบหู



ประเด็นต่อมาคือเรื่องของความพร้อมของแอพที่มีมาให้ เริ่มจากระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าสนใจมี 3 อย่าง
- App encryption ใส่รหัสล็อกเฉพาะบางแอพ
- Guest mode ซ่อนข้อมูลบางอย่างจากคนอื่น โดยสร้างรหัสปลดล็อก 2 ชุด สำหรับเจ้าของเครื่อง และบุคคลอื่น
- Security of Personal Information ปกป้องข้อมูลส่วนตัวจากแอพ เช่นป้องกันบางแอพเข้าถึงรายชื่อในเครื่อง

ส่วนตัวแล้วผมชอบ Guest mode มากๆ มันช่วยซ่อนข้อมูลสำคัญเวลาที่มีเพื่อนยืมเครื่องไปเล่น
ส่วน Security of Personal Information ผมเลือกไม่ใช้งาน เพราะรู้สึกว่าชีวิตผมไม่ได้มีอะไรสำคัญขนาดนั้น



แอพดูหนังสามารถล็อกหน้าจอระหว่างดูหนัง รวมทั้งย่อเป็นหน้าต่างเล็กได้ และสีสันหน้าจอค่อนข้างจัดจ้านเลยทีเดียว แม้ว่าความละเอียดหน้าจอจะไม่ใช่แบบ Full HD แต่ถ้าไม่เพ่งจับผิด มันก็เพียงพอครับ



ส่วนแอพฟังเพลง เลือกเพลงจากโฟลเดอร์ ตั้งเวลาปิดเพลงได้ และที่สำคัญคือรองรับวิทยุ FM ด้วย



ประเด็นเรื่องพื้นที่การใช้งาน Neo แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน
1. System storage สำหรับติดตั้งแอพ 1 GB
2. Phone storage สำหรับเก็บข้อมูลทั่วไป 3 GB



ซึ่งพื้นที่สำหรับติดตั้งแอพ 1 GB ถือว่าน้อยมาก ...ผมบ่นมาตลอด และก็จะบ่นต่อไปจนกว่า OPPO จะแก้ไขเรื่องนี้ และถ้าถามว่า 1GB ที่ว่าทำอะไรได้บ้าง ผมลองลงแอพไปเรื่อยๆ ได้แก่
1. Facebook
2. Facebook Messenger
3. Instagram
4. Skype
5. Camera360
6. Line
7. Hay Day
8. Subway Surf
9. Robocop

และก็เต็มครับ เหลือพื้นที่ในเครื่องราวๆ 100 MB โดยประมาณ แต่ยังดีที่เราสามารถโยกแอพไปติดตั้งใน Phone storage ได้ ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้นหน่อยนึง

ผมทดสอบเล่นเกม Hay Day, Subway Surf ได้ลื่นๆ ส่วน Robocop ฝืนเข้าเกมได้สักพักก็จะเด้งออกครับ

แอพ Files นอกจากใช้ดูไฟล์ในเครื่อง ก็มีตัว Cleanup สำหรับช่วยแก้ปัญหาพื้นที่เต็มด้วยการลบขยะในเครื่อง



แอพสำหรับสำรองข้อมูลสามารถตั้งเวลาให้ทำการ backup อัตโนมัติได้



การตั้งค่าที่น่าสนใจก็อย่างเช่นการเปลี่ยน font , โหมดประหยัดพลังงาน และตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่อง



เรื่องสำคัญที่ข้ามไม่ได้คือเรื่องการใช้งาน 2 ซิม



มีปุ่มโทรจากแต่ละซิมชัดเจน เลือกได้ว่าจะใช้ Data 3g จากซิมไหน รวมทั้งเปิด Smart dual SIM สำหรับใช้งาน 2 ซิมพร้อมกัน

ความสามารถด้านการโทรใส่มาครบถ้วน เช่น การบล็อกเบอร์ การสั่นเมื่อปลายทางรับสาย โทรด่วน โทรซ้ำอัตโนมัติ



แม้ว่ากล้องจะไม่ใส่แฟลชมาให้ แต่คุณภาพของไฟล์ในที่แสงเพียงพอ เมื่อเทียบกับราคาถือว่าโอเคเลยครับ ความละเอียดสูงสุด 5 ล้าน ในอัตราส่วน 4:3 แต่ไม่มีโหมด wide ส่วนคลิปความละเอียดสูงสุด HD 720p

สามารถปิดเสียงชัตเตอร์ และแตะหน้าจอเพื่อถ่ายได้ ส่วนโหมดใช้งานมี 4 อย่างคือ
- Normal
- HDR
- Panorama
- Beautify

ซึ่งผมคิดว่า 4 โหมดนี้ก็เพียงพอกับการใช้งานจริงแล้ว และอีกจุดที่ผมชอบก็คือปุ่มถ่ายภาพนิ่ง และปุ่มอัดคลิปอยู่ในหน้าเดียวกัน

ตัวอย่างรูป





ส่วนกล้องหน้า



ดูเหมือนกล้องหลังจะมีปัญหาการจับโฟกัสในระยะใกล้ๆ ส่วนกล้องหน้าทำได้ดีเกินราคาครับ

สรุป
ประเด็นแรกที่ผมขอพูดก่อนเลยก็คือ ถ้าต้องการมือถือราคาไม่แพง รองรับ 3g ทุกเครือข่าย ถือว่ารุ่นนี้น่าสนใจมากครับ เพราะมือถือที่ราคาต่ำกว่าหมื่นส่วนใหญ่จะรับ 3g แบบแยกค่าย

ความสามารถและลูกเล่นต่างๆ ได้รับอานิสงส์จาก ColorOS ที่ OPPO ภูมิใจเสนอ พื้นที่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ส่วนความเร็วก็ขึ้นอยู่กับแอพที่ลง ถ้าลงแอพไม่เยอะเกินไปก็ใช้งานได้ลื่น การโหลดเข้าเกมอาจจะช้าหน่อย แต่ตอนเล่นก็ลื่นครับ

จุดขายจริงๆของรุ่นนี้นอกจากเรื่อง 2 ซิมแล้ว ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของ FM , รองรับการสั่งงานผ่านถุงมือ และความลื่นไหลในการใช้งานทั่วไป

จุดสังเกตคือถ้าไม่ใส่ Micro SD และซิม 2 อัน บางเมนูจะถูกซ่อน เช่น การจัดการซิม และการเลือกตำแหน่งติดตั้งแอพ

และเรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่เล็กสำหรับผมก็คือ เครื่องคิดเลขมี % ให้ใช้งาน ซึ่งบางรุ่นไม่มีมาให้ครับ

รายละเอียด ColorOS อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://new.oppothai.com/coloros/

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Source: http://www.bacidea.com/review-oppo-find-neo.html
Facebook page: http://www.facebook.com/bacidea
ชื่อสินค้า:   OPPO Neo
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่